Amazon ได้รับการจัดอันดับให้เป็นแบรนด์ที่มีมูลค่าที่สุดในโลกจากรายงาน Brandz100 ในปีนี้ โดยมูลค่าแบรนด์เพิ่มขึ้น 52% แตะที่ 3.155 แสนล้านเหรียญ ขณะที่ Apple ก้าวลงไปอยู่อันดับสองด้วยมูลค่า 3.095 แสนล้านเหรียญ
รายงานดังกล่าวเป็นการรวบรวมข้อมูลของ WPP และ Kantar ที่ระบุว่า การเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของผู้ค้าปลีกออนไลน์ยักษ์ใหญ่นี้เกินความคาดหมาย จากที่คาดว่าจะมีการชะลอตัวของการเติบโต ตรงกันข้าม Amazon กลับได้รับแรงหนุนจากการเข้าซื้อกิจการ, วิธีการบริการลูกค้า และการมีสินค้าที่แตกต่างจนนำโด่งไปไกลกว่าใครเพื่อน
โดยทั้ง 10 บริษัทที่ติดโผ Top10 ในปีนี้ได้แก่
- Amazon มูลค่า 315,505 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 52%
- Apple มูลค่า 309,527 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 3%
- Google มูลค่า 309,000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 2%
- Microsoft มูลค่า 251,244 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 25%
- Visa มูลค่า 177,918 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 22%
- Facebook มูลค่า 158,968 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตลดลง 2%
- Alibaba มูลค่า 131,246 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 16%
- Tencent มูลค่า 130,862 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตลดลง 27%
- McDonald มูลค่า 130,368 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 3%
- AT&T มูลค่า 108,375 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือเติบโตขึ้น 2%
ความน่าสนใจของการจัดอันดับนี้อยู่ที่ Facebook ที่มีการเติบโตลดลง 2% อยู่ที่มูลค่า 1.59 แสนล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งอาจสะท้อนถึงผลกระทบจากประเด็นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความกังวลเกี่ยวกับ fake news ต่างๆ ในขณะที่ Alibaba แสดงให้เห็นถึงการเติบโตของเทคโนโลยีจีนอย่างก้าวกระโดดแซงหน้า Tencent มาอยู่ที่อันดับ 7 และดันให้ Tencent ร่วงลงไปอยู่ที่ 8 ด้วยมูลค่า 1.3 แสนล้านเหรียญสหรัฐ
David Roth ผู้บริหารสูงสุดของ The Store WPP EMEA and Asia และประธานบริหารของ BrandZ ได้กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า “การเติบโตของมูลค่าของแบรนด์ชั้นนำ 100 อันดับแรกของปีนี้พุ่งสู่ระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ พิสูจน์ให้เห็นถึงพลังของการลงทุนในแบรนด์เพื่อมอบคุณค่าแก่ผู้ถือหุ้น เบื้องหลังตัวเลขการเติบโตคือความสำเร็จจากปรากฏการณ์ใหม่ของระบบการสร้างแบรนด์ เรากำลังเห็นการเปลี่ยนแปลงจากผลิตภัณฑ์และบริการแต่ละแบรนด์ไปสู่ยุคใหม่ของระบบที่ฉีกกฎเดิมๆ แบรนด์จำเป็นต้องเข้าใจถึงคุณค่าที่โมเดลนี้สามารถสร้างให้ได้และควรยอมรับมันเพื่อจะประสบความสำเร็จในอนาคต”