เป็นอีกหนึ่งรายที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจร้านอาหารเมืองไทย สำหรับ บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด เจ้าของเชนร้านอาหารที่คนไทยคุ้นเคยกัยดีอย่าง Shinkanzen Sushi และ นักล่าหมูกระทะ ล่าสุดประกาศเร่งเครื่องฝ่ามรสุมความท้าทายของต้นทุน พร้อมสร้างการเติบโตจัดเต็มกลยุทธ์ปี 2568 ลุยเปิดสาขาเพิ่มกว่า 16 สาขา พร้อมเดินหน้าพัฒนา และปรับตัวอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภคทุกไลฟ์สไตล์ ตั้งเป้ายอดขายกว่า 2,800 ล้านบาทในสิ้นปี
เส้นทางการเติบโตของ ฟู้ด ซีเล็คชั่นฯ เริ่มต้นจากร้านซูชิธรรมดา โดย 2 ผู้ก่อตั้งอย่าง “ศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล” และ “ชนวีร์ หอมเตย” เพื่อนซี้นักศึกษา ที่มีใจรักในการทำอาหารและอยากมีธุรกิจเป็นของตัวเอง จากจุดเริ่มต้นร้านแรก Shinkanzen Sushi สาขาแรกในปี 2014 วันนี้ ฟู้ด ซีเล็คชั่นฯ มีแบรนด์ในพอร์ต 4 แบรนด์ รวม 70 สาขา ไม่ว่าจะเป็น ชินคันเซ็น ซูชิ, นักล่าหมูกระทะ, คัตสึมิโดริ ซูชิ และ นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ พร้อมทะยานรายได้ทะลุ 1,000 ล้านบาท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทว่าการแข่งขันในธุรกิจร้านอาหารนั้นยังไม่จบสิ้น ยังคงมีโจทย์ใหม่เข้ามาท้าทายทั้งคู่อยู่เสมอ
คุณชนวีร์ หอมเตย และ คุณศุภณัฐ สัจจะรัตนกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด กล่าวว่า ในปี 2567 ที่ผ่านมาภาพรวมธุรกิจร้านอาหารญี่ปุ่นมีความท้าทายจากราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้น การแข่งขันระหว่างร้านอาหารที่สูงขึ้น การชะลอตัวของเศรษฐกิจไทยทำให้กำลังการซื้อของผู้บริโภคลดลง และความท้าทายครั้งใหญ่ การปรับขึ้นราคาของวัตถุดิบในหลายอย่าง โดยเฉพาะปลาแซลมอนไข่ปลา ที่ได้ปรับราคาสูงขึ้นถึง 40% ในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา และคาดการณ์ว่าจะปรับเพิ่มขึ้นอีก 10% ในปีนี้
แม้บริษัทจะเผชิญความท้าทายหลายด้าน แต่ยังคงได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้าสามารถปิดรายได้รวมได้ถึง 2,100 ล้านบาท หรือเติบโตขึ้น 50% ด้วยการนำเสนอเมนูที่หลากหลาย ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างต่อเนื่อง
“เรานำเข้าแซลม่อนจากนอร์เวย์สัปดาห์ละ 2,000 ตัวเพื่อมาใช้ในร้านอาหารของเรา ดังนั้นแม้ต้นทุนแซลมอนจะขึ้นราคาสูงมากในช่วงที่ผ่านมา แต่จากปริมาณที่สั่งบวกกับการบริหารจัดการสต็อกทำให้เรายังสามารถควบคุมต้นทุนและคงราคาขายได้โดยไม่ต้องปรับขึ้นราคา” คุณชนวีร์กล่าว
พร้อมกันนี้ยังยังเติมเต็มพอร์ตโฟลิโอด้วย 2 แบรนด์ใหม่ สร้างการเติบโต ได้แก่ ร้าน นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ บุฟเฟ่ต์พรีเมียมที่รวบรวมเมนูอาหารยอดนิยมทั้งอาหารญี่ปุ่นและซีฟู้ด และ คัตสึมิโดริ ซูชิ ร้านซูชิสายพานอันดับ 1 จากโตเกียว รวมถึงสร้างจุดเด่น และความแตกต่างในตลาดด้วยการคำนึงถึงความคุ้มค่าของสินค้าและบริการ
เปิดกลยุทธ์ ปี 68 รับมือความท้าทายธุรกิจร้านอาหาร
ขณะที่ในปี 2568 ภาพรวมการแข่งขันปีนี้ การแข่งขันค่อนข้างสูงแต่ละแบรนด์หาช่องทางการแข่งขันมากที่สุดเพื่อชิงส่วนแบ่งการตลาดมาให้ได้ ท่ามกลางสภาพเศรษฐกิจที่ยังไม่ฟื้นตัว ทำให้ผู้บริโภคมองหาความคุ้มค่า ดังนั้นในปีนี้เราจึงเลือกชูจุดแข็งของแบรนด์เน้นความคุ้มค่า คุ้มราคามากที่สุด เพื่อมัดใจลูกค้า” พร้อมมุ่งสู่การเติบโตที่แข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ผลักดันการเติบโตตามเป้าหมาย ประกอบด้วย
- ลุยขยายสาขาแบรนด์ต่างๆในเครือเพิ่ม 16 สาขา ในปี 2568
- พัฒนารูปแบบการบริการ ร้าน นามะ เจแปนนิส ซีฟู้ด แอนด์ บุฟเฟ่ต์ ด้วยการขยายพื้นที่ขายโซนเอ้าท์ดอร์ (Outdoor) เพิ่มเติม พร้อมเปิดบริการในรูปแบบอิซากายะ (Izakaya)
- ขยายช่องทางการขาย Channel O2O (ONLINE TO OFFLINE) เพื่อเพิ่มช่องการการให้บริการผ่านแพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เช่น Shopee, Lazada, TikTok Shop, Line My Shop ที่ช่วยให้ขายสินค้าได้ง่าย รองรับพฤติกรรมการซื้อของออนไลน์ของคนรุ่นใหม่ ที่ชอบความสะดวก สามารถเลือกซื้อสินค้าได้ทุกที่ ทุกเวลา ผ่านแคมแปญดึงดูดต่าง ๆ เช่น ส่วนลดสินค้าใหม่ หรือแจกคูปองดีลพิเศษในช่วงมหกรรมลดราคาวันพิเศษ เช่น 9.9 ,10.10 เป็นต้น
เปิดตัวแบรนด์น้องใหม่ “คัตสึมิโดริ ซูชิ” ร้านซูชิสายพานอันดับ 1 จากโตเกียว
โดยหนึ่งในแบรนด์ที่จะโฟกัสในปีนี้คือ “คัตสึมิโดริ ซูชิ” ร้านซูชิสายพานอันดับ 1 จากโตเกียว ที่เปิดให้บริการมากว่า 23 ปี (ตั้งแต่ปี 2545) ภายใต้แนวคิด “มุ่งมั่นให้ลูกค้าได้ลิ้มรส ซูชิที่สดใหม่ และคุณภาพสูง ในราคาที่เหมาะสม พร้อมบริการที่ยอดเยี่ยมเพื่อสร้างความประทับใจ” การันตีคุณภาพด้วยสาขาในญี่ปุ่นทั้งหมด 7 สาขา และ 2 สาขา ในต่างประเทศ รวมประเทศไทย เปิดสาขาแรกในไทยที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ โดยสาขาที่ประเทศไทยเป็นสาขาที่ใหญ่ที่สุดในโลก (พื้นที่กว้างกว่า 700 ตารางเมตร สามารถรองรับลูกค้าได้ทั้งสิ้น 248 ที่นั่ง) โดยเปิดให้บริการไปตั้งแต่เดือน ธ.ค. ปีที่ผ่านมา
“เรามองเห็นโอกาสว่าตลาดซูชิสายพานพรีเมียมแมสยังมีคู่แข่งในตลาดค่อนข้างน้อย และยังสามารถเติบโตได้อีกมาก อีกทั้งยังเป็นแบรนด์ที่คุ้มค่า คุ้มราคา ตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย คือ กลุ่มลูกค้าที่ชอบทานซูชิพรีเมียม หรือกลุ่มลูกค้าที่ชอบทานซูชิสายพาน รวมถึงกลุ่มลูกค้าที่เคยไปทานที่ประเทศญี่ปุ่น และรู้จักร้านคัตสึมิโดริ ซูชิ เป็นอย่างดี”
อีกไฮไลท์ของแบรนด์คือ การเอนเตอร์เทนลูกค้า ทั้งการนำเสนอขายแบบช่วงนาทีทอง, บริการรูปแบบสายพานโอมากาเสะ(Omakase) ที่ทุกออเดอร์เชฟจะเสิร์ฟส่งให้ทานกับมือ ให้ความรู้สึกเหมือนทานโอมากาเสะ ซึ่งเป็นรูปแบบที่ยังไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย และเมนูไฮไลท์อิคุระหน้าล้น ที่เมื่อลูกค้าสั่ง ทั้งร้านจะมีการกล่าวขอบคุณ และปรบมือให้เป็นจังหวะสร้างสีสันให้ร้านเป็นอย่างมาก
การเปิดตัวทำให้สามารถขยายสู่กลุ่มลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น ส่งผลให้ภาพรวมของบริษัทฯ แข็งแกร่งขึ้น โดยตั้งเป้าว่าภายใน 2 – 3 ปี แบรนด์จะเติบโต และสร้างยอดขายได้อย่างต่อเนื่อง มีขยายสาขาเพิ่มขึ้นปีละ 1 – 2 สาขาต่อปี เน้นพื้นที่ในโซนกรุงเทพฯ เป็นหลัก เป็นที่รู้จักในประเทศไทยมากขึ้น และก้าวขึ้นเป็น Top of Mind ของร้านซูชิสายพานในประเทศไทย
เทรนด์ “หมูกระทะ” ยังแรง ส่ง “นักล่าหมูกระทะ” บุกตลาดคนรักปิ้งย่าง
นอกจากในเซกเมนต์ร้านอาหารญี่ปุ่นแล้ว กลุ่มร้านอาหารปิ้งย่าง โดยเฉพาะ “หมูกระทะ” คืออีกหนึ่งร้านอาหารที่ได้รับความนิยมและมีอัตรการเติบโตไม่แพ้กัน ซึ่งในพอร์ตของบริษัทมีแบรนด์ “นักล่าหมูกระทะ” ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง จนสามารถสร้างยอดขายได้ 310 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา หรือคิดเป็นสัดส่วน 15% ของพอร์ตโฟลิโอทั้งหมด
จากความนิยมและแนวโน้มดังกล่าว ทำให้ปีนี้จะเน้นขยายสาขาแบรนด์ “นักล่าหมูกระทะ” เพิ่มอีก 10 สาขา เน้นทำเลคอมมิวนิตี้มอลล์ ในเขตกรุงเทพฯ (ซึ่งบางสาขาอาจจะเปิดถึงตี 2) จากปัจจุบันที่มีสาขาอยู่ 12 สาขา ซึ่งแต่ละสาขาจะใช้เงินลงทุนราว 15 ล้านบาท และมีพื้นที่ 300-400 ตารางเมตร การขยายสาขาดังกล่าวจะทำให้ร้านนักล่าหมูกระทะมีสาขาทั้งสิ้น 22 แห่งในสิ้นปีนี้
“ดีมานด์ของตลาดหมูกระทะยังมีความต้องการสูงอย่างเห็นได้ชัด ทำให้การเติบโตของเซกเมนต์นี้ ทำให้เราจะโฟกัสไปยังแบรนด์นักล่าหมูกระทะเพิ่มเติม ควบคู่กับการจัดโปรโมชั่นบุฟเฟต์ในบางช่วงเวลาเพื่อดึงดูดผู้บริโภคเพิ่มเติม
Mascot Branding สร้างการจดจำระยะยาว
นอกจากนี้ยังจับกระแสสร้าง Mascot Branding ด้วยแบรนด์นักล่าหมูกระทะ และ คัตสึมิโดริ ซูชิ มีแมสคอตที่ Represent ตัวตนของแบรนด์กับ นักล่าหมูกระทะ มี “น้องหมูน้อย” ที่มีบุคคลิก ซุกซน ทำให้แบรนด์ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น
ส่วนแบรนด์ คัตสึมิโดริ ซูชิ มีตัวแทนแบรนด์คือ “คัตสึคุง” เชฟหมีจากญี่ปุ่น ที่มีบุคลิกน่ารัก สุภาพ พร้อมให้บริการลูกค้า เข้ามามีบทบาทในการโปรโมทส่งเสริมการขาย หรือกิจกรรมพิเศษที่ต้องการให้มีคนสนใจ และสร้างการจดจำ โดยมีแผนต่อยอดจัดทำ Souvenir อาทิ พวงกุญแจ ตุ๊กตา ของที่ระลึกต่าง หรือกล่องสุ่ม เข้ามาเพิ่มยอดขายให้กับแบรนด์ และเพิ่มการรับรู้มากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ ยังวางกลยุทธ์การร่วม Collaboration กับแบรนด์ชั้นนำหลากหลาย ซึ่งจะทำให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ที่สดใหม่ และน่าตื่นเต้น ตลอดจนสร้างกระแสในตลาดร้านอาหารญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง
เตรียมเพิ่มรูปแบบใหม่ให้แบรนด์ NAMA
อีกหนึ่งแบรนด์น้องใหม่ที่มาแรงในหมู่คนทานอาหารญี่ปุ่นระดับพรีเมี่ยม NAMA Japanese and Seafood Buffet ทาง บริษัท เดอะ ฟู้ด ซีเล็คชั่น กรุ๊ป จำกัด ยังไม่มีแผนขยายสาขา แต่วางเป้าหมายขยายพื้นที่ Outdoor ของโรงแรม Centara Grand Central รวมทั้งเพิ่มรูปแบบอิซากายะ เพื่อรองรับลูกค้าในช่วงเย็น ที่ต้องการกิน-ดื่มหลังเลิกงาน
กลยุทธ์ขยายพอร์ตแบรนด์ใหม่ๆ และเพิ่มจำนวนสาขา ดังที่กล่าวมาก็เพื่อเป้าภายใน 5 ปี จะสามารถสร้างยอดขายได้ถึง 5,000 ล้านบาท จากสิ้นปีนี้ที่คาดว่าจะปิดยอดขาย 2,800 ล้านบาท สองหนุ่มเพื่อนซี้ จากคณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ ในวันนี้ ไม่ใช่แค่ “อายุน้อยร้อยล้าน” แล้วแต่เป็น “อายุน้อย มุ่งสู่ 5 พันล้าน”