Yum! จับมือ Nvidia ดึง AI มาใช้ในกระบวนการขาย ตั้งแต่รับออเดอร์ไปจนถึงตรวจสอบออเดอร์ผ่านบริการ Drive-Thru ของแบรนด์โดยตั้งเป้าขยายสู่ 500 สาขาทั่วสหรัฐอเมริกาทั้ง Taco Bell, Pizza Hut และ KFC เริ่มเมษายนนี้
สำหรับ AI ของ Nvidia ที่จะเข้ามามีบทบาทกับการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีตั้งแต่ AI ด้านเสียง สำหรับรับคำสั่งของลูกค้า โดยในจุดนี้ Nvidia ระบุว่า AI ของตนเองสามารถรับมือกับเมนูที่มีความซับซ้อนต่าง ๆ ได้แล้ว และการมี AI มารับออเดอร์แทนพนักงานมนุษย์ยังสามารถช่วยลดความเครียดของพนักงานลงได้ด้วย
นอกจากนั้นยังมี AI ด้าน Computer Vision สำหรับวิเคราะห์ภาพอาหารที่ส่งออกไปให้ลูกค้าว่าตรงกับคำสั่งซื้อหรือไม่ และ AI ที่จับภาพการทำงานในครัว เพื่อวิเคราะห์ว่าเกิดคอขวดในการทำงานตรงจุดใดบ้าง เพื่อจะได้นำมาปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ปรับใช้ AI ใน 500 สาขาภายในไตรมาส 2 ของปีนี้
ปัจจุบัน การใช้ AI ของ Yum! ได้เริ่มแล้วในร้านฟาสต์ฟู้ด เช่น Taco Bell และ Pizza Hut และมีแผนที่จะขยายไปถึง 500 สาขา (รวมถึง KFC และ Habit Burger Grill ภายในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้) ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า บริษัทมีแผนลงทุนระยะยาวใน AI อย่างเป็นรูปธรรม
ขณะที่ในมุมของ Nvidia หลังจากพบความท้าทายจาก Gen AI ของจีนที่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ แม้จะใช้หน่วยประมวลผลที่มีคุณภาพน้อยกว่า การจับมือกับผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอื่นเพื่อนำ AI ไปใช้งานจริง อาจเป็นเกมใหม่ที่ Nvidia เพิ่มเข้ามาเพื่อสร้างแต้มต่อให้กับตนเองต่อนักลงทุน
นอกจากนี้ หากมองในมุมของการเติบโต จะพบว่า มูลค่าหุ้นของ Yum! ในปีที่ผ่านมา เติบโตราว 14% ขณะที่หุ้นของ Nvidia นั้นเติบโตมากถึง 35% ด้วยเหตุนี้ การหันไปพึ่งพา AI อย่างเป็นรูปธรรมอาจทำให้ Yum! มีความเปลี่ยนแปลงด้านรายได้ – มูลค่าหุ้นกว่าที่เป็นอยู่ก็ได้ (แม้ว่าอาจต้องแลกมากับการจ้างงานที่ลดลงก็ตาม)