เห็นแบรนด์ Shell สีเหลืองสดใสโปรดอย่าเข้าใจผิดคิดว่าเป็นปั๊มน้ำมัน เพราะนี่คือสถานีชาร์จไฟฟ้าแห่งแรกของ Shell ในชื่อ Shell Recharge ซึ่งตั้งอยู่ในประเทศเพื่อนบ้านเราอย่างสิงคโปร์นี่เอง
โดยการเปิดตัวสถานีชาร์จไฟแห่งแรกของ Shell ในสิงคโปร์เกิดขึ้นผ่านการจับมือกับบริษัทลูกอย่าง Greenlot ซึ่งเป็นสตาร์ทอัพด้าน EV Charging solutions ที่ Shell ควบกิจการมาเมื่อต้นปี ส่วนสาเหตุที่เลือกสิงคโปร์เป็นประเทศแรกในเอเชียเพื่อเปิดสถานีชาร์จไฟฟ้านั้นมาจากนโยบายของรัฐบาลสิงคโปร์ที่แสดงออกอย่างชัดเจนว่า ต้องการสนับสนุนการใช้รถยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศให้มากขึ้น โดยเฉพาะรถยนต์ของผู้ให้บริการ Ride-Hailing ที่วิ่งกันขวักไขว่นั่นเอง
อย่างไรก็ดี จากผลสำรวจออนไลน์ พบว่าคนสิงคโปร์ไม่อยากเปลี่ยนมาใช้รถไฟฟ้ามากนัก เหตุเพราะชาวสิงคโปร์ 55% กังวลว่า ถ้าซื้อรถยนต์ไฟฟ้ามาแล้วจะหาสถานีชาร์จไฟได้ลำบาก และอีก 53% กังวลเรื่องค่าใช้จ่ายในการย้ายรถหากไฟฟ้าหมดกลางทาง (การสำรวจนี้ทำในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา และมีผู้ตอบแบบสอบถาม 1,000 คน) จึงนำไปสู่การวางโครงสร้างพื้นฐานด้านสถานีชาร์จไฟอย่างเป็นรูปธรรมของรัฐบาลในที่สุด
สถานีที่มีขนม-กาแฟให้บริการ
ไม่เฉพาะ Facebook ที่ให้บริการกาแฟฟรีเพื่อแลกกับการสอนผู้ใช้ตั้งค่า Privacy เพราะในส่วนของการชาร์จไฟนั้นก็ใช้เวลานานเช่นกัน ส่งผลให้สถานี Shell Recharge มีแผนจะให้บริการกาแฟและอาหารว่างแก่ผู้ที่เข้ามาใช้บริการด้วย
ส่วนอัตราค่าบริการในการชาร์จไฟนั้น จะคิดค่าบริการที่ 0.55 เหรียญสิงคโปร์ต่อ 1 กิโลวัตต์ ส่วนระยะเวลาในการชาร์จนั้น อยู่ที่ราว ๆ 30 นาทีหรืออาจจะเกินกว่านั้นนิดหน่อย (สามารถชาร์จไฟจาก 0% ถึง 80% ได้ภายใน 30 นาที – คิดจากกระแสไฟ 50 กิโลวัตต์)
สำหรับที่ตั้งของสถานีแห่งแรกนั้นอยู่ที่ย่าน Sengkang และบริษัทมีแผนจะเปิดตัวอีก 9 สาขาภายในเดือนตุลาคมนี้ หรือคิดเป็น 20% ของจำนวนสาขาที่ Shell มีในประเทศสิงคโปร์
ส่วนชื่อเสียงของ Greenlot นั้นก็ไม่ธรรมดา เพราะถือเป็นผู้นำในการพัฒนาโซลูชันสำหรับ EV charging ระดับโลก โดยโซลูชันของ Greenlot นั้นอยู่ในรูปของแพลตฟอร์มที่มีทั้งระบบบริหารจัดการฮาร์ดแวร์อย่าง อุปกรณ์ชาร์จไฟ ฯลฯ ไปจนถึงแอปพลิเคชันบนโทรศัพท์มือถือ และปัจจุบัน สถานีชาร์จไฟทั้งของเอกชนและรัฐบาลทั่วสิงคโปร์ต่างก็ใช้โซลูชันของ Greenlot กับแทบทั้งสิ้น ไม่เพียงเท่านั้น Greenlot ยังมีโครงการในลักษณะเดียวกันนี้ในอีก 13 ประเทศทั่วโลกด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ การเลือกประเทศสิงคโปร์นั้น เป็นหนึ่งในแผนของ Greenlot ที่ต้องการขยายโซลูชันของตนเองให้ครอบคลุมพื้นที่ทั้งในอเมริกาเหนือและเอเชีย ซึ่งหากมองย้อนอดีตของ Greenlot นั้นจะพบว่า เป็นสตาร์ทอัพที่จดทะเบียนในสิงคโปร์ ก่อนจะไปโตและมีสำนักงานใหญ่อยู่ในลอสแองเจลลิส สหรัฐอเมริกา
ในประเทศไทย PTT เจ้าตลาดน้ำมันก็เริ่มต้นทดลองให้บริการสถานีชาร์จไฟเช่นเดียวกัน การขับเคลื่อนปรับตัวของผู้ให้บริการน้ำมันรายใหญ่ทั้งในระดับโลก และในประเทศไทย น่าจะบ่งบอก ถึงทิศทางด้านพลังงงานแห่งอนาคตในโลกของยานยนต์ได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าไม่อาจจะฟันธงได้อย่างแน่ชัดว่า “รถยนต์พลังงานไฟฟ้า” จะเข้ามาแทนที่พลังงานฟอสซิลเมื่อไหร่ แต่วันนี้รถยนต์พลังงานทางเลือกน่าจะเริ่มเข้ามามีบทบาทบนท้องถนนมากขึ้น