ร้านอาหารของ Jamie Oliver จำนวน 22 สาขา จากทั้งหมด 25 แห่งต้องปิดกิจการลง ทำให้มีการตกงานเกิดขึ้นกว่า 1,000 ตำแหน่ง โดยทาง Jamie Oliver Restaurant Group ได้แต่งตั้งให้ KPMG เป็นที่ปรึกษาสำหรับการฟื้นฟูกิจการครั้งนี้
การฟื้นฟูกิจการอาจหมายถึงจุดสิ้นสุดของอาณาจักรร้านอาหารของ Oliver ในสหราชอาณาจักร ซึ่งเริ่มมาจากการเปิดร้าน Fifteen ในลอนดอนครั้งแรกในปี 2002 โดยจะมีเพียง 3 สาขาที่ Gatwick airport เท่านั้นที่จะยังดำเนินกิจการต่อรวมถึงร้าน Jamie’s Diner ทั้งหมดอยู่ระหว่างรอการขายให้กับผู้ที่สนใจ
Oliver กล่าวว่า “ผมเสียใจมากที่ผลออกมาเป็นแบบนี้ และ ผมอยากจะขอขอบคุณพนักงานทุกคนและซัพพลายเออร์ที่ช่วยเหลือธุรกิจร้านอาหารนี้ด้วยหัวใจและวิญญาณตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมา ผมเข้าใจดีถึงความยากลำบากที่เกิดขึ้นกับทุกคนจากเหตุการณ์นี้
“ผมต้องขอขอบคุณลูกค้าทุกคนที่ชื่นชอบและให้การสนับสนุนพวกเราตลอดมา ถือว่าเป็นความยินดีของพวกเราที่ได้ทำอาหารให้ทุกคนรับประทาน
“พวกเราเปิดตัวร้าน Jamie’s Italian ในปี 2008 ด้วยความตั้งใจที่จะเข้าไปเขย่าตลาดร้านอาหารระดับกลางทั่วไปของสหราชอาณาจักร ด้วยคุณค่าที่ลูกค้าได้รับและคุณภาพของวัตถุดิบ มาตรฐานสูงสุดของแหล่งที่มาของเนื้อสัตว์ที่ไม่ผ่านการทารุณ และทีมงานคุณภาพที่มีความสนใจเหมือนกับผมในการทำอาหารคุณภาพและบริการที่ดี และ พวกเราได้ทำอย่างนั้นเสมอมา”
ร้านอาหารภายใต้ชื่อ Jamie Oliver มากกว่า 61 แห่งทั่วโลก รวมทั้ง Jamie’s Italians 25 สาขา และ Fifteen ที่ Cornwall เมืองริมชายฝั่งของอังกฤษ อย่างไรก็ตาม ร้านอาหารในส่วนที่เป็นแฟรนไชส์จะไม่ได้รับผลกระทบในการฟื้นฟูกิจการ
Will Wright หนึ่งในหุ้นส่วนของ KPMG และที่ปรึกษาร่วมในการฟื้นฟูกิจการกล่าวว่า “สภาพการแข่งขันของธุรกิจในอุตสาหกรรมร้านอาหารมีการแข่งขันสูง ผู้บริหารของ Jamie Oliver Restaurant Group ทำงานอย่างเหน็ดเหนื่อยในการต่อสู้กับต้นทุนที่สูงขึ้นและความมั่นใจของผู้บริโภคที่ลดลง อย่างไรก็ตาม หลังจากยอดขายไม่เป็นไปตามเป้าหมาย และได้ใช้เงินลงทุนไปโดยไม่ประสบความสำเร็จ ทีมผู้บริหารตกอยู่ภายใต้แรงกดดันและตัดสินใจลำบากที่จะแต่งตั้งที่ปรึกษาในการฟื้นฟูกิจการ
“แม้ว่าจะมีเงินทุนเหลือพออยู่บ้างในการแต่ตั้งที่ปรึกษาสำหรับการฟื้นฟูกิจการ แต่สาขาทั้งหมดยกเว้นที่ Gatwick Airport จะปิดกิจการลง สิ่งที่ต้องทำต่อไปนี้ในวันหรือชั่วโมงข้างหน้าคือการแบ่งงานให้กับพนักงานส่วนหนึ่งได้มีโอกาสไปทำงานในสาขาที่ยังเปิดกิจการ รวมทั้งให้ความช่วยเหลือพวกเขาในสิ่งที่พวกเขาต้องการ”
กลุ่มบริษัทได้มองหาผู้ซื้อต่อกิจการมาตลอด 2-3 เดือนที่ผ่านมาหลังจาก Oliver ตัดสินใจขายกิจการในส่วนของร้านอาหาร casual dining ซึ่งมีการแข่งขันที่ดุเดือดและมีหลายร้านที่ปิดกิจการไปก่อนหน้านี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นร้าน Carluccio’s, Byron Burger, และ Gourmet Burger Kitchen
การตัดสินใจจ้างที่ปรึกษามาช่วยฟื้นฟูกิจการเกิดขึ้นหลังจากที่ยอดขายของ Jamie’s Italian ตกลง 11% เหลือเพียง 101 ล้านปอนด์ ในปีที่ผ่านมา และต้องปิดร้านไปทั้งหมด 12 สาขา พร้อมทั้งยังรักษาสถานภาพพนักงานไว้อีก 600 คน ซึ่งปีที่ผ่านมาเอง กิจการร้านอาหารแห่งนี้ยังได้เงินอัดฉีดจาก Jamie Oliver จำนวน 13 ล้านปอนด์ เพื่อช่วยพยุงให้กิจการอยู่รอดต่อไป
Jamie Oliver โด่งดังได้จากกองถ่ายรายการโทรทัศน์ไปเจอเขาที่ River Café ใน Hammersmith ในปี 1997 ทำให้เขาก้าวเข้ามาทำรายการทำอาหาร The Naked Chef หลังจากนั้นเขาทำรายการโทรทัศน์และเปิดร้านอาหารที่มีช่วงขาขึ้น-ลงตามวัฏจักรของธุรกิจ แต่เขาได้ออกมายอมรับว่ากว่า 40% ของการลงทุนของเขาประสบความล้มเหลว
ในปี 2015 สาขาสุดท้ายของ Recipease ร้านขายเครื่องครัวของเขาปิดตัวลง และอีก 2 ปีต่อมาร้าน Union Jack ร้านอาหารสไตล์อังกฤษทั้ง 4 สาขาก็ปิดตัวลง และในปี 2017 แมกกาซีนอาหาร Jamie ยุติการตีพิมพ์หลังจากเปิดกิจการมาได้เกือบ 10 ปี แต่ธุรกิจที่ขายตัวตนของเขา ไม่ว่าจะเป็นหนังสือและรายการทำอาหารก็ยังคงประสบความสำเร็จอย่างต่อเนื่อง