ถึงแม้ว่า “บริษัท เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)” หรือ “SC” จะเป็นผู้นำตลาดบ้านหรู (Luxury House) โดยมีส่วนแบ่งการตลาด 29% (บ้านระดับราคา 30 ล้านบาทขึ้นไป) แต่ด้วยการแข่งขันที่รุนแรง รวมถึงเศรษฐกิจยังฟื้นตัวอย่างช้าๆ จึงทำให้ SC ต้องปรับยุทธศาสตร์ โดยใช้กลยุทธ์ “Blue Ocean Location” ชิงดีมานด์ เพื่อสร้างการเติบโตอย่างแข็งแรงในตลาดบ้านหรูปีนี้
กลยุทธ์ Blue Ocean Location คืออะไร และจะพา SC โตต่อได้อย่างไร? มาฟังคำตอบจาก คุณมงกุฎ เตโชฬาร Chief Operating Officer-Property Development Low Rise และคุณณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ Senior Executive Vice President – Marketing & Innovation ของ SC
2 เดือนแรก ยอดขายบ้านหรูชะลอ แต่บางทำเลโตดี
ผ่านมา 2 เดือน แม้ตลาดบ้านหรูจะไม่คึกคักมาก หากดูจากยอดขายในเดือนมกราคมที่ผ่านมา คุณณัฎฐกิตติ์ บอกว่า ยังชะลอตัว ส่วนเดือนกุมภาพันธ์ ยอดขายเริ่มกลับมา แต่ในบางทำเล ดีมานด์ยังไปได้ดี เช่น ราชพฤกษ์ บางนา และกรุงเทพกรีฑา ประกอบกับ SC เลือกโฟกัสบ้านตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป เพราะเป็นกลุ่มที่มีกำลังซื้อแข็งแรง ทำให้อัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Rejection Rate) น้อยหากเทียบกับบ้านราคาต่ำกว่า 10 บาท ทั้งยังทำให้ SC เติบโตต่อเนื่อง โดยปี 2567 ยอดขายแนวราบอยู่ที่ 16,500 ล้านบาท และมีแชร์อยู่ที่ 29%
แต่หากมองในแง่การแข่งขัน ต้องยอมรับว่าตลาดบ้านหรูมีการแข่งขันสูง จากจำนวนซัพพลายที่มีค่อนข้างมาก ส่งผลให้ปีนี้ SC ต้องวางกลยุทธ์ใหม่ โดยจะเน้น Blue Ocean Location มากขึ้น โดยเป็นทำเลที่มี “ดีมานด์สูง” แต่ “ซัพพลายยังไม่มาก” และต้องมี “แม่เหล็ก” ดึงดูด เช่น โรงเรียนนานาชาติ เพราะผลวิจัยจากคอลลิเออร์ส พบว่า พฤติกรรมของลูกค้ากลุ่มนี้มีความต้องการบ้านคุณภาพที่ติดหรืออยู่ใกล้โรงเรียนนานาชาติระดับท็อป
(จากซ้าย) คุณมงกุฎ เตโชฬาร Chief Operating Officer-Property Development Low Rise และคุณณัฏฐกิตติ์ ศิริรัตน์ Senior Executive Vice President – Marketing & Innovation ของ SC
“สุขสวัสดิ์” ทำเลบลูโอเชี่ยน แค่ 2 สัปดาห์ กวาดยอด 900 ล้านบาท
คุณณัฎฐกิตติ์ได้ยกตัวอย่างทำเลสุขสวัสดิ์ เพื่อให้เห็นภาพทำเลบลูโอเชียนชัดเจนขึ้น ปัจจุบันทำเลนี้มีซัพพลายไม่เกิน 2 โครงการ และดีมานด์แข็งแรงมาก ส่วนใหญ่เป็นผู้ประกอบธุรกิจ รวมถึงโรงเรียนนานาชาติคิงส์ คอลเลจ กำลังจะมาเปิด จึงทำให้โครงการแกรนด์ บางกอก บูเลวาร์ด สุขสวัสดิ์-พระราม 3 ประสบความสำเร็จ ปัจจุบันมียอดขาย 40% หรือประมาณ 900 ล้านบาท ตั้งแต่เปิดขายอย่างเป็นทางการมา 2 สัปดาห์
“ตอนนี้เราคอนเซอร์เวทีฟมากขึ้น เวลาเลือกทำเลต้องดูละเอียดและแม่นมากๆ ซึ่งปัจจุบันเรามีทำเลบลูโอเชี่ยน 3 แห่งคือ สุขสวัสดิ์, ดอนเมือง-สรงประภา และรัชวิภา”
หันขายบ้านที่ยังสร้างไม่เสร็จ รับมือการซัพพลายบ้านเพิ่ม
นอกจากการรุกตลาดบนทำเลบลูโอเชียนแล้ว คุณมงกุฎ บอกว่า ปีนี้ยังปรับแผนมาขายบ้านที่ยังไม่สร้างหรืออยู่ระหว่างการก่อสร้างเพื่อตอบความต้องการของลูกค้าที่เข้ามาในช่วงเวลานั้นๆ ต่างจากก่อนหน้านี้ที่นโยบายจะเน้นสร้างบ้านเสร็จก่อนขาย เนื่องจากการแข่งขันและซัพพลายที่เพิ่มมากขึ้นในตลาด จึงต้องดัดสินใจให้เร็วขึ้น แต่ก็ยังเน้นคุณภาพและการรับประกันเหมือนเดิม
“สิ่งที่ SC ทำมาตลอดคือ คุณภาพ จึงทำให้เราไม่อยากขายบ้านที่ยังก่อสร้างไม่เสร็จ เพราะบ้านสร้างเสร็จควบคุมคุณภาพการก่อสร้างได้ดีกว่า แต่ช่วงนี้เรามีความยืดหยุ่นขึ้น แต่ยังคงคุมคุณภาพให้ดีและทุกหลังต้องผ่านการตรวจสอบ”
จากการปรับกลยุทธ์ให้เข้ากับสถานการณ์ตลาด บวกกับการเปิดตัวโครงการบ้านหรู 12 โครงการใหม่ โครงการไฮไลต์คือ บ้านหรูระดับราคาตั้งแต่ 200 ล้านบาท ภายใต้แบรนด์ SONLE RESIDENCES (ซันเล เรสซิเดนเซส) ในช่วงเดือนกรกฎาคม ทั้งหมด 5 ยูนิต และแบรนด์ Matter 2 โครงการ จะเปิดตัวในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ เป็นบ้านระดับราคาเริ่มต้นที่ 5 ล้านกว่าบาท ทำให้คุณมงกุฎมั่นใจว่า ปีนี้ยอดขายแนวราบของ SC จะอยู่ที่ 18,800 ล้านบาท และเพิ่มส่วนแบ่งตลาดเป็น 30%
ติดตามพวกเราได้ที่ LINE