Amazon กำลังวางแผนในการเปิดซูเปอร์มาร์เก็ตของตัวเองในสหรัฐฯ ซึ่งเป็นร้านที่มีราคาถูกกว่า Whole Food ซึ่ง Amazon ควบรวมกิจการไม่นานมานี้ จากการรายงานของ The Wall Street Journal ระบุว่าสาขาแรกที่จะเปิดที่ Los Angeles ภายในสิ้นปีนี้
และทันทีที่ข่าวนี้ปรากฏขึ้น ก็พาลทำให้เกิดปรากฏการณ์หุ้นของบริษัทในอุตสาหกรรมเดียวกันอย่าง Walmart, Kroger, Target, BJs, Costco, และ Sprouts ร่วงระนาวในทันทีที่มีประกาศออกมา ในขณะที่ Amazon ปฏิเสธที่จะให้ความเห็นใดๆ แต่จากรายงานดังลก่าว คาดการณ์ว่า Amazon ไม่ได้วางแผนเพียงแค่เปิดสาขาเดียวใน LA แน่ๆ แต่น่าจะมีถึง 12 สาขา
ตามรายงานบอกว่า Amazon กำลังเตรียมพร้อมในการขยายสาขาไปไกลกว่าแค่ที่ LA แน่นอน โดยน่าจะมีถึง 12 แห่งเป็นอย่างน้อย แต่ที่แน่ๆ แล้วมี 2 แห่งที่เดินหน้าเซ็นสัญญาเช่าซูเปอร์มาร์เก็ตเพื่อเปิดแบรนด์ของ Amazon แล้ว นอกจากนี้ยังมีการเจรจาสำหรับเปิดร้านใหม่นี้อยู่ในห้างสรรพสินค้าที่ San Francisco, Seattle, Chicago, Washington, D.C., และ Philadelphia
สำหรับแบรนด์ที่ Amazon จะปั้นขึ้นมานั้น ตอนนี้ยังไม่แน่ชัดว่าจะให้ชื่อว่าอะไร อาจจะใช้ชื่อ Amazon Markets หรือไม่ แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับ Whole Foods แน่นอน สำหรับโมเดลซูเปอร์มาร์เก็ตของ Amazon จะมีขนาดประมาณ 35,000 ตารางฟุต ซึ่งถือว่าเล็กกว่าซุปเปอร์มาร์เก็ตทั่วไปในสหรัฐอเมริกาที่จะมีขนาด 60,000 ตารางฟุต
ไม่เพียงแค่จะเปิดร้านของตัวเองเท่านั้น Amazon ยังสนใจที่จะใช้กลยุทธ์ควบรวมกิจการเพื่อเสริมสร้างความแข็งแกร่งของการทำธุรกิจซูเปอร์มาร์เก็ตอีกด้วย แต่ซูเปอร์มาร์เก็ตที่จะทำการควบรวมด้วยนั้นจะต้องเป็นซูเปอร์มาร์เก็ตระดับภูมิภาคที่มีสาขาประมาณ 10-12 สาขา
เมื่อปี 2017 Amazon ได้สร้างคลื่นลูกใหม่กระทบกับอุตสาหกรรมซูเปอร์มาร์เก็ตแล้วด้วยการเข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ Whole Foods ซูเปอร์มาร์เก็ตไฮเอนด์ที่เน้นขายผลิตภัณฑ์ออร์แกนิค ซึ่งซูเปอร์มาร์เก็ตใหม่ที่กำลังจะเปิดขึ้นมานี้ จะช่วยเติมเต็มช่องว่างในระดับแมสให้กับ Whole Foods ด้วยราคาที่ถูกกว่าและจะไม่เกิดการแข่งขันกันเองของบริษัทในเครือโดยตรง
การเคลื่อนไหวครั้งล่าสุดของ Amazon นี้ถือเป็นอีกครั้งที่ Amazon ทำการย้ายตัวออกจากโลกดิจิทัลมาสู่โลก Offline ที่จับต้องได้ ทั้งนี้ยังไม่นับรวมร้าน Amazon Go ร้านค้าไร้เงินสดที่มีนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่น่าตื่นใจอย่างยิ่งอีกด้วย