HomeBrand Move !!ฟังวิสัยทัศน์ CEO ใหม่ อาณาจักร CPF พิชิตตำแหน่งครัวที่ยั่งยืนโลก พร้อมปั๊มยอดขาย 8 แสนล้านบาท ในอีก 5 ปี  

ฟังวิสัยทัศน์ CEO ใหม่ อาณาจักร CPF พิชิตตำแหน่งครัวที่ยั่งยืนโลก พร้อมปั๊มยอดขาย 8 แสนล้านบาท ในอีก 5 ปี  

แชร์ :

ถือโอกาสแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ สำหรับ CEO คนใหม่ หลังที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท มีมติเมื่อ 12 มิถุนายน แต่งตั้งให้ คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ​ ดำรงตำแหน่ง ประธานคณะผู้บริหาร บริษัท เจริญโภคภัณฑ์อาหาร จำกัด (มหาชน) หรือ CPF โดยเข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2562 เป็นต้นมา

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

ปัจจุบัน คุณประสิทธิ์ บุญดวงประเสริฐ อายุ 50 ปี นับเป็นผู้บริหารรุ่นใหม่ของซีพีเอฟ ซึ่งก่อนที่จะมารับตำแหน่งซีอีโอคนใหม่ของซีพีเอฟ มีประสบการณ์ในการบริหารธุรกิจในเครือมาหลากหลายด้าน อาทิ เป็นกรรมการผู้จัดการบริษัท ซีพี-เมจิ จำกัด, ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการธุรกิจไก่เนื้อ, ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ​ ธุรกิจการค้าระหว่างประเทศ​ รวมทั้งยังเป็นหนึ่งในคณะกรรมการพิจารณาการทำ M&A ธุรกิจที่น่าสนใจในต่างประเทศให้กับซีพีเอฟอีกหลากหลายดีลอีกด้วย

ปรับบาลานซ์พอร์ตธุรกิจ

หลังรับตำแหน่งมาหมาดๆ ก็เปิดตัวต่อสื่อมวลชนทันที พร้อมวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ในการผลักดันอาณาจักร CPF ให้เติบโตต่อเนื่อง โดยตั้งใจสร้าง Growth ให้ CPF ตลอด 5 ปีจากนี้ ไม่ต่ำกว่าปีละ 10%​ หรือจะมีรายได้รวมในสิ้นปีงบประมาณ 2566 ​อย่างน้อย 8 แสนล้านบาท พร้อมทั้งการขยับฐานะ​ CPF บนเวทีโลก ให้เติบโตไปสู่บริษัทอาหารชั้นนำอันดับต้นๆ ของโลก เพราะแม้ปัจจุบัน CPF อาจจะเป็นบริษัทในกลุ่ม Food Industry ที่ใหญ่ที่สุดของไทยหรือใน Southeast Asia แต่หากเทียบในระดับโลกแล้ว ไซส์ธุรกิจของ CPF ยังอยู่ในอันดับที่พันกว่าๆ เท่านั้น

ขณะที่เป้าหมายภาพใหญ่ในการขับเคลื่อนธุรกิจ CPF จากนี้ จะให้ความสำคัญกับการปรับพอร์ตธุรกิจในภาพรวมให้มีความบาลานซ์ของทั้ง 3 ​ธุรกิจมากขึ้น โดยเฉพาะการเติมพอร์ตธุรกิจในขาของ Food ให้มากขึ้น จากปัจจุบันใน 17 ประเทศ ที่ CPF ขยายการลงทุนเข้าไปนั้น น้ำหนักธุรกิจจะอยู่ในฟากของ Feed และ Farm เป็นส่วนใหญ่ มีเพียงประเทศไทย ที่พอร์ตของ Food มีการขยายตัวได้อย่างหลากหลาย ทั้งในกลุ่มอาหารแปรรูป อาหารพร้อมทาน รวมทั้งในกลุ่มธุรกิจ Food Chain หรือแบรนด์ร้านอาหารต่างๆ

​ทั้งนี้ CPF จะใช้โมเดลธุรกิจในประเทศไทยเป็นต้นแบบ เพื่อเป็นโรลโมเดลไปยังอีก 16 ประเทศที่เหลือ เพื่อขยายพอร์ตในกลุ่มอาหารให้มากขึ้น ซึ่งเป็นความท้าทายเนื่องจาก ฟากของ Food จะต้องคำนึงถึง Culture ของแต่ละพื้นที่ ทำให้ธุรกิจอาหารต้อง Localize ไปตามความเหมาะสมในแต่ละพื้นที่ ​​ทำให้ธุรกิจภาพใหญ่ของ CPF ในปัจจุบันยังเป็น Meat Base เป็นหลัก โดยวางเม็ดเงินในการลงทุนภาพรวมแต่ละปีไว้ไม่ต่ำกว่า 3 หมื่นล้านบาท ไม่รวมโอกาสจากการ M&A  ที่อาจจะมีเพิ่มเติมเข้ามาในอนาคต

“รายได้รวม CPF ในปีที่ผ่านมา อยู่ที่ราว 17,000 ล้านเหรียญ USD หรือกว่า 5 หมื่นล้านบาท รายได้จากประเทศไทย รวมทั้งการส่งออกจะอยู่ที่ 30% กว่าๆ ที่เหลือจะเป็นรายได้จากการลงทุนธุรกิจในอีก 16 ประเทศ ซึ่งในอีก 5 ปีข้างหน้า สัดส่วนจากธุรกิจในต่างประเทศจะเพิ่มมากเป็น 75% ขณะที่ประเทศไทยเองแม้จะยังคงเติบโตได้ต่อเนื่องแต่ฐานในภาพรวมจะเหลือสัดส่วนอยู่ราว 25% เท่านั้น และ หากดูจากพอร์ตธุรกิจรายได้ 83% มาจากขาของ Farm และ Feed ขณะที่ขาจาก Food ยังอยู่ที่ 17% เท่านั้น ซึ่งภาพที่เราอยากให้เกิดขึ้นในอนาคตคือ การบาลานซ์รายได้จากทุกขาให้ใกล้เคียงกันที่ 1: 1: 1 ​ซึ่งหากประเมินโอกาสของประเทศที่ภาพของธุรกิจเริ่มขยับเข้ามาใกล้เคียงกับประเทศไทยได้มากที่สุด น่าจะเป็นจีน ที่กำลังลงทุนสร้างโรงงาน Ready Meal เพิ่มเติม รวมทั้งในเวียดนามที่กำลังขยายธุรกิจไก่เนื้อ เพื่อรองรับธุรกิจที่กำลังขยายตัว นอกเหนือจากเสิร์ฟ Local Consumption เพราะทางรัฐบาลสนับสนุนให้ CPF เป็นตัวแทนกลุ่มธุรกิจของเวียดนาม เพื่อขยายธุรกิจการส่งออกเนื้อไก่สดไปในตลาดโลกเพิ่มมากขึ้นด้วย โดยจะเริ่มส่งออกไก่ได้ราวปีหน้า”  

นอกจากการเติมขาในฟากของ Food ให้แข็งแรงและหลากหลายมากขึ้นแล้ว CPF ยังอยู่ระหว่างการขยายการลงทุนไปยังประเทศใหม่ๆ เพิ่มเติม โดยเลือกที่จะลงทุนเพิ่มเติมในแคนาดาเป็นประเทศที่ 18 ตามมา จากปัจจุบันมีไปตั้งสาขาเพื่อเป็นฐานในการทำตลาดอยู่แล้ว และเป็นการเสริมศักยภาพฐานธุรกิจในฟากฝั่งทวีปอเมริกาให้แข็งแรงมากขึ้น จากปัจจุบัน การลงทุนเพื่อสร้างฐานธุรกิจในต่างประเทศของ CPF ยังกระจายอยู่ในทวีปเอเชีย และยุโรปเป็นหลัก

เพิ่ม Value จาก 9 Food + 8 IT Megatrends 

ทั้งนี้ ซีอีโอคนใหม่​ได้วางกลยุทธ์หลักเพื่อขับเคลื่อนธุรกิจ CPF ให้ไปถึงเป้าหมายที่ต้องการในอนาคต ภายใต้ 3 Key Strategic moves ต่อไปนี้ คือ 1. Value Creation ด้วยการต่อยอดและสร้างคุณค่าเพิ่ม เพื่อให้สามารถพัฒนาโปรดักต์ที่ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคในปัจจุบัน และสร้างความแตกต่างที่เหนือกว่าคู่แข่งในตลาดให้ได้ 2. Digital Transformation การพัฒนาเทคโนโลยีเข้ามาผสมผสานกับระบบต่างๆ ในการผลิตตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งการสร้างความพึงพอใจที่มากขึ้นให้กับลูกค้า และ 3. Driving Sustainability ภายใต้การขับเคลื่อนให้ธุรกิจเติบโตควบคู่ไปกับการสร้างความยั่งยืน ทั้งการใช้พลังงานสะอาด รวมทั้งลดปริมาณการใช้พลาสติกลงตลอดทั้งซัพพลายเชน

“ทั้ง 3 เรื่องจะเป็นแกนหลักและหัวใจสำคัญในการเติบโตของ CPF โดยแต่ละเรื่องจะมีความยากที่แตกต่างกันไป แต่โจทย์หลักในการทำธุรกิจคือการเพิ่มสปีด เพื่อให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของผู้บริโภคท้ังการเข้าใจลูกค้าให้เร็วขึ้น พัฒนาโปรดักต์ใหม่ๆ ให้เร็วขึ้น เพราะวงจรชีวิตสินค้าจะอยู่บนเช้ลฟ์ได้สั้นลง รวมทั้งสปีดในการติดตามเทคโนโลยีหรือดิจิทัลเทรนด์ใหม่ๆ ที่เกิดขึ้น เพื่อนำเทคโนโลยีที่เหมาะสมมาปรับใช้ให้เหมาะกับแต่ละระบบในธุรกิจ และการเป็นผู้นำในการทำธุรกิจที่ช่วยลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับสิ่งแวดล้อมไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานที่นำพลังงานธรรมชาติเข้ามาใช้ หรือลดปริมาณการใช้พลาสติกภายในธุรกิจ และหันมาใช้แพกเกจจิ้งที่ Friendly กับธรรมชาติมากขึ้น เป็นต้น”

การติดตามเทรนด์ต่างๆ เพื่อนำมาต่อยอดในธุรกิจจึงเป็นจุดตั้งต้นสำคัญของ ที่ CPF จะสร้าง Value ที่เหนือกว่าให้กับโปรดักต์ หรือเพิ่มศักภาพทางการแข่งขันในมิติต่างๆ รวมไปถึงการพัฒนาในการตอบโจทย์ลูกค้าได้ดีมากขึ้น โดยเฉพาะ Food Trend และ Technology Trend ที่เป็นจุดตั้งต้นสำคัญในการต่อยอดธุรกิจของ CPF ประกอบด้วย

9 Global Market Trend โดยเฉพาะเทรนด์ที่เกิดชึ้นในธุรกิจอาหาร​ เพื่อเป็นแนวทางในการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ หรือนำมาปรับให้เข้ากับธุรกิจที่มีอยู่เดิม ประกอบด้วย

1. Food Safety : ลดการใช้เคมี และหันมาใช้ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มชีวภาพ (Biological) เพื่อความปลอดภัยที่มากขึ้น

2. Food Delivery and Transportation : บริการสั่งอาหารเดลิเวอรี่

3.​ Specialty Foods : การที่คนในครอบครัวไม่จำเป็นต้องรับประทานแบบเดียวแม้จะทานอาหารร่วมกันในแต่ละมื้อ เพราะต่างคนก็จะมีเมนูที่ชื่นชอบแตกต่างกันไป หรือเริ่มมีความ Tailors Made ในแต่ละมื้อเพิ่มมากขึ้น

4. Sustainable of Food Material : การเลือกใช้วัตถุดิบที่สอดคล้องกับการสร้างความยั่งยืน

5. Healthy & Tasty Food : อาหารที่ดีต่อสุขภาพต้องมาพร้อมรสชาติที่ดีด้วย

6. Natural Ingredients : การเลือกใช้ส่วนผสมที่มาจากธรรมชาติ

7. Circular Economy & Bioeconomy : การสร้างเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ เศรษฐกิจชีวภาพแบบหมุนเวียน

8. Automation & Internet of Food : การนำระบบอัตโนมัติเข้ามาใช้และเชื่อมโยงระบบต่างๆ ในธุรกิจอาหารเข้าไว้ด้วยกัน

9. Premium Food & Gastronomy : เทรนด์ความนิยมอาหารระดับพรีเมี่ยม​

ขณะที่การติดตามการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อรับมือจากการถูกดิสรัปและนำเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้กับธุรกิจเป็นอีกความสำคัญ โดยมี 8 Technology Trend ที่ CPF นำมาปรับใช้ในระบบ ประกอบด้วย

1. Robotics เพื่อนำมาทดแทนการใช้แรงงานคนในบางจุด

2.​ Cloud Infrastructure เพื่อประสิทธิภาพในการทำงานร่วมกันของระบบต่างๆ

3. Mobile เนื่องจากเป็นแพลตฟอร์มสำคัญที่จะรองรับเกือบทุกธุรกรรมของลูกค้าในอนาคต

4. AI เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์

5. Social Media การเติบโตของโซเชียลมีเดีย

6. Internet of Things การเชื่อมโยงระบบเข้าด้วยกันผ่านอินเตอร์เน็ต

7. 5G Network การมีเครือข่ายที่แข็งแรงมากขึ้น จะเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในการพัฒนาด้านต่างๆ

8. Big Data การใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่เก็บสะสมไว้

“เทรนด์สำคัญๆ ในตลาดจะเป็นตัวตั้งต้นและถูกนำมาต่อยอดเพิ่ม Value ให้กับธุรกิจ จากทางทีม R&D ก่อนจะนำไอเดียนั้นๆ พัฒนาจนกลายมาเป็นโปรดักต์ที่เข้าใจอินไซต์และตอบโจทย์ตลาด รวมทั้งทำให้ CPF สร้างความแตกต่างด้วย Innovative Product ขณะที่เทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยเสริมศักยภาพในทุกระบบตั้งแต่ในโรงงาน ในฟาร์ม ระบบการขนส่ง การสั่งสินค้าที่มาจากทั่วโลก การวิเคราะห์ตลาด เข้าใจผู้บริโภค รวมทั้งการวางแผนและคาดการณ์วิเคราะห์ดีมานด์ ซัพพลายของตลาดในอนาคตได้อย่างแม่นยำและทำธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพมากย่ิงขึ้น”

 


แชร์ :

You may also like