ช่วงปลายปีก่อน “พฤกษา โฮลดิ้ง” ประกาศปรับโครงสร้างครั้งสำคัญ ด้วยการแต่งตั้ง คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ ผู้ก่อตั้งและผู้ถือหุ้นใหญ่ บมจ.พฤกษา โฮลดิ้ง กลับมานั่งตำแหน่งรักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มอีกครั้ง (หลังจากปี 2560 ได้แต่งตั้งผู้บริหารมืออาชีพมานั่งในตำแหน่งซีอีโอ) เพื่อดูแลการบริหารงานเชิงกลยุทธ์และด้านปฏิบัติการต่างๆ
หลังจากปี 2567 ภาพรวมตลาดอสังหาฯ เผชิญกับความท้าทายจากภาวะเศรษฐกิจและอัตราการปฏิเสธสินเชื่อของธนาคารที่ยังคงสูงอยู่ ทำให้พฤกษามีรายได้รวมอยู่ที่ 21,000 ล้านบาท ลดลง 19.7% มีกำไรสุทธิ 456 ล้านบาท ลดลง 79% (จากปี 2566 กำไรสุทธิ 2,205 ล้านบาท)
รายได้ปี 2567 ลดลง มาจากรายได้จากการขายอสังหาฯ “ลดลง” จากสาเหตุผลกระทบด้านกำลังซื้อของกลุ่มผู้มีรายได้น้อยถึงปานกลาง ซึ่งมีผลต่อการขอสินเชื่อบ้านจากธนาคารตามไปด้วย ส่วนกำไรสุทธิลดลงมาจากรายได้ธุรกิจอสังหาฯ ลดลงตามสภาพของอุตสหกรรม ต้นทุนขายเพิ่มขึ้นจากการแข่งขันและกลยุทธ์ราคาตลาดรวมรุนแรง
ปี 68 โฟกัสธุรกิจอสังหาฯ-เฮลท์แคร์
หลังจากขึ้นมานำทัพ “พฤกษา” คุณทองมา ได้ประกาศแผนธุรกิจปี 2568 โดยมุ่งเน้นไปที่ธุรกิจหลัก ได้แก่ “อสังหาฯและเฮลท์แคร์” เดินหน้าสู่การเป็นผู้นำด้านการอยู่อาศัยที่ผสานความเป็นอยู่ที่ดี (Well-being) ควบคู่การบริการด้านสุขภาพ ตั้งเป้ารายได้รวม 23,500 ล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากอสังหาฯ 18,700 ล้านบาท เติบโต 8% และ เฮลท์แคร์ 2,600 ล้านบาท เติบโต 19%
คุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ รักษาการประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท พฤกษา โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าปี 2568 ยังเป็นปีที่ท้าทายของธุรกิจอสังหาฯ จากภาวะเศรษฐกิจและกำลังซื้อตลาดกลางและล่างยังได้รับผลกระทบ จึงโฟกัสธุรกิจหลักอสังหาฯและเฮลท์แคร์ โดยมีการปรับพอร์ตโฟลิโอต่อเนื่อง เพิ่มสัดส่วนตลาดบ้านระดับกลางถึงบน ต่อยอดธุรกิจพรีคาสท์ พร้อมรุกตลาดก่อสร้างเต็มรูปแบบ ด้านธุรกิจการดูแลสุขภาพเติบโตต่อเนื่อง เตรียมขยายโรงพยาบาลเฉพาะทางอีก 3 แห่ง
ปัจจุบันสัดส่วนรายได้พฤกษา 70% มาจากธุรกิจอสังหาฯ เฮลท์แคร์ 20% และอื่นๆ 10% จากแนวโน้มตลาดอสังหาฯ มีจำนวนโครงการก่อสร้างใหม่ลดลงทุกปี ย้อนไป 5 ปีก่อน โครงการที่อยู่อาศัยก่อสร้างใหม่อยู่ที่ 5 แสนหน่วยต่อปี ปี 2567 มีจำนวน 3.5 แสนหน่วยต่อปี คาดว่าอีก 5 ปีจากนี้อาจจะลดลงเหลือ 2.5 แสนหน่วยต่อปี ขณะที่ธุรกิจเฮลท์แคร์ มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง จากการเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทย รวมทั้งเทรนด์การดูแลสุขภาพเชิงป้องกันก่อนป่วย
ดังนั้นในอนาคต พฤกษา จะปรับพอร์ตโฟลิโอธุรกิจหลักอสังหาฯ รายได้ 50% และเฮลท์แคร์ 50%
อสังหาฯหนีตลาดล่าง หันเจาะตลาดบน
คุณธีระ ทองวิไล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พฤกษา เรียลเอสเตท จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าธุรกิจอสังหาฯ ปี 2568 วางแผนเปิดตัวโครงการใหม่ 22 โครงการ มูลค่ารวม 23,400 ล้านบาท แบ่งเป็น ทาวน์เฮาส์ 8 โครงการ มูลค่า 4,900 ล้านบาท บ้านเดี่ยว 9 โครงการ มูลค่า 10,400 ล้านบาท และคอนโดมิเนียม 5 โครงการ มูลค่า 8,100 ล้านบาท เน้นพัฒนาโครงการเวลเนส เรสซิเดนซ์ และโครงการที่มีจุดเด่นด้านทำเล
โดยในปี 2568 จะมีการเปิดตัวแบรนด์ระดับบนหลายโครงการ เช่น The Palm, The Reserve และ Chapter โดยมีสัดส่วนสินค้าในกลุ่มราคามากกว่า 7 ล้านบาท ราว 50% และโครงการที่ใกล้เมืองมากขึ้นและมีขนาดเล็กลง เพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในยุคปัจจุบัน
ตั้งเป้ายอดขายที่ 19,800 ล้านบาท และยอดขายผ่านโครงการ JV อีก 3,200 ล้านบาท รวมถึงยอดโอน 18,700 ล้านบาท และยอดโอนผ่านโครงการ JV อีก 1,600 ล้านบาท ซึ่งในส่วนนี้จะรับรู้เป็นกำไรจากการลงทุนใน JV
ธุรกิจอสังหาฯ ปีนี้วาง 2 กลยุทธ์หลัก 1. กลยุทธ์เชิงรับเพื่อรักษาข้อได้เปรียบทางการแข่งขัน (Strategic Positioning Strategy) ผ่านการปรับปรุงพอร์ตโฟลิโอจำหน่ายที่ดินที่ไม่ได้อยู่ในแผนการพัฒนา มูลค่า 1,000 ล้านบาท และพัฒนาโครงการใหม่จากที่ดินที่มีอยู่เดิมมูลค่ารวม 2,900 ล้านบาท เร่งปิดโครงการเพื่อลดค่าใช้จ่ายให้ได้อีก 31 โครงการ และปรับสัดส่วนโครงการแนวราบจาก ทาวน์เฮาส์ 60% และบ้านเดี่ยว 40% เป็น 50:50 ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาดในปัจจุบัน
2. กลยุทธ์เชิงรุก เพื่อสร้างการเติบโตท่ามกลางสถานการณ์ที่ท้าทาย (Resilient Growth Strategy) มุ่งสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน ด้วยการเปิดตัวโครงการใหม่ โดยจะเน้นแบรนด์ที่เป็นที่รู้จักในระดับ Ultra-premium segment เช่น THE RESERVE, THE PALM สร้างความร่วมมือเชิงกลยุทธ์ส่งเสริมการอยู่อาศัยเพื่อสุขภาพ (Well-being-focused collaborative synergy) มุ่งเน้นการพัฒนาสินค้าและบริการที่ตอบโจทย์สุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างเป็นรูปธรรม และสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ พร้อมโอนคอนโดใหม่ในปีนี้อีก 4 โครงการ เพื่อรักษามาร์จิ้นในระดับสูงไว้ได้ ซึ่งมั่นใจว่าด้วยกลยุทธ์ทั้งหมดนี้จะทำให้สร้าง “กำไร” มากขึ้นปีนี้
ด้านธุรกิจพรีคาสท์ปีนี้ตั้งเป้ารายได้ 2,100 ล้านบาท เน้นขยายกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้หลากหลาย เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของตลาดให้มากขึ้น เช่น ผนังน้ำหนักเบา (Lightweight Wall) กำแพงกันดิน (Retaining Wall) และรั้วสำเร็จรูป (Project Fence) ในขณะที่ธุรกิจก่อสร้างตั้งเป้ารายได้ 5,400 ล้านบาท มุ่งเจาะกลุ่มลูกค้าทั้ง B2B และ B2C สำหรับการสร้างบ้านในระดับราคา 10 – 30 ล้านบาท
กลุ่มเฮลท์แคร์เปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางใหม่ 3 แห่ง
นายแพทย์สุวาณิช เตรียมชาญชูชัย ผู้อำนวยการโรงพยาบาลวิมุต กล่าวว่ากลุ่มธุรกิจเฮลท์แคร์ของพฤกษา มีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2567 กลุ่มวิมุต มีรายได้ 2,187 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีก่อน มี EBITDA อยู่ที่ 112 ล้านบาท รายได้หลักมาจากศัลยกรรม การตรวจสุขภาพ การดูแลเด็ก แผนกฉุกเฉิน แผนกศัลยกรรมกระดูกและข้อ กระดูกสันหลัง สูตินรีเวช และระบบทางเดินอาหาร สำหรับปี 2568 ตั้งเป้ารายได้ 2,600 ล้านบาท
ปี 2568 ใช้งบลงทุนกลุ่มเฮลท์แคร์ 3,500 ล้านบาท เตรียมเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง ในย่านทองหล่อ, สุขุมวิท และปิ่นเกล้า
กลยุทธ์กลุ่มเฮลท์แคร์ในปี 2568 เตรียมเปิดศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ ทางด้านสุขภาพปอด จักษุ กระดูกสันหลัง ต่อมไร้ท่อ ศัลยกรรม กุมารเวช ระบบทางเดินอาหารและตับ หัวใจและหลอดเลือด รวมทั้งการบริหารต้นทุนและการใช้ทรัพยากรในกลุ่มบริษัทร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ อาทิ จัดซื้อ การตลาด การเงิน เทคโนโลยีสารสนเทศ
ปัจจุบันโรงพยาบาลวิมุต พหลโยธิน มีขนาด 240 เตียง โรงพยาบาลวิมุต-เทพธารินทร์ ขนาด 130 เตียง รวมเกือบ 400 เตียง ในอีก 3 ปีข้างหน้าที่เตรียมเปิดโรงพยาบาลเฉพาะทางเพิ่มอีก 3 แห่ง จะทำให้มีจำนวนรวม 600-700 เตียง
อ่านเพิ่มเติม
‘ทองมา’ ต้องมาเอง “พฤกษา” ปรับโครงสร้าง สร้างความแข็งแกร่ง อสังหา – โรงพยาบาล
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE