เป็นประจำที่เมื่อถึงช่วงเวลาสิ้นปี มักจะมีเรื่องราว “การตลาด” ที่เป็นทั้งปรากฏการณ์ ประเด็นร้อน บทเรียนราคาแพงให้นักการตลาดได้
มาดูกันว่าในปี 2561 แบรนด์ดัง ไม่ดัง สร้างปรากฏการณ์ปัง! หรือแป้ก! อะไรทิ้งไว้บ้าง
ออเจ้ามาร์เก็ตติ้ง…
ถือได้ว่าเป็นที่สุดจริงๆ สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ช่
นอกจากนี้ ช่อง 3 จากที่เผชิญภาวะขาดทุน ทำให้มีรายได้ไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท กลับมาต่อลมหายใจธุรกิจได้ไม่น้
ด้วยความดังของละครทำให้แบรนด์
ถ้าหากว่า “บุพเพสันนิวาส” สามารถสร้างกระแสได้ในช่วงต้นปี ปลายปีละครที่ปรากฏให้เห็นก็คือ “เลือดข้นคนจาง” กับคำถาม #ใครฆ่าประเสิรฐ ละครเรื่องนี้เป็นการนำเอานักแสดงดัง ยุค ’90 มาปะทะฝีมือกับไอด้อลรุ่นใหม่ เพื่อดึงดูดแฟนคลับของทั้งสองกลุ่มเข้าด้วยกัน เชื่อมโยงผ่านเรื่องราวของตระกูลคนจีนมีทั้งเรื่องผลประโยชน์ ความรัก และความแค้นผูกปมของครอบครัวนี้เข้าด้วยกัน ถึงแม้ว่าจะโด่งดังในโซเชี่ยลมีเดียอย่างมาก แต่ในตลาดแมส เรื่องราวที่สลับซับซ้อนอาจจะไม่ใช่จริตของคนหมู่มากที่ต้องการติดตามละครเป็นเครื่องมือสร้างความบันเทิงแบบไม่ต้องคิดหรือติดตามจริงจัง แต่กระแสที่เกิดขึ้นในกลุ่มคนรุ่นใหม่ ก็โชว์ฝีมือของนักแสดงรุ่นเดอะให้เป็นที่รู้จักในกลุ่มผู้ชมอีกรุ่น ส่วนกลุ่ม 9×9 ก็แจ้งเกิดอย่างงดงาม รวมทั้งในช่องทาง LINE TV ก็มีกระแสอย่างมาก
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ: ปี 2019 การสร้างความบันเทิงผ่านละคร ดูจะเป็นความท้าทายของผู้จัดและสถานีโทรทัศน์อย่างหนัก ในขณะที่ Online Straming ทั้ง Netflix , Viu ดูจะสามารถสร้างฐานผู้ชมของตัวเองได้ตามความถนัด ในส่วนของ Netflix คอนเทนท์ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเองทั้งหลาย ดึงดูดผู้ชมได้มากขึ้น ส่วน Viu เจาะฐานแฟนเกาหลีได้อย่างรู้ใจ คอนเทนท์และสถานีโทรทัศน์ของไทยจะเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งจากคู่แข่ง และพฤติกรรมของผู้ชม จนน่าจะเกิดการปรับตัวทั้งเรื่องของการพัฒนาแพล็ตฟอร์มของตัวเองให้จริงจังมากขึ้น รวมทั้งใช้โซเชี่ยลมีเดียผสานพลังกับสื่อโทรทัศน์อย่างเป็นเนื้อเดียวกัน
BNK48 ดังพลุแตก…
การผุด “โมเดลธุรกิจใหม่” โอกาสที่จะประสบ “ความสำเร็จ” และ “ความล้มเหลว” มีพอๆกัน จึงนับเป็น “ความเสี่ยง” อย่างมากสำหรับนักธุรกิจนักลงทุ
แต่กว่าที่ BNK48 จะมายืนอยู่ในจุดที่สปอร์ตไลท์
ความดังของ BNK48 นอกจากทำให้มีโอตะจำนวนมาก ไปออกงาน ออกอีเวนท์ที่ไหน ต้องตามไปเฝ้าเกาะติดหน้าเวที ฐานแฟนๆกลุ่มนี้มีพลังมาก เมื่อบวกกับความดังของวงพอทำให้
ส่วนแบรนด์ที่อาศัยพลัง BNK48 สร้างการเติบโตยอดขาย เช่น ทเวลฟ์พลัสโคโลญน์, มิรินด้ามิกซ์-อิท, แลคตาซอย, ฟูจิฟิล์ม เอ็กซ์-เอ5ม ทรู, ฮอนด้า, ซัมซุง, โออิชิ ฮันนี่ เลมอน เป็นต้น
ไม่พอ เพราะความดังสุดๆ ทำให้ “แพลนบี” ยักษ์ใหญ่สื่อนอกบ้าน ควักเงินกว่า 180 ล้านบาท เพื่อเข้าลงทุนถือหุ้น 35% ในบีเอ็นเค ออฟฟิศ ต่อยอดธุรกิจ Talent management เต็มสูบ ซึ่งการได้พลังเงินทุนที่หนา ทำให้เพิ่มโอกาสเติ
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ: BNK48 รุ่นหนึ่งจะยังคงความโด่งดัง ทั้งในแง่ของฐานแฟนที่พร้อมเปย์ ให้กับกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งงานพรีเซนเตอร์ของสาวๆ กลุ่มนี้จะยังฮ็อตอยู่หรือไม่ BNK48 รุ่นสอง ที่ปรากฏตัวให้เห็นกันแล้วจะสร้างปรากฏการณ์ได้แบบรุ่นพี่หรือไม่ รวมทั้งมีวงไอด้อลวงอื่นที่เห็นโอเมลเช่นนี้แล้ว ก็พยายามจะก่อร่างสร้างฐานแฟนคลับขึ้นมาเพื่อเกาะกุมหัวใจโอตะ เหนือสิ่งอื่นใดก็คือ ในแง่การตลาด นักการตลาดทั้งหลายจะสามารถฉกฉวยเอาความชื่นชอบของแฟนๆ ที่มีกับน้องๆ เหล่านี้ มาใช้ประโยชน์กับการสร้างแบรนด์ของตัวเองในรูปแบบใดได้บ้าง
“เมจิกสกิน” สิ้นชื่อ…
การทำตลาดนอกจากปรากฎการณ์
แต่อนิจจา เมื่อแบรนด์ไม่จริงใจ ไม่ซื่อสัตย์กับผู้บริโภค ผลิตสินค้าด้อยคุณภาพ อวดอ้างสรรพคุณเกินจริง สุดท้ายสิ่งที่ทุ่
เรื่องนี้ไม่ใช่แค่แบรนด์เมจิ
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ: ปี 2018 เป็นช่วงเวลาที่ธุรกิจบำรุงผิว และอาหารเสริมเติบโตแบบก้าวกระโดด เกิดกลุ่มคนรวยใหม่ที่สร้างตัวจากการขายสินค้าออนไลน์ รวมทั้งนักแสดงหรือผู้มีชื่อเสียงทั้งหลาย หันมาประกอบธุรกิจของตัวเองผ่านช่องทางออนไลน์ และสร้างระบบ “ตัวแทน”ขึ้นมาอย่างกว้างขวาง และนั่นทำให้ผู้บริโภคไปจนถึงตัวแทนมีทางเลือกมากเหลือเกิน เปิดศักราชใหม่ปีนี้ ต้องจับตาจริงๆ ว่าโมเดลธุรกิจแบบนี้จะยั่งยืนต่อไปหรือไม่ ในฐานะผู้บริโภคก็ได้แต่หวังว่าสินค้าที่ไม่มีคุณภาพหรือระบบการขายที่กลายเป็นแชร์ลูกโซ่จะล้มหายตายจากวงการธุรกิจ
ปิดตำนาน “ลิโด” ก่อนคืนชีพเป็น “ลิโด้”…
แม้จะได้ยินนักการตลาดพูดกันบ่
ตลอด 50 ปี โรงหนังลิโด ยืนหยันทำตลาดเฉพาะสำหรับคอหนั
แต่ไม่ปล่อยให้เดากันนาน ว่าพื้นที่ใจกลางสยามสแควร์แห่
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ:ต้องมาดูว่า “ลิโด้” ใหม่ จะกลับมาสร้างตำนานแบบไหนให้ชาว “สยามสแควร์” ได้จดจำ รวมทั้งค่ายเลิฟอีส เมื่อผันตัวมาเป็นผู้บริหารพื้นที่แล้ว จะสร้างมูลค่าให้กับพื้นที่และศิลปินที่มีอยู่ในมือได้อย่างไร โดยมีกลุ่มน้อง Sweat 16 ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มเป้าหมายของพื้นที่ย่านนี้ที่สุด เป็นตัวความหวังสำคัญ
Icon Siam – คิงเพาเวอร์มหานคร สร้างแลนด์มาร์ค…
นักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์(
“ไอคอนสยาม” ของนางพญาค้าปลีก “ชฎาทิพ จูตระกูล” แม่ทัพใหญ่แห่งสยามพิวรรธน์ ลงขันกับเครือเจริญโภคภัณฑ์(CP) ทุ่มงบกว่า 5 หมื่นล้าน สร้างศูนย์การค้าริมแม่น้ำเจ้
วันเปิดตัว ยังเชิญแขกเหรื่อคนดังทั่วฟ้
ส่วนการตอกย้ำภาพแลนด์มาร์คใหม่
“มหานคร” ตึกนี้ สร้างความฮือฮอามาตลอดตั้งแต่
เมื่อ “มหานคร” มาอยู่ในมือของ “เจ้าสัววิชัย ศรีวัฒนประภา” ก็ถูกเปลี่ยนชื่อใหม่เป็น คิงเพาเวอร์มหานคร และไม่นานก็เปิดให้บริการ Skywalk มีไฮไลท์อยู่ตรงที่กระจกใสยื่
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ: ในปี 2018 การท่องเที่ยวของประเทศไทยซึ่งเป็นรายได้หลักทางหนึ่งของประเทศต้องเผชิญหน้ากับความท้าทายทั้งจากข่าวที่เกิดขึ้นกับนักท่องเที่ยวจีน ทั้งเรือล่ม ทั้งกรณีการต้อนรับนักท่องเที่ยวที่ไม่สู้ดีนัก ประกอบกับสงครามการค้าทำให้นักท่องเที่ยวจีนที่เดินทางไปเที่ยวประเทศอื่นๆ ลดลง การสร้างแลนด์มาร์คเพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้จับจ่ายใช้สอยในประเทศไทย เป็นเรื่องที่ภาคเอกชน-รัฐ ต้องร่วมด้วยช่วยกัน เพื่อสร้างเม็ดเงินให้หมุ่นเวียนภายในประเทศให้ได้ ทั้ง 2 เมกะโปรเจ็กต์นี้ เปิดตัวช่วงหลายปี เพื่อต้อนรับเทศกาลเฉลิมฉลอง ซึ่งจากกระแสที่เกิดขึ้น และจำนวนนักท่องเที่ยวทั้งไทยและเทศก็ดูหนาตา สร้างกระแสได้เป็นอย่างดี อย่างไรก็ตามกระแส “ของจริง” น่าจะอยู่ที่ปี 2019 ความฮิตของทั้งสองสถานที่ จะยัง “ฮ็อต” ข้ามปี และเป็นหนึ่งในแรงจูงใจชวนนักช็อปทั้งหลายได้จริงหรือไม่
ปิดตำนาน “วิชัย ศรีวัฒนประภา”…
เป็นข่าวช็อค! วงการธุรกิ
เหตุการณ์ดังกล่าว สร้างความเสียใจให้กับบุ
การจากไปของวิชัย ทำให้นักธุรกิจไทย ยกย่องถึงสิ่งที่ทำ อย่างการเข้าไปลงทุนในสโมสรฟุ
สิ่งที่ต้องติดตามต่อ: ในแง่ของความยิ่งใหญ่และความดีของเขาเป็นสิ่งที่อยู่ในใจผู้คน แต่ในแง่มุมธุรกิจ นี่คือความท้าทายครั้งใหญ่ของตระกูลศรีวัฒนประภา ในเมื่อกลุ่มคิงเพาเวอร์เพิ่งลงทุนก้อนใหญ่มูลค่าหลายหมื่นล้านกับตึก คิงเพาเวอร์ มหานคร รวมทั้งการแข่งขันในธุรกิจ Duty Free ก็ดูเหมือนจะระอุขึ้น เมื่อค่ายใหญ่ค้าปลีกทั้งเซ็นทรัล เดอะมอลล์ต่างก็จ้องธุรกิจนี้ตาเป็นมัน ในส่วนของเซ็นทรัล ในปี 2019 Central Village ซึ่งตั้งอยู่บริเวณทางเข้าสุวรรณภูมิจะเปิดตัว เพื่อดักทางนักท่องเที่ยวก่อนเดินทางถึงสนามบิน สงคราม Duty Free ในปีหน้าน่าจะร้อนแรงน่าจับตามองไม่น้อย เจ้าสัวน้อยต๊อบ-อัยยวัฒน์ ศรีวัฒนประภา จะนำทัพลุยศึกนี้ได้หรือไม่ต้องจับตา