HomeFeaturedNo Buy 2025 เมื่อเงินเฟ้อพุ่ง จนกลายเป็นเทรนด์วัยรุ่นขอลดการบริโภค

No Buy 2025 เมื่อเงินเฟ้อพุ่ง จนกลายเป็นเทรนด์วัยรุ่นขอลดการบริโภค

แชร์ :


ปี 2025 กำลังจะกลายเป็นปีแห่งการลดการบริโภค หรือที่เรียกว่าเทรนด์ “No Buy 2025” เมื่อชาวอเมริกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งวัยรุ่น กำลังรู้สึกว่า “ภาวะเงินเฟ้อ” ที่เกิดจาก “นโยบายกำแพงภาษี’ ของ ประธานาธิบดีโดนัล ทรัมป์ กำลังทำให้ราคาสินค้าถีบตัวสูงขึ้น จนพวกเขาบริโภคไม่ไหว จนเป็นที่มาของกระแส No Buy 2025 การท้าทายตนเองโดยหยุดซื้อสินค้าที่ไม่จำเป็นในช่วงระยะเวลาหนึ่ง ซึ่งมักจะใช้เวลาประมาณ 1 ปี

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

แม้จะเรียกว่า “No Buy 2025” แต่แท้จริงแล้วเทรนด์นี้ไม่ได้หมายถึงการหยุดซื้อของทั้งหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งของที่จำเป็นสำหรับการดำรงชีพ ผู้บริโภคก็ยังคงหยุดซื้อไม่ได้อยู่ดี  เช่น อาหาร น้ำมัน และค่าใช้จ่ายพื้นฐานอื่นๆ แต่เป็นการกำหนดหมวดหมู่ของการใช้จ่ายที่ต้องหลีกเลี่ยงหรือจำกัดการซื้อของที่ไม่จำเป็นให้มากที่สุด สินค้าที่มักอยู่ในลิสต์ “No Buy” ได้แก่ เสื้อผ้าใหม่ เครื่องสำอาง หรือของที่ซื้อโดยไม่ได้วางแผนขณะเดินห้าง

จากกระแส No Buy 2025 กลายเป็นที่ของคำค้นหา หรือ แฮชแท็กหลายอย่างที่ส่งเสริมกระแสนี้ เช่น คำว่า “No Spend Challenges” ถูกเสิร์ชบน Googleพุ่งสูงสุดเป็นประวัติการณ์ โดยเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ยังมี คำว่า  No-Buy List ที่โด่งดังในโซเชี่ยลมีเดีย ไม่ว่าจะเป็น Instagram และ TikTok ทั้งๆ ก่อนหน้านี้พื้นที่เหล่านี้เป็นแหล่งชี้เป้าสินค้า “ของมันต้องมี” ทั้งหลาย

หรือคำที่กำลังเป็นกระแสไวรัลอย่าง “Project Pan” ซึ่งหมายถึงการใช้ผลิตภัณฑ์ให้หมดเกลี้ยงจนถึงก้นภาชนะ เช่น เครื่องสำอางหรือของใช้ส่วนตัว

ตามข้อมูลจาก Chime บริษัทเทคโนโลยีด้านการเงิน ระบุว่าเทรนด์ที่เกิดขึ้นเป็นวิธีหนึ่งที่ช่วยให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามีอำนาจควบคุมเศรษฐกิจที่ผันผวนได้บ้าง แม้ว่าจะมีรายงานว่าเศรษฐกิจโดยรวมมีแนวโน้มดีขึ้นเล็กน้อย แต่เงินเฟ้อก็ยังคงเป็นปัญหาที่ทำให้ผู้บริโภครู้สึกไม่พอใจ โดยในเดือนธันวาคม 2024 เงินเฟ้ออยู่ที่ 2.9% เพิ่มขึ้นจาก 2.7% ในรายงานครั้งก่อน ข้อมูลล่าสุดแสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐอเมริกา ยังคงสูงกว่าระดับเป้าหมายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ 2% มาเป็นเวลาประมาณ 6 เดือนแล้ว

ราคาสินค้าจำเป็นอย่าง “ไข่” ก็เริ่มพุ่งสูงขึ้นอีกครั้ง ผลสำรวจของ Gallup พบว่าชาวอเมริกันส่วนใหญ่ (56%) คาดการณ์ว่าปีนี้จะเป็นปีที่ยากลำบากทางเศรษฐกิจ

อย่างไรก็ตามแรงจูงใจของแต่ละคนในการเข้าร่วม No Buy 2025 นั้นแตกต่างกันไป บางคนต้องการลดหนี้ ขณะที่บางคนต้องการเน้นการเก็บเงินเพื่อการท่องเที่ยวและประสบการณ์ชีวิตมากกว่าการซื้อของสะสม หรือแม้แต่เพื่อการแสดงออกถึงความไม่พอใจในนโยบายของรัฐบาล

ไรลีย์ มาร์คัม แม่บ้านจากรัฐฟลอริดา ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่าการเข้าร่วมเทรนด์นี้ช่วยให้เธอประหยัดเงินได้ประมาณ 100 ดอลลาร์ต่อสัปดาห์ “การมีรัฐบาลชุดใหม่เป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันทำสิ่งนี้ เพราะฉันไม่ต้องการมีส่วนร่วมกับเศรษฐกิจของทรัมป์” มาร์คัม กล่าวกับ CNN “ฉันไม่คิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้นเลย และฉันกังวลเกี่ยวกับอนาคตมาก”

Photo Credit : NUMBER 24 – Authorized Shutterstock Partner in Thailand

Source

Source


แชร์ :

You may also like