กรณีแรงสั่นไหวจากเหตุแผ่นดินไหวในประเทศไทยเมื่อเร็ว ๆ นี้ แม้จะเป็นเพียงเหตุให้คนไทย “ซ้อมตกใจ” ด้วยว่า ประเทศไทยอยู่ห่างจากประเทศเมียนมา ซึ่งเป็นศูนย์กลางแผ่นดินไหวเกือบพันกิโลเมตร แต่ก็ยังทำให้คนไทย “สติหลุด” ต้องวิ่งหนีตายออกจากอาคาร และบางรายก็พกเพียงมือถือเครื่องเดียว หลายอาคารไม่อนุญาตให้เข้า ห้างร้านปิดบริการชั่วคราว ถนนบางเส้นถูกตัดขาด ฯลฯ ซึ่งไม่ต่างจากวิกฤตอื่น ๆ เช่น น้ำท่วม ดินถล่ม หรือแม้แต่ช่วงวิกฤตโควิด-19
แต่ท่ามกลางความไม่แน่นอน ชีวิตก็ยังต้องเดินหน้าต่อไป จาก “วิกฤต” ครั้งนี้ “ธนาคารกรุงเทพ” ได้พลิกเป็น “ความสบายใจ” ให้กับลูกค้าผู้ใช้บริการ ด้วย “โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ” นวัตกรรมการเงินยุคดิจิทัลที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เพียงแค่ปลายนิ่วสัมผัสก็สามารถเข้าถึงบริการของธนาคารฯ ได้ง่าย สะดวก และมีความปลอดภัย โดยไม่จำเป็นต้องรอคิว ไม่ต้องออกจากบ้าน ไม่ต้องเสี่ยงพบปะผู้คนให้ต้องกังวลกับการแพร่ระบาดของโรค
“โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ” บริการครอบคลุมทุกโจทย์
นางสาวสุญาณี ภูริปัญญวานิช ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า “โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ” มีบริการอย่างหลากหลาย และครอบคลุม และเป็นมากกว่าแพลตฟอร์มสำหรับการทำธุรกรรมการเงินได้เพียงอย่างเดียวจึงส่งผลให้มีผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากได้พัฒนาบนพื้นฐานของความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง นับแต่การพัฒนาฟังก์ชันต่าง ๆ การออกแบบโซลูชันและการจัดการความเสี่ยงต่าง ๆ ให้รอบด้าน ก่อนเปิดใช้งานจริง เพื่อให้มั่นใจว่า ลูกค้าจะใช้งานทุกธุรกรรมได้อย่างปลอดภัย และช่วยให้บริการของธนาคารกรุงเทพก้าวหน้าได้อย่างมั่นคงและปลอดภัย
ฟีเจอร์ของ “โมบายแบงก์กิ้งธนาคารกรุงเทพ” ประกอบด้วย ธุรกรรมพื้นฐานอย่างรับเงิน-โอนเงิน จ่ายค่าสินค้า/บริการ เบิกถอนเงินสดได้โดยไม่ต้องใช้บัตร หรือแม้แต่ธุรกรรมที่ซับซ้อนมากขึ้นทั้งการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชน (Be My ID) การเปิดบัญชี e-Saving ซื้อประกันภัย-ประกันชีวิต หรือบริหารการลงทุน ด้วยความโดดเด่นทั้งด้านความสะดวก รวดเร็ว มีฟังก์ชันและฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งาน เช่น การโอนแบบรวดเร็ว และการชำระเงินผ่าน QR Code รวมถึงสิทธิประโยชน์หรือโปรโมชัน ข่าวสารและกิจกรรมต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังได้รับการพัฒนาให้รองรับการชำระค่าสินค้า/บริการที่ประเทศจีนกับร้านที่มีสัญลักษณ์ Weixin Pay QR พร้อมทั้งมีบริการเจาะกลุ่มลูกค้าไลฟ์สไตล์ต่าง ๆ เช่น สายเกมเมอร์ อีกทั้งยังมีโปรโมชันพิเศษต่าง ๆ มากมาย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ ๆ ให้เข้ามาใช้บริการมากขึ้นด้วย
ธนาคารก็แค่ปากซอย แวะ Banking Agent ได้ทั่วไทย
สำหรับลูกค้าที่อาจจะไม่สะดวกเดินทางมาที่สาขาธนาคาร หรือต้องการทำธุรกรรมนอกช่วงเวลาทำการ ธนาคารกรุงเทพเข้าใจถึงความต้องการเหล่านี้จึงได้จับมือกับพันธมิตรที่มีจุดแข็งทั้งเรื่องจุดให้บริการและช่วงเวลาทำการ เข้ามาช่วยตอบโจทย์เหล่านี้ผ่านโมเดลที่เรียกว่า “ตัวแทนธนาคาร” (Banking Agent) ไม่ว่าจะเป็น เซเว่น อีเลฟเว่น โลตัส ไปรษณีย์ไทย ตู้บุญเติม บิ๊กซี ตู้เติมสบายพลัส สบายเคาน์เตอร์ ตู้เติมดี และท็อปส์ ด้วยจุดให้บริการรวมกว่า 1.63 แสนแห่งซึ่งกระจายอยู่ในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วทุกจังหวัดและในชุมชน เหมือนกับการไปธนาคารก็ “แค่ปากซอย” แค่ไปที่จุดให้บริการ Banking Agent ของธนาคารเท่านั้น ที่สำคัญ ใช้บริการได้ตลอด 24 ชั่วโมงอีกด้วย
นางปรัศนี อุยยามะพันธุ์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงบริการผ่าน “ตัวแทนธนาคาร” (Banking Agent) ว่า นี่คือช่องทางที่ตรงกับพฤติกรรมและความต้องการของลูกค้าธนาคารในยุคนี้ โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ขายของเสร็จเวลาค่ำ ๆ และไม่อยากเสียเวลาต่อคิวเอาเงินสดเข้าบัญชี หรือกรณีมีแบงก์ย่อยจะฝากเข้าเครื่องรับฝากเงินก็ไม่รองรับ ดังนั้น “ตัวแทนธนาคาร” จึงเป็นหนึ่งในทางเลือกที่ดี ทั้งสะดวกสบาย และหมดกังวลกับการเก็บเงินสดจำนวนมาก ๆ ไว้กับตัว อีกทั้งสามารถโอนจ่ายให้กับคู่ค้าได้ในวันถัดไป หรือแม้แต่ผู้ที่อาศัยอยู่ในอำเภอเมืองเล็ก ๆ ในต่างจังหวัด ก็ไม่ต้องเดินทางเข้าเมือง เพื่อไปธนาคาร อีกทั้งยังสามารถทำธุรกรรมโอนเงิน ฝากเงิน และชำระค่าสาธารณูปโภคที่ร้านค้าหน้าหมู่บ้านได้ทันที ด้วยช่องทางการบริการที่ครอบคลุมและกระจายทั่วประเทศ ทำให้ปริมาณทำธุรกรรมเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าถึง 17% และยังมีทิศทางที่เพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับความร่วมมือกับพันธมิตรที่ธนาคารจะยังคงเดินหน้าต่อไปเช่นกัน ภายใต้แนวคิด “เพื่อนคู่คิด มิตรคู่บ้าน” ซึ่งธนาคารกรุงเทพยึดมั่นมาตลอด 80 ปี และยังคงต่อยอดด้วยนวัตกรรมที่เข้าใจชีวิตจริง ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร อยู่ที่ไหน หรือกำลังเผชิญกับอะไร เราก็พร้อมอยู่เคียงข้างเสมอ ด้วยเครื่องมือทางการเงินที่ปลอดภัย ใช้งานง่าย และตอบโจทย์ทุกสถานการณ์”