นับตั้งแต่ปี 2021 ที่ “บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” หรือ “WHA Group” ได้เริ่มทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่การเป็น “Tech and Sustainable Company” ด้วยการนำเทคโนโลยีล้ำสมัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมาปรับใช้ในทุกกลุ่มธุรกิจและทุกมิติ รวมทั้งเปลี่ยน Culture องค์กร พร้อมกับอัพสกิลคนให้รองรับการเป็นองค์กรดิจิทัล ถึงวันนี้ การทรานส์ฟอร์มองค์กรได้สะท้อนออกมาให้เห็นเป็นรูปธรรมและจับต้องได้จริงในหลายด้าน
ไม่ว่าจะเป็น ผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง รวมถึงลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานให้ผู้ประกอบการในนิคม ทั้งยังช่วยลดคาร์บอน และสร้างเทคโนโลยีของตัวเองมาให้บริการแก่ลูกค้าเป็นธุรกิจใหม่อีกด้วย จากที่ WHA Group ได้จัดงาน “WHA Open House 2024” ภายใต้แนวคิด Explore, Discover, Shape the Future ที่ทุกคนได้เห็นประสิทธิผลจากการ ทรานส์ฟอร์มองค์กรชัดเจนมากขึ้นพร้อมนำเทคโนโลยีล้ำสมัยทั้ง 4 กลุ่มหลักเดิมทำ ได้แก่ ธุรกิจโลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน และดิจิทัล โซลูชัน ล่าสุดที่ได้เปิดตัวธุรกิจน้องใหม่ WHA Mobility โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจรรายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์โมบิลิกส์ (Mobilix) ซึ่งมีการผสานนวัตกรรมและมาเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะที่ทันสมัยสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่
ส่องนวัตกรรม เทคโนโลยีเปลี่ยนโลก จุดเริ่มต้นสู่การทรานส์ฟอร์มองค์กร
สำหรับคนที่อยู่ในแวดวงอุตสาหกรรม เชื่อว่าต้องตื่นตาตื่นใจกับการดำเนินงานของ WHA Group แน่นอน สิ่งที่เห็นจากการเปิดอาณาจักรครั้งแรกของ WHA Group นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา โดย คุณจรีพร จารุกรสกุล ประธานคณะกรรมการบริหารและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) บอกว่า ไอเดียการทรานส์ฟอร์มองค์กร เกิดขึ้นเมื่อปี 2017 ตอนนั้นทุกอย่างเปลี่ยนเร็วมากจากการขยายตัวของเทคโนโลยี บวกกับมองว่าในปี 2020 เทคโนโลยีจะเติบโตแบบก้าวกระโดด อีกทั้งการดำเนินธุรกิจยุคใหม่จะมองแค่ผลกำไรของธุรกิจอย่างเดียวไม่ได้แล้ว แต่ต้องสร้างสังคมและสิ่งแวดล้อมให้เติบโตไปด้วยกัน จึงตัดสินใจทรานส์ฟอร์มองค์กรสู่ Technology and Sustainable Company ขึ้น
“เราไม่เคยกลัวเรื่องเทคโนโลยี เพราะเทคโนโลยีเป็นแค่อุปกรณ์หรือเครื่องมือ ถ้าเราสามารถนำเทคโนโลยีมาปรับใช้ในธุรกิจได้ นอกจากจะช่วยให้เราทำงานได้เร็ว ยังโตแบบก้าวกระโดดและยั่งยืนด้วย แต่ถ้าเราอยู่นิ่งๆ จะโตแบบ Linear”
คุณจรีพร ย้ำถึงการขับเคลื่อนองค์กรสู่เส้นทางใหม่ และยอมรับว่า ตอนแรกคนในองค์กรไม่เชื่อว่าทำได้ เพราะอย่างที่รู้กันว่า WHA Group เป็นผู้ให้บริการโครงสร้างพื้นฐานอุตสาหกรรมมาตลอด โดยเริ่มต้นจากคลังสินค้า (Warehouse) จนกลายเป็นผู้นำธุรกิจโลจิสติกส์ ด้วยพื้นที่คลังสินค้าให้เช่ากว่า 3.1 ล้านตารางเมตร กระจายอยู่ในพื้นที่ 70 แห่ง จากนั้นได้ขยายสู่ธุรกิจใหม่ ทั้งนิคมอุตสาหกรรม สาธารณูปโภคและพลังงาน คนในองค์กรส่วนใหญ่จึงเป็นวิศวกร ไม่มีคนดิจิทัลเลย แต่ก็บอกกับทุกคนว่าสามารถทำได้และทำได้ดีกว่าด้วย เพราะ WHA Group มี Infrastructure มารองรับ ทำให้สามารถไปต่อได้เลย
4 ปี ผุด 40 โครงการ 50 แอป
จากวันนั้น WHA Group ได้ศึกษาข้อมูลอย่างหนัก กระทั่งในปี 2021 จึงเริ่มทรานส์ฟอร์มองค์กรอย่างจริงจัง โดยเริ่มจากการทำ Digital Innovation ก่อน ด้วยการปรับวัฒนธรรมองค์กรใหม่เป็น Innovation Workplace ควบคู่กับการปรับ Mindset และ Skillset คนทำงานใหม่หมด เพื่อให้คนเชื่อมั่นและพร้อมทำงานในยุคดิจิทัล จากนั้นได้จับมือบริษัทเทคโนโลยีนำนวัตกรรม ไม่ว่าจะเป็น AI, บล็อกเชน และ Data Analytics มาใช้ในการทำงานของทุกกลุ่มธุรกิจ จนสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์และบริการ
ต่อมา WHA Group จึงสรรหาคนดิจิทัลทั้งด้าน AI และ Data มาเสริมทีมเพิ่มขึ้น พร้อมกับเริ่มทำ Digital Transformation เต็ม ตัวโดยมี “ธุรกิจดิจิทัล โซลูชัน” เป็นอีกกลุ่มธุรกิจหลัก บทบาทของธุรกิจดิจิทัล นอกจากการพัฒนาโซลูชั่นให้กับ 5 กลุ่มธุรกิจแล้ว ยังสร้างเทคโนโลยีใหม่ที่ตอบความต้องการของผู้ประกอบการและลูกค้าด้วย
โดยตลอด 4 ปีกับการทรานส์ฟอร์มสู่องค์กรดิจิทัลมาอย่างต่อเนื่อง คุณจรีพร บอกว่า WHA Group ได้สร้างผลงานออกมากว่า 40 โครงการ และพัฒนาแอปพลิเคชั่นกว่า 50 แอป ซึ่งแต่ละโครงการสามารถจะช่วยผู้ประกอบการลดต้นทุน เพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แถมยังลดมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม จึงต้องการเปิดบ้านเพื่อถ่ายทอดให้ทุกคนเห็นว่า WHA Group คิดจริง ทำจริง และสามารถนำไปใช้งานได้จริง และเมื่อปลายปีที่ผ่านมาโดยได้เนรมิตพื้นที่ชั้น 2 ของ WHA Group ให้กลายเป็นอาณาจักรนวัตกรรมล้ำสมัย ผ่านการจัดแสดงในรูปแบบของนิทรรศการ
เริ่มจาก กลุ่มธุรกิจโลจิสติกส์ พร้อมบอกเล่าการทำธุรกิจคลังสินค้าตั้งแต่การบุกเบิกคอนเซ็ปท์ Buit-to-Suit ซึ่งเป็นคลังสินค้าที่ออกแบบตามความต้องการของลูกค้า จนมาสู่ Smart Warehouse หรือคลังสินค้าอัจฉริยะ เป็นการนำเอาเทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานภายในโรงงาน ทั้งในเรื่องการจัดเก็บและจัดส่งสินค้า รวมถึงระบบการผลิตที่นำเอาเทคโนโลยี AI ระบบ Automatic และเทคโนโลยีแพลตฟอร์มสำหรับการวิเคราะห์ข้อมูลความเสี่ยงและจัดการข้อมูลให้เป็นหนึ่งเดียว จนในปัจจุบัน WHA มีพื้นที่คลังสินค้ากว่า 3.1 ล้านตารางเมตร และยังมีแผนการขยายการเติบโตทั้งในไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม
ธุรกิจโมบิลิตี้ (Mobility) โซลูชันกรีนโลจิสติกส์ครบวงจร (WHA: Built to Suit EV Ecosystem of Logistics) รายแรกในประเทศไทย ภายใต้แบรนด์ Mobilix ซึ่งได้เปิดตัวในปี 2567 ประกอบด้วย 3 บริการหลัก คือ บริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้า (EV Rental Service) เป็นบริการให้เช่ารถยนต์ไฟฟ้าแบบครบวงจร สถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (On Premise & Public EV Charging Solution) บริการเครื่องชาร์จและอุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าส่วนบุคคลและเชิงพาณิชย์ โมบิลิกส์ซอฟต์แวร์โซลูชัน (Mobilix Software Solution) แพลตฟอร์มดิจิทัลอัจฉริยะอันทันสมัยสำหรับจัดการรถยนต์ไฟฟ้าและแบตเตอรี่ ปัจจุบันมีรถยนต์ไฟฟ้าให้บริการมากกว่า 300 คันแล้ว ทั้งรถจักรยานยนต์ และรถปิกอัพ รวมทั้งสามารถสร้างผลกำไรให้กับธุรกิจแล้ว และถ้าในปี 2029 มีรถไฟฟ้าให้บริการ 20,000 คัน จะสามารถช่วยลดก๊าซคาร์บอนได้ถึง 280,000 ตันต่อปี เท่ากับการปลูกป่าถึง 280,000 ไร่ หรือปลูกต้นไม้ถึง 32 ล้านต้นเลย
ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม ที่ WHA Group ได้พัฒนาสู่การเป็นนิคมเชิงนิเวศอัจฉริยะ (Smart ECO Industrial Estates) ที่ถูกออกแบบมาเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตคนในนิคม พร้อมกับการเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยได้นำระบบ Smart Operation รวมถึงหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนมาต่อยอดการให้บริการโครงการสร้างพื้นฐานในนิคมอย่างครบวงจร ไม่ว่าการใช้เทคโนโลยีในการรักษาความปลอดภัย การควบคุมด้านสิ่งแวดล้อม ไปจนถึงการผลิตและบำบัดน้ำเสีย โดยทุกส่วนในนิคมจะเชื่อมต่อกับศูนย์ควบคุมส่วนกลาง หรือ Unified Operation Center (UOC) ของ WHA สำนักงานใหญ่ จึงช่วยให้สามารถเฝ้าระวังและตรวจสอบคุณภาพสิ่งแวดล้อมในนิคมได้เรียลไทม์ ขณะเดียวกัน ยังยกระดับคุณภาพชีวิตคนในชุมชนให้ดีขึ้นด้วย
ทำให้ธุรกิจนิคมอุตสาหกรรมของ WHA Group มีการขยายตัวต่อเนื่อง ปัจจุบัน มีนิคมอุตสาหกรรม 15 แห่ง บนพื้นที่รวม 78,500 ไร่ โดย 14 แห่ง ตั้งอยู่ในไทย และอีก 1 แห่งในเวียดนาม โดยฐานลูกค้าใหญ่เป็นลูกค้าจีน 27% และลูกค้าญี่ปุ่นมีสัดส่วน 20% ซึ่งสามารถดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาในไทยได้กว่า 1.6 ล้านล้านบาท พร้อมสร้างงานกว่า 400,000 ตำแหน่ง และกระจายรายได้ให้กับคนในชุมชน
จากนั้นมาทำความรู้จักพลังงานสะอาดในมุมมองใหม่จาก ธุรกิจสาธารณูปโภคและพลังงาน ผ่านการจัดแสดง Solar Anomaly Detection ที่นำ AI มาช่วยตรวจปัญหาที่เกิดกับแผงโซลาร์ ทำให้สามารถดูแลและจัดการปัญหาได้รวดเร็ว พร้อมกับ Solar Forecasting ซึ่งจะช่วยประเมินและคาดการณ์ปริมาณแสงแดดล่วงหน้า จึงสามารถวางแผนปริมาณการผลิตพลังงานได้มีประสิทธิภาพ รวมไปถึง RO System Performance Forecasting ที่ใช้ Data Analytics มาบริหารจัดการน้ำที่ใช้แล้วมาบำบัดและนำกลับมาใช้ใหม่
ส่งผลให้ปัจจุบันกลุ่มธุรกิจสาธารณูปโภคสามารถจำหน่ายน้ำและบำบัดน้ำเสียได้รวม 166 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี ทั้งยังสร้างความยั่งยืนให้ธุรกิจ ในปี 2029 ตั้งเป้าในการลดการใช้น้ำจากแหล่งน้ำธรรมชาติ 25,000 ล้านลูกบาศก์เมตรต่อปี จะสามารถลดต้นทุนการซื้อน้ำใหม่ได้ถึง 290 ล้านบาททีเดียว ส่วนธุรกิจพลังงาน บริษัทฯ มีกำลังการผลิตไฟฟ้าสะสมที่ลงนามแล้ว 965 เมกะวัตต์ ซึ่งมาจากพลังงานสะอาดทั้งหมด 437 เมกะวัตต์
ปิดท้ายกับธุรกิจดิจิทัล ประสบความสำเร็จในการยกระดับองค์กรในทุกมิติ บรรลุเป้าหมายการเป็น Technology Company และผลักดันอย่างต่อเนื่องเพื่อการเป็นองค์กรที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี (Technology-driven Organization) จากการส่งเสริมวัฒนธรรมองค์กรในด้านนวัตกรรมดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง และการทำโครงการ Digital Transformation ต่างๆ ตลอดช่วงเวลา 3 – 4 ปี ที่ผ่านมา สำหรับปี 2568 WHA Digital ยังคงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับกลุ่มธุรกิจต่างๆ ใน WHA Group ผ่านการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรม เช่น Artificial Intelligence, Internet-of-Thing โดยในปัจจุบันมีโครงการ AI Transformation ที่อยู่ระหว่างการพัฒนาจำนวน 12 โครงการ ได้แก่ Drone Inspection Solution และ IoX Platform for Solar อีกทั้ง WHA Digital พร้อมหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ จากการพัฒนาแพลตฟอร์ม ได้แก่ โมบิลิกส์ แพลตฟอร์ม ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสำหรับจัดการยานพาหนะไฟฟ้า (EV) และแบตเตอรี่ โดยได้ตั้งเป้าหมายสำหรับยอดการใช้งานโมบิลิกส์ แพลตฟอร์มที่ประมาณ 900 คัน ภายในปี 2568 และเพิ่มขึ้นเป็นประมาณ 6,000 คัน ภายในอีก 5 ปีข้างหน้า นอกจากนี้ ยังตั้งเป้าหมายในการพัฒนา 5 แอปพลิเคชันใหม่พร้อมให้บริการภายใน WHA Group ภายในปี 2568
ทั้งล้ำ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
WHA Sustainable Development สิ่งที่ WHA Group ให้ความใส่ใจ ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน โดยมีการขับเคลื่อนโครงการความยั่งยืนต่างๆ และมีการทำมาต่อเนื่องผ่านแนวคิด Circular Economy ที่มีการใช้น้ำ และพลังงานอย่างคุ้มค่า ไม่ว่าจะเป็น WeCycle ซึ่งเป็นความร่วมมือของผู้ประกอบการในนิคมกับ WHA Group ที่สามารถลดปริมาณขยะพลาสติกได้สำเร็จด้วยการเก็บพลาสติกที่ไม่ใช้แล้วมารีไซเคิลใหม่ รวมไปถึงโครงการ Shine Brighter with WHA การใช้พลังงานสะอาด ผ่านการใช้โซลาร์เซลล์ของโรงเรียนรอบนิคมในโครงการ ทำให้สามารถลดค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ทั้งยังลดคาร์บอน สร้างโลกยั่งยืน
แถมยังนำผลิตภัณฑ์จากโครงการปันกัน ที่ WHA Group เข้าไปสนับสนุนชุมชนรอบนิคมมาจำหน่ายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์มาจัดแสดงให้ชมด้วย โดยในอนาคต WHA Group ยังต่อยอดโครงการเหล่านี้ต่อเนื่อง เพราะต้องการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์ในปี 2050 โดยตั้งเป้าลดก๊าซเรือนกระจกในสโคป 1 และ 2 ให้ได้ 37% ในปี 2029 และ 42% ในปี 2030
ถึงแม้จะเป็นกิจกรรม “WHA Open House 2024 หรือ การเปิดบ้านครั้งแรกได้ผ่านไปแล้ว แต่เชื่อว่าที่ทุกคนได้มาเห็นและสัมผัสนวัตกรรมสุดล้ำที่ใช้งานได้จริง ก็ทำให้เห็นถึงวิธีคิดและการขับเคลื่อนธุรกิจ WHA Group สู่การเป็น Tech and Sustainable Company ได้อย่างชัดเจน ซึ่งคุณจรีพร เคยบอกว่า วันนี้ยังเป็นแค่จุดเริ่มต้นให้เห็นว่า WHA Group สามารถพัฒนาเทคโนโลยีเองได้ แต่การพัฒนาสิ่งเหล่านี้ต้องใช้เวลา และหากมาถูกทาง เชื่อว่า นอกจากจะทำให้ก้าวสู่ Tech-Driven Organization แล้ว ในปี 2568 บริษัทฯ ยังจะทำให้องค์กรเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยได้วางแผนที่จะพัฒนาโซลูชันด้านเทคโนโลยีเพื่อรองรับการขยายตัวของทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มคณะที่สนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมนิทรรศการพร้อมติดตามการก้าวสู่การเป็น Tech Driven Organization สามารถติดต่อขอแสดงความต้องการได้ที่อีเมล Marketing@wha-group.com เพื่อทุกท่านจะได้เห็นถึงการเติบโต การเปลี่ยนแปลงของ WHA Group และการเป็นองค์กรที่ SHAPE THE FUTURE อย่างแท้จริง