การแตกไลน์ธุรกิจหรือบริการใหม่ ถือเป็นกลยุทธ์ที่มีมานานและปัจจุบันยังคงได้รับความนิยมจากบรรดาธุรกิจ โดยเฉพาะธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่ต้องเจอกับสถานการณ์เศรษฐกิจและกำลังซื้อเปราะบาง สวนทางกับต้นทุนที่ดินปรับเพิ่มสูงขึ้น ทำให้ผู้ประกอบการต้องปรับแนวทางการทำธุรกิจ ด้วยการมองหา “บริการ” หรือ “ธุรกิจ” ใหม่มาต่อยอดเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจเดิม เพื่อประคองธุรกิจให้ยังเติบโตต่อไปได้
อย่างล่าสุด “ตระกูลชาญอิสสระ” ผู้พัฒนาอสังหาฯ รายใหญ่มากว่า 70 ปี ทั้งโครงการบ้านพักตากอากาศ คอนโดมิเนียม อาคารสำนักงาน และโรงแรมสุดหรูศรีพันวาบนเกาะภูเก็ต ที่ขยับตัวสู่การให้บริการเวลเนลระดับเวิร์ลคลาส พร้อมผุดธุรกิจความงามมาเสริมทัพสร้างการเติบโตให้กับอาณาจักรอสังหาฯ
จากการดูแลสุขภาพ ต่อยอดสู่บริการเวลเนส
จุดเริ่มต้นของการบุกตลาดเวลเนสในครั้งนี้ คุณดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI บอกว่า เกิดจากการดูแลสุขภาพของคุณพ่อ จึงเริ่มศึกษาตลาดมาเรื่อยๆ ตั้งแต่บ้านพักคนชรา จนไปถึงเวลเนส ทำให้เห็นโอกาส เนื่องจากเวลเนสเป็นตลาดที่มาแรงและมีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เมื่อ 5-10 ปีที่แล้วจึงตั้งคลินิกแพทย์แผนไทยที่โรงแรมศรีพันวาและบาบ่า บีช คลับ หัวหิน
คุณดิฐวัฒน์ อิสสระ กรรมการและผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาญอิสสระ ดีเวล็อปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ CI
จากนั้นก็พัฒนาบริการมาอย่างต่อเนื่อง กระทั่ง 2-3 ปีมานี้ การทำธุรกิจโรงแรมเพียงอย่างเดียวอาจจะไม่เพียงพอที่จะดึงดูดลูกค้าในปัจจุบัน เพราะการแข่งขันสูงจากการมีโรงแรมเปิดใหม่จำนวนมาก จึงเกิดความคิดที่จะนำเวลเนสมาเพิ่มมูลค่าให้กับโรงแรม เพราะจะช่วยสร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพให้กับลูกค้ามากขึ้น จึงเป็นที่มาของการพูดคุยกับ บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ซึ่งมีความเชี่ยวชาญในด้านนี้ จนได้โมเดลความร่วมมือที่ลงตัว
เมื่อพูดถึงเวลเนส คนส่วนใหญ่มักจะนึกถึงสปา แต่คุณดิฐวัฒน์ มองเวลเนสมากกว่านั้น โดยเป็นการดูแลสุขภาพแบบองค์รวมทั้งการป้องกัน และฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง และเมื่อกลับบ้านสามารถนำมาทำต่อได้เอง
ผุดคลินิก เจาะลูกค้าทั้งไทย-ต่างชาติ
สำหรับความร่วมมือกับ BDMS ในครั้งนี้ รูปแบบจะเป็นการส่งต่อลูกค้าให้กันและกัน โดยศรีพันวาจะเปิดคลินิกในโรงแรมศรีพันวา ภูเก็ต ในเดือนมีนาคมนี้ และมีแพทย์จาก BDMS มาดูแลอย่างใกล้ชิด พร้อมกับออกแบบโปรแกรมดูแลสุขภาพที่เหมาะกับแต่ละคน หากลูกค้าที่มาพักเจ็บป่วยก็สามารถรับการตรวจและรักษาได้โดยตรง หรือหาก BDMS มีลูกค้าที่รับการรักษาเสร็จ และต้องการพักผ่อนนอกโรงพยาบาล ก็สามารถมาพักฟื้นที่ศรีพันวาได้
โดยกลุ่มเป้าหมายจะเน้นลูกค้าชาวไทย 30% และ 70% เป็นลูกค้าต่างชาติ โดยเฉพาะอินเดียและตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นกลุ่มที่บินมารักษาในไทยค่อนข้างมาก
“ผมมั่นใจว่าสามารถจะต่อยอดไปได้อีกหลายอย่าง เพราะตลาดเวลเนสใหญ่มาก ทั้งยังมีพาร์ทเนอร์ที่แข็งแกร่ง และถ้าที่นี่ซัคเซส อาจจะขยายไปยังโรงแรมอื่นเพิ่มเติม” คุณดิฐวัฒน์ บอกถึงแผนในอนาคต
ต่อยอดจุดแข็งสู่ธุรกิจความงาม
นอกจากการลุยตลาดเวลเนส ปีนี้ยังมีแผนบุกตลาดความงาม ซึ่งเป็นธุรกิจใหม่ของบริษัท โดยมี คุณกรัชเพชร อิสสระ ทายาทคนสุดท้องของคุณสงกรานต์ อิสสระ ที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจไลฟ์สไตล์และความงามเข้ามาดูแลในตำแหน่งแบรนด์ ไดเร็กเตอร์
“เราทำงานกันมาหนักมาก โดยเรามีความเชี่ยวชาญด้านไลฟ์สไตล์และชายหาด เราจึงอยากนำเอาบรรยากาศที่มีความผ่อนคลายของชายหาดเหล่านี้มาสู่กรุงเทพฯ ผ่านการออกแบบโปรดักต์บำรุงผิวที่ใช้ได้ในชีวิตประจำวัน”
คุณกรัชเพชร บอกที่มาที่ไปของธุรกิจใหม่ ซึ่งเบื้องต้นจะนำร่องด้วยผลิตภัณฑ์ครีมกันแดด ภายใต้แบรนด์ BABA SKIN CLUB ซึ่งเป็นสูตรพิเศษที่คิดค้นกันมานานสำหรับเจาะลูกค้าทุกกลุ่ม คาดจะเปิดตัวในช่วงไตรมาส 3
ลุยเปิด 6 โครงการหรู
ส่วนการพัฒนาอสังหาฯ ปีนี้เตรียมพัฒนาโครงการใหม่ต่อเนื่อง 6 โครงการ เริ่มจากลักชัวรี่คอมมูนิตี้ ในกรุงเทพฯ และต่างจังหวัด บนทำเลพระราม 9-กรุงเทพฯกรีฑา 2 โครงการ คือ โครงการ อิสสระ เรสซิเดนท์ จำนวน 23 ยูนิต, โครงการ บ้านอิสสระ ในทำเลพระราม 9 – กรุงเทพกรีฑา จำนวน 67 ยูนิต และโครงการมิกซ์ยูส บนเกาะภูเก็ต “ศรีพันวา ลากูน” บนที่ดิน 62 ไร่ ที่มีทั้งโรงแรมหรู วิลล่า และคอมมูนิตี้ ย่านเชิงทะเล
ขณะเดียวกัน ยังมีเวิลด์คลาสลักชัวรี่วิลล่า The Sky Series บนที่ดินกว่า 2 ไร่ จำนวน 4 หลัง และ โครงการ ซาซ่าส์ หัวหิน (SASA HUA HIN) A NEW STYLISH BEACH CONDOMINIUM บนที่ดิน 3 ไร่ จำนวน 248 ยูนิต ที่ได้ทั้งวิวทะเล และวิวสนามกอล์ฟแบบเต็มๆ
จึงถือเป็นปีที่กลุ่มชาญอิสสระมี Movement น่าจับตา เพื่อที่จะให้แบรนด์ยังคงเติบโตและโลดแล่นต่อไปได้อย่างยาวนาน
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE