(ขวาไปซ้าย) คุณแพท-ภัทรพงศ์ นิติการ กรรมการผู้จัดการ และคุณณัฐชนัน เชียภาณุมาศ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายครีเอทีฟ We Are Social ประเทศไทย
We Are Social ครีเอทีฟเอเจนซีระดับโลกเปิดตัวในไทยอย่างเป็นทางการ ประกาศจุดพลุยุคใหม่แห่งวงการการตลาดที่นำด้วย subculture และนวัตกรรมโลกเสมือน ไม่ว่าจะเป็นเมตาเวิร์สหรือแพลตฟอร์มเกมต่าง ๆ ภายใต้แนวคิด 3P ได้แก่ People, Passion และ Platform
คุณแพท-ภัทรพงศ์ นิติการ กรรมการผู้จัดการ We Are Social ประเทศไทย กล่าวถึงการเปิดตัวครั้งนี้ว่า “ผมมองตลาดเป็น 3 ส่วน มี Innovator มี Early Adopter แล้วที่เหลือเป็นผู้ตาม เราวาง position ตัวเองเป็น Innovator หลาย ๆ อย่างที่เราทำเป็นสิ่งใหม่ เช่น Immersive แคมเปญบนเกมมิ่ง แพลตฟอร์ม และแบรนด์ที่เป็นลูกค้าของเราก็เช่นเดียวกัน พวกเขามองหาสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อน และยังไม่มีใครตอบโจทย์ได้เหมือนที่เราทำ”
ด้านคุณณัฐชนัน เชียภาณุมาศ ผู้อำนวยการบริหารฝ่ายครีเอทีฟ We Are Social ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า “ทุกวันนี้โซเชียลมีเดียที่เราใช้กันอยู่มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา สิ่งที่ We Are Social ทำ เราไม่ได้ทำตามเทรนด์ แต่เราเป็น ‘ผู้นำเทรนด์’ เช่น เราเห็นข้อมูลว่าอัตราการเติบโตของแพลตฟอร์มเกม Roblox ในประเทศไทย สูงเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก หรือบนเกม Free Fire มีกลุ่มผู้รับสารเป้าหมายของเราแอคทีฟอยู่มากกว่า 11 ล้านคน ซึ่งในมุมของ Subculture เราจะสร้างเซอร์ไพรส์ให้กับกลุ่มเป้าหมายได้อย่างไร แล้วให้พวกเขาเป็นฝ่ายที่อยากจะมีส่วนร่วมกับแบรนด์ด้วยตัวเอง”
โดยหนึ่งในตัวอย่างของความสำเร็จคือแคมเปญ Garnier Men The Rescue Airdrop ในการนำเสนอผลิตภัณฑ์โฟมล้างหน้า Garnier Men AcnoFight ด้วยเชื่อมโยงตัวผลิตภัณฑ์ที่กู้สิวในชีวิตจริงกับไอเทมช่วยกู้ชีวิตสำคัญในเกม Free Fire เข้าด้วยกัน และมีการจำลองสยามสแควร์เข้าไปเป็น map ในเกมด้วย
“เกมเป็นตลาดปราบเซียน หลายครั้งที่แคมเปญถูกสร้างมาแค่ชั่วคราว ให้ผู้เล่นรับไอเทมโค้ดแล้วจบแคมเปญ แต่ We Are Social สามารถทำให้แบรนด์เข้าไปอยู่ในใจของคนที่เล่น Free Fire ได้ จากการร่วมงานในแคมเปญ Garnier Men The Rescue Airdrop แฟนคลับต่างพูดถึงความประทับใจจากกิจกรรมที่เกิดขึ้นทั้งในเกมและในชีวิตจริงอย่างมี map สยามสแควร์อยู่ในเกม เหมือนเป็นอีกโลกหนึ่งที่สัมผัสเข้าถึงได้จริง ๆ” คุณภัสส์ตกัญญา ธนูทอง หรือ Yuki Dekyou Gaming Creator ชื่อดังกล่าวบนเวทีเสวนา
ภายในงานเสวนายังได้รับเกียรติจากคุณ Manolis Perrakis ผู้อำนวยการด้านนวัตกรรม We Are Social ประเทศสิงคโปร์ บินตรงมาเพื่อร่วมพูดถึงประเด็นของนวัตกรรมแห่งอนาคต และ AI เทคโนโลยีกับวงการมาร์เก็ตติ้ง
“AI เทคโนโลยี ไม่ได้จะมาเปลี่ยนโลก แต่มันได้เปลี่ยนโลกเราไปแล้ว ในวงการมาร์เก็ตติ้ง AI ไม่ได้สร้างไอเดีย แต่ครีเอทีฟที่ใช้ AI เป็นเครื่องมือต่างหากที่สร้างไอเดียใหม่ ๆ สู่วงการ ผมมอง AI เป็นเครื่องมือช่วยทุ่นแรงและติดสกิลให้กับชาวครีเอทีฟ เช่น ใครไม่ถนัดการถ่ายทำและตัดต่อ ก็เขียน prompt ให้ AI ถ่ายทอดออกมาให้”
นอกจากนี้ ทางแบรนด์ยังได้จัดแสดงต้นแบบไอเทมสุดล้ำซึ่งสะท้อนถึงความเป็นผู้นำด้านนวัตกรรมและ Subculture ของเอเจนซี อาทิ เลเซอร์แคท ตัวช่วยดึงความสนใจของแมวไม่ให้รบกวนเวลาทำงาน, VR headset ที่พาผู้สวมใส่เข้าสู่โลกเสมือน รวมไปถึงงานอาร์ตจาก Vector สมาพันธ์ที่รวมเครือข่ายศิลปินจากทั่วโลก มาเปิดให้สื่อมวลชนและแขกผู้ร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์แบบ immersive ด้วยตนเองเช่นกัน