“สัมมากร” จับเทรนด์ที่อยู่อาศัยปี 2568 ในยุค Holistic Wellbeing เติบโต นำร่อง “Park Heritage” เป็นแห่งแรก รับมือภาวะเจ็บป่วยฉุกเฉิน

สถานการณ์การแพร่ระบาดของ COVID-19 ที่ผ่านมาได้เปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตของผู้คนทั่วโลกไปอย่างมาก ทำให้ความต้องการด้านที่อยู่อาศัยที่ตอบโจทย์ทั้งความปลอดภัยและความสะดวกสบายเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง สำหรับ ‘สัมมากร’ เราเชื่อมั่นว่า “บ้านที่หลับสบาย” ไม่ใช่แค่ที่อยู่อาศัย แต่เป็นพื้นที่ที่ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellbeing) ซึ่งจะช่วยเติมเต็มคุณภาพชีวิตทั้งในด้านร่างกาย จิตใจและส่งเสริมความสุขของทุกคนในครอบครัว

โดย Global Wellness Institute (GWI) คาดการณ์ว่าในปี 2568 เศรษฐกิจเพื่อสุขภาพทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงถึงเกือบ 7 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 230 ล้านล้านบาท ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญที่ประเทศไทยสามารถแสดงศักยภาพในฐานะผู้นำด้านบริการทางการแพทย์ระดับโลก (World Class Medical Service Hub) จากแนวโน้มดังกล่าว สัมมากรเชื่อว่าจะส่งผลในเชิงบวกต่อตลาดอสังหาริมทรัพย์ของไทยในระยะยาว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในกลุ่มลูกค้าและนักลงทุนที่มีกำลังซื้อสูงและมองหาบ้านระดับ High Class จนถึง Super Luxury Class ซึ่งเป็นฐานลูกค้าที่กำลังถูกจับตามองในตลาดขณะนี้ ด้วยภาวะการแข่งขันสูงนับเป็นความท้าทายของผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ทุกแบรนด์ที่ต้องชูจุดแข็งดึงดูดใจ พร้อมเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์เทรนด์การใช้ชีวิตที่ใส่ใจดูแลสุขภาพองค์รวมให้แก่ผู้อยู่อาศัย

ในปี 2568 สัมมากรยังคงมุ่งสร้างสรรค์บ้านที่มอบความสุขและความสมดุลในการใช้ชีวิตทั้งด้านร่างกาย จิตใจ และสังคมคุณภาพไว้ในที่เดียวกัน ยิ่งไปกว่านั้น เราเล็งเห็นว่านอกจากการพัฒนาที่อยู่อาศัยให้สอดรับกับเทรนด์ใหม่ในทุกมิติแล้วนั้น เรายังคงพร้อมดูแลและเตรียมความพร้อมของบุคลากรในโครงการ ให้สามารถดูแลลูกบ้านได้อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในยามฉุกเฉิน เพื่อให้มั่นใจได้ว่า “บ้านที่หลับสบาย” ของสัมมากรคือพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความใส่ใจและการดูแลในทุกช่วงเวลาอย่างแท้จริง

นายชัชวีร์ พรปราโมทย์ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ หรือ COO บริษัท สัมมากร จำกัด (มหาชน) “ปีนี้เราร่วมมือกับโรงพยาบาลสมิติเวชจัดคอร์สเทรนนิ่งแก่บุคลากรประจำโครงการให้สามารถเรียนรู้ทักษะการปฐมพยาบาลและช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน (First Aid & CPR) ซึ่งนำร่องที่โครงการ Park Heritage เป็นแห่งแรก ก่อนขยายผลสู่โครงการอื่นในอนาคต โดยทางสมิติเวชได้มาถ่ายทอดองค์ความรู้ทั้งภาคทฤษฎี การฝึกสมาธิและจิตใจให้สามารถรับมือเหตุไม่คาดฝัน ตลอดจนฝึกภาคปฏิบัติกับหุ่นจำลองในการช่วยเหลือผู้ป่วย CPR อย่างถูกวิธี อีกทั้งยังจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่วัดระยะทางและเช็กเส้นทางจากโครงการ Park Heritage ถึงโรงพยาบาล ช่วยเพิ่มความฉับไวและดูแลผู้พักอาศัยในโครงการได้ทันท่วงที”

นอกจากนี้ สัมมากรยังมุ่งออกแบบบ้านที่สร้างสภาพแวดล้อมที่อยู่อาศัยที่ดีต่อสุขภาพ (Healthy Living Environments) เน้นองค์ประกอบการออกแบบที่ใส่ใจในรายละเอียด อาทิ หน้าต่างกระจกเต็มบานแบบหนาพิเศษที่สูงจากพื้นจรดเพดาน เปิดรับวิวธรรมชาติได้ไม่จำกัด พร้อมคุณสมบัติในการกรองรังสี UV ลดความร้อนภายในบ้าน วัสดุที่เป็นมิตรต่อผู้อยู่อาศัย อย่างผนังที่ก่อด้วยอิฐมวลเบา Q-Con ช่วยระบายความร้อนให้กับตัวบ้านได้เป็นอย่างดี และระบบกรองอากาศ ERV (Energy Recovery Ventilation) หมุนเวียนอากาศให้กับบ้านทุกหลัง สิ่งอำนวยความสะดวกที่เหมาะกับพื้นที่ (Fitness and Recreation Facilities) ไม่ว่าจะเป็น ห้องฟิตเนส สระว่ายน้ำ และ Business Lounge การเข้าถึงธรรมชาติ (Access to Nature) การผสานพื้นที่สีเขียวของธรรมชาติเข้ากับที่อยู่อาศัยอย่างลงตัว และความยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Sustainability and Eco-Friendly) อาทิ ระบบบริหารจัดการพลังงานภายในโครงการ เพื่อสุขอนามัยที่ดีของผู้อยู่อาศัย รวมถึงตอกย้ำความใส่ใจ สร้างความยั่งยืนในทุกมิติ

อีกหนึ่งเทรนด์น่าสนใจปี 2568 ของบ้านระดับลักชัวรี นั่นคือ การให้คุณค่ากับความเป็นส่วนตัวและปลอดภัย (Privacy and Security) เรามุ่งเน้นการออกแบบโครงการที่มอบสังคมคุณภาพและความเป็นส่วนตัวสูงสุดแก่ผู้อยู่อาศัย อาทิ Park Heritage ที่มีบ้านเพียง 32 ยูนิต ซึ่งถูกออกแบบเป็น Cluster Zone แต่ละโซนมีจำนวนเพียงไม่กี่หลัง  และผังบ้านเรียงเป็นแนวเดี่ยว หลังบ้านไม่ชนกับใคร เพื่อเพิ่มความเป็นส่วนตัวไปอีกขั้น

Park Heritage บ้านเดี่ยวซูเปอร์ลักชัวรีในอ้อมกอดแห่งธรรมชาติ สไตล์  Modern Classic รังสรรค์ทุกพื้นที่ด้วยความใส่ใจและความประณีต ภายใต้แนวคิด “Multidimensional Integration” ผสานการออกแบบทั้งเรื่องของ ART ARCHITECTURE และ NATURE ไว้อย่างลงตัว รวมถึงบริเวณส่วนกลางอย่างอุโมงค์ต้นจามจุรีซึ่งเป็น Signature Tree ปกคลุมทอดยาวไปกับถนนหลัก และสวนส่วนกลาง The Heritage Garden ที่รวมพันธุ์ไม้ใหญ่ให้ร่มเงา มีรูปร่าง (form) สวยงาม ซึ่งเปรียบเสมือนแหล่งโอเอซิสใจกลางเมืองให้ความรู้สึกธรรมชาติโอบล้อมบนทำเลที่รายล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ระดับไฮเอนด์ ห้างสรรพสินค้า สถานศึกษาชั้นนำและโรงพยาบาล เชื่อมต่อใจกลางเมืองเพียง 4 กิโลเมตรถึงทองหล่อ และ 1.7 กิโลเมตรถึงทางด่วนฉลองรัชฯ