HomeDigitalผู้ใช้ Threads แตะ 320 ล้านคน เริ่มทดสอบ “โฆษณา” แล้วในญี่ปุ่น-อเมริกา

ผู้ใช้ Threads แตะ 320 ล้านคน เริ่มทดสอบ “โฆษณา” แล้วในญี่ปุ่น-อเมริกา

แชร์ :

Meta เผยความคืบหน้า Threads ประกาศทดสอบฟีเจอร์โฆษณาแล้วในญี่ปุ่น – สหรัฐอเมริกา พร้อมเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ “Opportunity Score” ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณาใน Ads Manager ได้แบบ real-time โดยจะทยอยเปิดใช้งานตั้งแต่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นไป

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

คุณนิโคลา เมนเดลซัห์น ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจระดับโลกของ Meta กล่าวถึงความคืบหน้าของแพลตฟอร์ม Threads ว่า ปัจจุบันมีผู้ใช้งานรายเดือนมากกว่า 320 ล้านคน และมีผู้สมัครใช้งานใหม่มากกว่า 1 ล้านคนต่อวัน โดยคาดการณ์ว่า Threads จะก้าวขึ้นเป็นแพลตฟอร์มสนทนาชั้นนำและมีผู้ใช้งานถึง 1 พันล้านคนในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

เพื่อตอบรับการเติบโตดังกล่าว Meta ได้เริ่มทดสอบการลงโฆษณาบน Threads ในประเทศญี่ปุ่นและสหรัฐอเมริกาแล้ว โดยจะมีมาตรฐานและการควบคุมด้านความปลอดภัยเกี่ยวกับตำแหน่งที่โฆษณาจะปรากฏ  เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้ลงโฆษณาด้วย

ส่วนฟีเจอร์ Reels พบว่า ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024 พบว่า เวลาในการรับชมวิดีโอทั่วโลกบน Instagram เติบโตในระดับสองหลัก เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า โดย Reels มีการแชร์ต่อมากกว่า 4.5 พันล้านครั้งต่อวัน

เปิดตัว “Opportunity Score”

นอกจากอัปเดทความคืบหน้าของ Threads แล้ว ผู้บริหาร Meta ยังได้เผยถึงฟีเจอร์ด้านการลงโฆษณาใหม่ ๆ ด้วย นั่นคือ Opportunity Score ที่จะแสดงผลออกมาในรูปแบบของ “คะแนน” โดยเครื่องมือนี้จะช่วยระบุโอกาสและให้คำแนะนำในการเพิ่มประสิทธิภาพของแคมเปญโฆษณานั้นใน Ads Manager แบบทันที (real-time) และสามารถแนะนำวิธีการต่อยอดเครื่องมือ AI และระบบอัตโนมัติของ Meta ให้เกิดประโยชน์สูงสุดได้ โดยแบรนด์และธุรกิจสามารถดูคะแนน Opportunity Score ของตนเองได้ใน Ads Manager และจะมีคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะกับแต่ละแบรนด์โดยเฉพาะ

ผู้บริหาร Meta กล่าวด้วยว่า การทดสอบในช่วงแรกกับแบรนด์และผู้ลงโฆษณาที่นำคำแนะนำจาก Opportunity Score ไปปรับใช้ พบว่าต้นทุนต่อผลลัพธ์ลดลงโดยเฉลี่ย 5% โดยการทดสอบส่วนใหญ่มาจากตลาดในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกโดยตรง

การตั้งค่าแคมเปญ Meta Advantage+ ใหม่

อีกหนึ่งฟีเจอร์คือการทดสอบการตั้งค่าแคมเปญ Meta Advantage+ รูปแบบใหม่ เพื่อให้ผู้ลงโฆษณาสามารถเข้าถึงการเพิ่มประสิทธิภาพสูงสุดด้วย AI (AI-optimization) เมื่อผู้ลงโฆษณาตั้งค่าแคมเปญเพื่อการขาย (sales) การติดตั้งแอป (app install) หรือแคมเปญที่หากลุ่มเป้าหมายลูกค้าที่สนใจ (leads campaign) ระบบจะเปิดใช้งานเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI โดยอัตโนมัติ

อย่างไรก็ตาม ผู้ลงโฆษณายังสามารถเปลี่ยนกลับไปปรับแต่งด้วยตนเองได้หากต้องการ

แคมเปญ Advantage+ Leads

สำหรับฟีเจอร์ Advantage+ Leads ผู้ลงโฆษณาสามารถสร้างกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม (leads) ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้นด้วย AI ซึ่งนิโคลา เมนเดลซัห์น กล่าวด้วยว่า ผลการทดสอบในช่วงแรกพบว่า แคมเปญ leads ที่เปิดใช้ Advantage+ มีต้นทุนต่อกลุ่มเป้าหมายที่มีแนวโน้ม (cost per lead) ต่ำกว่าแคมเปญที่ปิด Advantage+ โดยเฉลี่ย 14%

“เราเชื่อว่า AI มีศักยภาพที่จะพลิกโฉมวิธีการที่ธุรกิจต่าง ๆ ใช้ในการทำโฆษณา ด้วยเครื่องมือใหม่เหล่านี้ เรากำลังเปิดโอกาสให้ผู้ลงโฆษณาเข้าถึงและทดลองใช้ประโยชน์จากเครื่องมือการเพิ่มประสิทธิภาพด้วย AI (AI-driven optimization) และคำแนะนำที่ปรับให้เหมาะสมกับแต่ละแบรนด์” คุณนิโคลากล่าว พร้อมบอกด้วยว่า แคมเปญ Advantage+ shopping เป็นหนึ่งในโซลูชันโฆษณาที่เติบโตเร็วที่สุดของ Meta (โดยมีรายได้เติบโตถึง 70% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า (YOY) ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2024)

สุดท้ายคือข้อมูลเกี่ยวกับ Generative AI ที่ผู้บริหาร Meta เผยว่า ปัจจุบันมีแบรนด์และผู้ลงโฆษณามากกว่า 4 ล้านรายที่ใช้เครื่องมือสร้างครีเอทีฟโฆษณาด้วย Generative AI ของ Meta อย่างน้อยหนึ่งเครื่องมือ ซึ่งเป็นจำนวนที่เพิ่มขึ้นจาก 1 ล้านรายเมื่อ 6 เดือนที่แล้ว โดย 30% ของลูกค้ารายใหญ่ที่สุดใช้งานฟีเจอร์สร้างพื้นหลัง (Background Generation) 


แชร์ :

You may also like