0
![](data:image/svg+xml,%3Csvg%20xmlns='http://www.w3.org/2000/svg'%20viewBox='0%200%201024%20682'%3E%3C/svg%3E)
ก้าวเข้าปีที่ 10 ที่เครือเจริญโภคภัณฑ์ (ซีพี) ประกาศนโยบายด้านความยั่งยื นในภาคเหนือ โดยเข้าไปขับเคลื่อนการฟื้นฟู ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้ อมอย่างจริงจังในหลายจังหวัด จากสภาพปัญหาหมอกควันไฟป่าและฝุ่ นละอองขนาดเล็ก PM 2.5 ที่เกิดจากภาคการเกษตร โดยเข้าไปสนับสนุนเกษตรกรรมที่ เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ปลอดการเผา 100% โดยผนึกกำลังทุกภาคส่วนทั้ งภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม ภาคการศึกษาและชุมชน เพื่อศึกษาและทำความเข้าใจต้ นเหตุของปัญหาของเกษตรกรและชุ มชนตลอดห่วงโซ่อุปทาน พร้อมทั้งสร้างแรงจูงใจ สนับสนุนในการปรับเปลี่ยนอาชีพ “ปลูกกาแฟสร้างป่า” ทดแทนการปลูกข้าวโพด จนเกิดโมเดลความยั่งยืนแก่ชุมชน และขยายผลในพื้นที่ 4 ต้นน้ำ สำคัญ ปิง วัง ยม และน่าน ในภาคเหนือ
นายจอมกิตติ ศิริกุล รองกรรมการผู้จัดการใหญ่อาวุโส ด้านพัฒนาความยั่งยืนภาครั ฐและกิจการสัมพันธ์ เครือเจริญโภคภัณฑ์ เปิดเผยว่า เครือซีพียังคงมีนโยบายสนับสนุ นเกษตรปลอดเผา 100% ด้วยระบบตรวจสอบย้อนกลับ (Corn Traceability) โดยกลุ่มธุรกิจในเครือซีพี บริษัท กรุงเทพโปรดิ๊วส จำกัด (มหาชน) หรือ BKP พร้อมทั้ง มีนโยบายส่งเสริมเกษตรกรให้มี ความยั่งยืน เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ควบคู่ไปพร้อมกับการสร้างอาชี พและรายได้ เพื่อต่อสู้กับปั ญหาภาคการเกษตรแบบเชิงรุก โดยที่ผ่านมาได้เข้าไปศึกษาต้ นเหตุซึ่งมีหลายปัจจัย เช่น การขาดความรู้ ขาดโอกาสทางอาชีพ ขาดสิทธิในที่ดินทำกิน ปัญหาของสภาพพื้นที่ และขาดเงินทุน เครือซีพี จึงเข้าไปสนับสนุนตั้งแต่ กระบวนการต้นน้ำในการปรับเปลี่ ยนอาชีพจากปลูกพืชเชิงเดี่ยว มาเป็นพืชเศรษฐกิจมูลค่าสูง โดย “กาแฟสร้างป่า” จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม เมื่อเปรียบเทียบการปลูกกาแฟเพี ยง 1 ไร่ สามารถสร้างรายได้เทียบเท่ากั บการปลูกข้าวโพด 7 ไร่ ลดการใช้พื้นที่ทางการเกษตรได้ มหาศาล ช่วยยกระดับอาชีพและรายได้แก่ กลุ่มเกษตรกร ลดการเผาวัสดุทางการเกษตร โมเดลดังกล่าวได้นำร่องในชุ มชนสบขุ่น อ.ท่าวังผา จ.น่าน สามารถฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวกลั บมากว่า 5,551 ไร่ คิดเป็น 60% จากพื้นที่ทำกินเดิมของสมาชิก และสร้างเศรษฐกิจชุมชนกว่า 1.6 ล้านบาท ต่อปี ขณะเดียวกันยังขยายผลไปยังชุ มชนอื่นๆ ครอบคลุมพื้นที่ ต้นน้ำ ปิง วัง ยม และน่าน ที่ผ่านมาปลูกต้นไม้ไปแล้วรวม 1,387,859 ต้น เพิ่มพื้นที่สีเขียว 12,079 ไร่
ในปี 2568 นี้ ชุมชนบ้านสบขุ่น ยังคงดำเนินโครงการจากการสนั บสนุนของเครือซีพี โดยมีแผนพัฒนาผลิตภัณฑ์กาแฟสบขุ่ นให้เป็นกาแฟคาร์บอนต่ำ (Low Carbon Coffee) ที่ผลิตโดยใช้วิธี การและเทคโนโลยีที่ช่วยลดการปล่ อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในทุกขั้นตอนของกระบวนการผลิต และขยายการพัฒนาสู่กาแฟบ้ านกองกาย อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ รวมถึงผลิตภัณฑ์ชุมชนอื่นๆที่ เครือซีพีเข้าไปสนับสนุนในทุกพื้ นที่ ปิง วัง ยม น่าน โดยที่ผ่านมา เกษตรกรมีการปรับเปลี่ยนมาปลู กพืชมูลค่าสูงอย่างกาแฟสร้างป่ า ผ่านการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุ มชนต่อยอดสู่ธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ได้รับการสนับสนุนตั้งแต่ต้นน้ำ จนถึงปลายน้ำแบบครบวงจร จนกระทั่งมีผลิตภัณฑ์กาแฟสบขุ่ นจำหน่ายใน True Coffee ทั่วประเทศ ได้รับตราสัญลักษณ์ผลิตภัณฑ์จั งหวัดน่าน หรือ Nan Brand พร้อมทั้งยกระดับกาแฟสบขุ่นสู่ กาแฟ Specialty อีกทั้งร่วมกับชุมชนสร้ างความเปลี่ยนแปลงจากการสร้ างแรงจูงใจปลูกพืชที่เหมาะสม นอกจากนี้ยังมีโครงการ “คืนป่าแลกอาชีพทางเลือก” แก่เกษตรกรให้มีทางเลื อกในการปลูกพืชชนิดอื่นได้พื้ นที่ป่ากลับมากว่า 2.9 พันไร่ ฟื้นกลับมาเขียวขจีอีกครั้ง