ด้วยจำนวนผู้ใช้งานกว่า 2.38 พันล้านคนต่อเดือน ปฏิเสธไม่ได้ว่า Facebook เป็นแพลตฟอร์มที่ช่วยในการติดต่อสื่อสารกับลูกค้า และยังช่วยสร้างชุมชนที่เปิดโอกาสให้ผู้คนมารวมตัวกันเพื่อแบ่งปันความสนใจและประสบการณ์ที่คล้ายคลึงกันอีกด้วย
อย่างไรก็ดี สำหรับผู้ใช้งาน Facebook เป็นประจำ อาจเคยเห็น หรือประสบเหตุการณ์ที่แอดมินเพจออกมาโพสต์ว่าเพจถูก Hack โดยผู้ไม่ประสงค์ดีกันบ้างไม่มากก็น้อย ปัญหานี้สอดคล้องกับผลการศึกษาที่จัดทำขึ้นโดยศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ที่พบว่า ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อมจำนวนมากในประเทศไทยยังขาดความมั่นใจด้านทักษะและความรู้เกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีไม่ถึง 16% ของผู้ตอบแบบสอบถามรู้สึกว่าพวกเขามีความรู้เกี่ยวกับดิจิทัลขั้นสูงหรือในระดับเชี่ยวชาญ ถึงแม้พวกเขาจะตระหนักถึงความสำคัญของการมีความรู้เกี่ยวกับเทคโนโลยีดิจิทัลก็ตาม
วันนี้เราจึงมีเคล็ดลับ 4 ข้อในการป้องกันเพจ Facebook จากภัยคุกคามบนโลกไซเบอร์มาฝากกัน ประกอบด้วย
ทำความเข้าใจบทบาทของเพจ
เพจถูกออกแบบขึ้นเพื่อให้เข้าถึงและจัดการได้โดยผู้ใช้งานหลายคน ในบทบาทที่แตกต่างกัน เช่นเดียวกับการดำเนินการของร้านค้าทั่วไป ซึ่งการบริหารจัดการบทบาทของทีมทำให้เจ้าของธุรกิจและผู้ดูแลเพจสามารถควบคุมข้อมูลที่ถูกแชร์และลดภัยคุกคามต่อเพจได้ หากบัญชีส่วนตัวที่เชื่อมต่อกับเพจไม่ปลอดภัย
เจ้าของธุรกิจควรจะลงทะเบียนเป็นผู้ดูแลเพจ Facebook ของพวกเขาเสมอ เพื่อควบคุมความสามารถในการเข้าถึงเพจ นอกจากนี้ ผู้ดูแลยังสามารถกำหนดบทบาทของผู้อื่นได้ โดยพิจารณาจากระดับที่จำเป็นในการเข้าถึงเพจ เพื่อจัดการได้อย่างมีประสิทธิภาพ
บทบาทในการจัดการเพจ
ปกป้องบัญชีผู้ใช้ส่วนตัว
ผลการศึกษา YouGov ที่จัดทำขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ ระบุว่า 28% ของผู้ใช้งาน Facebook ในประเทศไทยยอมรับว่าพวกเขาแบ่งปันรหัสผ่านกับผู้อื่น และ 19% คิดว่ารหัสผ่านของพวกเขาไม่ปลอดภัย
ในจุดนี้ต้องเข้าใจว่า เพจ Facebook ถูกเชื่อมต่อกับบัญชีผู้ใช้ส่วนบุคคล ดังนั้น ผู้ที่เชื่อมต่อกับเพจทุกคนควรใช้ประโยชน์จากมาตรฐานความปลอดภัยและตั้งค่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้น (two-factor authentication หรือ 2FA) เพื่อปกป้องบัญชีผู้ใช้ของพวกเขาจากการถูกขโมยข้อมูลโดยผู้ประสงค์ร้าย
อย่างไรก็ดี แม้ว่าการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นจะมีประสิทธิภาพในการปกป้องบัญชีผู้ใช้งานในระดับสูง แต่ผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยจำนวนมากยังไม่มีความเข้าใจที่ถ่องแท้ และมีเพียงผู้ใช้จำนวน 30% ที่สามารถอธิบายวิธีการทำงานของการยืนยันตัวตนแบบสองชั้นได้อย่างถูกต้อง
รู้จักและหลีกเลี่ยงการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
หนึ่งในวิธีการที่ผู้ประสงค์ร้ายใช้บ่อยและได้ผลมากที่สุดคือการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้โซเชียลมีเดียผ่านการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง ซึ่งเป็นรูปแบบการปลอมแปลงการเข้าสู่ระบบของ Facebook ที่ได้รับความนิยมมากที่สุด เพื่อยึดรายละเอียดในการเข้าถึงบัญชีผู้ใช้ของคุณ โดยผลการศึกษา YouGov ระบุว่า 17% ของผู้ใช้ Facebook ในประเทศไทยไม่รู้จักการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง
ในการป้องกันการตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงแบบฟิชชิ่ง ผู้ใช้ Facebook ควรหลีกเลี่ยงตอบรับคำขอเป็นเพื่อนจากคนที่ไม่รู้จัก ระวังซอฟท์แวร์อันตรายที่ถูกออกแบบขึ้นมาเพื่อเก็บข้อมูล (เรียนรู้สัญญาณที่บ่งบอกว่าอุปกรณ์กำลังได้รับอันตราย และวิธีการลบซอฟท์แวร์ที่เป็นอันตรายได้ทาง Facebook Help Center) และผู้ใช้ไม่ควรคลิกลิงค์ที่ไม่น่าไว้วางใจ แม้ว่ามันดูเหมือนจะถูกส่งมาจากเพื่อนของคุณหรือบริษัทที่รู้จัก นอกจากนี้ Facebook จะไม่มีวันถามรหัสผ่านของคุณผ่านอีเมล์โดยเด็ดขาด และคุณควรรายงานลิงค์บน Facebook ที่ไม่น่าไว้วางใจด้วย
ตรวจสอบความปลอดภัยเป็นประจำ
เช่นเดียวกับการตรวจสุขภาพ ผู้ดูแลเพจ Facebook ควรวิเคราะห์ความปลอดภัยของเพจอย่างสม่ำเสมอ ซึ่งผู้ดูแลเพจสามารถใช้ฟีเจอร์การตรวจสอบความปลอดภัยบนแพลตฟอร์มเพื่อตรวจสอบกิจกรรมและความปลอดภัยโดยรวมของบัญชีผู้ใช้ รวมถึงเพิ่มเติมการรักษาความปลอดภัย พร้อมตรวจสอบประวัติการเข้าสู่ระบบเพื่อตามหาการเข้าสู่ระบบที่ไม่น่าไว้วางใจ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับแอพและเกมที่ถูกติดตั้ง ลบสิ่งที่ไม่น่าไว้วางใจออกไป และตรวจสอบบันทึกกิจกรรมทั้งหมด
อย่างไรก็ดี หากเกิดกรณีที่ผู้ใช้ไม่สามารถเข้าถึงเพจ Facebook และเชื่อว่าบัญชีผู้ใช้ถูก Hack สามารถเข้าไปที่ Facebook Help Center เพื่อประสานให้ทีมงาน Facebook ช่วยเหลือได้ นอกจากนี้ ผู้ใช้ยังสามารถเยี่ยมชม Safety Center เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับนโยบาย เครื่องมือ และข้อมูลเพิ่มเติมอื่นๆ ของ Facebook ที่ช่วยรักษาความปลอดภัยให้กับแพลตฟอร์มได้เพิ่มเติมด้วยเช่นกัน