หลังจากประกาศแผนพัฒนาพื้นที่ประวัติศาสตร์ “เวิ้งนครเขษม” หรือ “เวิ้งนาครเขษม” ในปี 2564 เมื่อวันที่ 23 มกราคม 2567 AWC บริษัทในเครือทีซีซี กรุ๊ป ของ “เจ้าสัวเจริญ สิริวัฒนภักดี” ได้ฤกษ์ลงเสาเอกโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” โครงการมิกซ์ยูสใหญ่ที่สุดในย่านไชน่าทาวน์ ด้วยงบลงทุนสูงที่สุดกว่า 16,000 ล้านบาท เตรียมเปิดบริการเต็มรูปแบบในปี 2572
บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป หรือ AWC ใช้ชื่อพัฒนาโครงการนี้ว่า “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” (ปรับจากเวิ้งนครเขษม เป็น เวิ้งนครเกษม) เป็นโครงการมิกซ์ยูสที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของ AWC ในขณะนี้ บนพื้นที่กว่า 14 ไร่ (22,400 ตารางเมตร) ใจกลางเยาวราช หนึ่งในย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ และศูนย์กลางทางวัฒนธรรมและการค้าที่สำคัญมาตั้งแต่ปลายศตวรรษที่ 18
“เวิ้งนครเกษม เยาวราช” เป็นโครงการลงทุนที่ราคาที่ดินแพงที่สุดของ AWC ในขณะนี้ ทั้งโปรเจกต์ใช้งบลงทุน 16,000 ล้านบาท สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ขณะนี้ (ตามแผนลงทุนโครงการเอเชียทีคเฟสใหม่และอควาทีค พัทยา ในอนาคตจะใช้เงินลงทุนสูงกว่านี้) ก่อสร้างโดย “ไทย โอบายาชิ” (Thai Obayashi) บริษัทก่อสร้างชั้นนำมาตรฐานระดับโลก โดยเริ่มก่อสร้างปี 2568 ใช้เวลา 5 ปี แล้วเสร็จทั้งโครงการ
คุณวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จํากัด (มหาชน) กล่าวว่าย่านเยาวราช ถือเป็นไชน่าทาวน์ใหญ่ที่สุดในโลก เป็นแลนด์มาร์กระดับโลก โครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” ตั้งอยู่ใจกลางเยาวราช จึงถูกพัฒนาภายใต้แนวคิด “Legacy of the Past, Inspiration of Tomorrow” เชื่อมคุณค่าจากอดีตสู่แรงบันดาลใจแห่งอนาคต สร้างสีสันใหม่ให้เยาวราช โครงการออกแบบผสมผสานความทันสมัยเข้ากับเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมไทย-จีน อย่างลงตัว ประกอบไปด้วยพื้นที่ชอปปิ้ง โรงแรมลักชัวรี 2 แห่ง ศาลาจีนร่วมสมัย และพื้นที่วัฒนธรรมเพื่อชุมชนและครอบครัว
โครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” ตั้งอยู่บนพื้นที่ประวัติศาสตร์ขนาด 14 ไร่ ใจกลางย่านเยาวราช พื้นที่การพัฒนากว่า 135,000 ตารางเมตร ก่อสร้างอาคารบนพื้นดินสูง 10 ชั้น (ถูกกำหนดความสูงจากพื้นที่อนุรักษ์) และพื้นที่ใต้ดิน 5 ชั้น โครงการเชื่อมถนน 3 ด้าน เยาวราช, คลองโองอ่าง และรถไฟฟ้าใต้ดิน MRT (สถานีสามยอด 200 เมตร)
การออกแบบสะท้อนวัฒนธรรมไทย-จีน ของย่านไชน่าทาวน์ ด้วยการอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดั้งเดิมและเพิ่มความทันสมัย เพื่อพลิกฟื้นมรดกแห่งเยาวราช ประกอบไปด้วยพื้นที่สำคัญ 3 ส่วน
– ศาลาจีน (Chinese Pavilion) ความสูง 8 ชั้น พื้นที่ศักดิ์สิทธิ์และแลนด์มาร์กแห่งใหม่ของไชน่าทาวน์ ออกแบบให้เป็นเอกลักษณ์ เปิดให้ผู้คนได้เข้ามาสักการะเพื่อเสริมโชคลาภและความเป็นสิริมงคล รวมถึงพิพิธภัณฑ์เวิ้งนครเกษมที่จัดแสดงภาพประวัติศาสตร์
– ลานกิจกรรมเชื่อมกับศาลาจีนและพื้นที่รีเทล เพื่อการเรียนรู้เชิงวัฒนธรรม วิถีชีวิตดั้งเดิมของชุมชน พื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่และสวนลอยฟ้าบริเวณฟาซาดของอาคาร สำหรับพักใจในใจกลางเมือง
– โรงแรมระดับลักชัวรี (World-Class Hospitality) แห่งแรกของไชน่าทาวน์ จำนวน 2 โรงแรม รวมห้องพักกว่า 500 ห้อง
1. โรงแรมอินเตอร์คอนติเนนตัล (InterContinental) ในเครือ IHG กว่า 300 ห้องพัก อาคารหลักสูง 10 ชั้น และอาคารพาณิชย์เก่าแก่ที่ได้รับการอนุรักษ์โครงสร้างเดิมและปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นห้องสวีทหรู ห้องบอลรูมขนาดใหญ่ที่สุดในเยาวราชกว่า 1,100 ตารางเมตรรองรับได้ถึง 750 คน
2. โรงแรม Kimpton ระดับลักชัวรีไลฟ์สไตล์ในเครือ IHG กว่า 200 ห้องพัก อาคารหลักสูง 10 ชั้น และอาคารพาณิชย์อนุรักษ์บริเวณริมคลองโอ่งอ่าง ผสมผสานระหว่างประเพณีและความทันสมัย พร้อมด้วยห้องอาหารและบาร์
ศูนย์การค้าใต้ดินใหญ่สุดในไทย
พื้นที่รีเทลในโครงการเป็นศูนย์การค้าระดับไอคอนิค (Iconic Heritage And Luxury Retail) รวมกว่า 68,000 ตารางเมตร ดังนี้
– พื้นที่พลาซ่ากลางแจ้งขนาดใหญ่ใจกลางไชน่าทาวน์บริเวณอาคารพาณิชย์อนุรักษ์ (ตึกเก่าด้านหน้า) ถือเป็นสัญลักษณ์ของเวิ้งนครเกษม ส่วนนี้เป็นการปรับปรุงอาคารเดิม และเปิดให้บริการเป็นส่วนแรกช่วงไตรมาส 4 ปี 2569
– พื้นที่ชั้นใต้ดิน 5 ชั้น เฉพาะส่วนนี้ใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี เป็นแหล่งชอปปิ้งใต้ดินขนาดใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ และประเทศไทย มีร้านค้าแบรนด์เนมหรู ร้านค้าคอนเซ็ปต์ใหม่ ร้านอาหารระดับมิชลินสตาร์ ร้านอาหารชื่อดังย่านเยาวราช คาเฟ่ และร้านค้าท้องถิ่นของชุมชน
– ลานจอดรถชั้นใต้ดินรองรับได้ถึง 750 คัน
โครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” พัฒนาตามมาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building Standard) อาคารที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและวิถีชีวิตชุมชนโดยรอบ นอกจากนี้ได้เตรียมพัฒนาบริการรถไฟฟ้ารางเบา (Tram) เส้นทางท่องเที่ยวในโครงการ “เวิ้งนครเกษม เยาวราช” เชื่อมโยงกับย่านไชน่าทาวน์
“เวิ้งนครเกษม เยาวราช” เป็นโครงการมิกซ์ยูสเต็มรูปแบบของ AWC ในย่านไชน่าทาวน์ ที่จะพลิกโฉมพื้นที่ประวัติศาสตร์ สร้างเป็นแลนด์มาร์กระดับโลก คาดว่าจะมีผู้ใช้บริการเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ 50% เตรียมเปิดบริการปี 2572
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE