หลายคนคงจะเคยวาดภาพของการพักผ่อนแบบหรูหราบน “เรือยอช์ตส่วนตัว” ใช้ชีวิตในวันสบายๆ ดื่มด่ำไปกับสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ที่ทางเรือจัดเตรียมไว้ให้ ก่อนจะถ่ายภาพสวยๆ โพสต์อวดชาวโลกบนโซเชียลมีเดีย แต่จะมีชีวิตแบบนั้นได้ ต้องจ่ายมากแค่ไหน ?
อยากมีชีวิตหรูบนเรือยอช์ต ต้องมีเงินหลักพันถึงล้าน
การจะเป็นเจ้าของเรือยอช์ตสักลำ จะต้องจ่ายอย่างน้อยหลักล้านบาท ไล่ไปจนถึงระดับพันล้านบาท อย่างเรือซูเปอร์ยอช์ต ที่มีความยาวมากกว่า 30 เมตร ซึ่งความแพงขึ้นอยู่กับขนาดความยาวของเรือ ยิ่งยาวก็ยิ่งแพง หรือหากไม่อยากเป็นเจ้าของ แต่อยากจะลองเช่าเพื่อจัดทริปสักครั้ง ปัจจุบันมีธุรกิจที่ให้บริการเช่าเรือยอช์ต รวมถึงโปรแกรมทัวร์ล่องเรือยอช์ตมากมาย ในราคาตั้งแต่หลักพันบาท ไปจนถึงหลักล้านบาท ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนาดของเรือ ระยะเวลาของทริป และฤดูกาลท่องเที่ยว
หากพูดถึง Destination ที่เหมาะสำหรับการท่องเที่ยวทางเรือ โดยเฉพาะการล่องเรือยอช์ตแล้ว ต้องยกให้ “เมดิเตอร์เรเนียน” และ “แคริบเบียน” ส่วนในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ นอกจากประเทศสิงคโปร์แล้ว มี “ประเทศไทย” ที่เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่นักท่องเที่ยวทางเรือต้องการมาเยือน ด้วยธรรมชาติที่สวยงามของหมู่เกาะ ประกอบกับมีกิจกรรมหลากหลายให้เลือก ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ ทำให้นักเดินทางสนใจล่องเรือมาประเทศไทย ทั้งฝั่งทะเลอ่าวไทยและอันดามัน โดยเฉพาะที่จังหวัดภูเก็ต ซึ่งถือเป็นศูนย์กลางของการท่องเที่ยวทางเรือ
เทรนด์ความนิยมดังกล่าว ทำให้ปีที่ผ่านมา มีเรือยอชเข้ามาที่ประเทศไทยราวๆ 2,000 ลำ ทั้งที่เป็นเรือยอช์ต มอเตอร์ยอช์ต และซูเปอร์ยอช์ต ที่ในช่วงหลายปีมานี้เดินทางเข้ามาสู่ไทยเพิ่มมากขึ้น โดยข้อมูลจาก The Superyacht Migration Report ระบุว่า ในช่วงปี 2558-2561 มีเรือซูเปอร์ยอช์ตเดินทางเข้ามาท่องเที่ยวประเทศไทยเพิ่มขึ้นกว่า 50% จากจำนวน 27 ลำ เพิ่มขึ้นเป็น 41 ลำ โดยส่วนใหญ่จะมาจากเยอรมนี รัสเซีย ฝรั่งเศส และเอเชียบางประเทศ เช่น จีน ฮ่องกง สิงคโปร์ และมาเลเซีย
โดยมีอัตราการใช้จ่ายทั้งลำอยู่ที่ 1-2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 35-70 ล้านบาท ในการใช้ระยะเวลาพักราวๆ 1-3 เดือน ขณะที่อัตราการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยว พบว่า มีการใช้จ่ายเฉลี่ยไม่ต่ำกว่า 1 แสนบาทต่อคน สำหรับค่าที่พักบนฝั่ง ค่าอาหาร ค่าช้อปปิ้ง และบริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆ
ธุรกิจเรือยอชโตสวนกระแสตลาด
ขณะที่ธุรกิจเรือยอช์ต เป็นหนึ่งในธุรกิจที่มีการเติบโตสวนกระแสเศรษฐกิจโลก รวมถึงประเทศไทย โดยมีอัตราการเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 5-15% ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เนื่องจากจัดอยู่ในตลาด Niche Market ที่รองรับความต้องการเฉพาะกลุ่มคนที่มีไลฟ์สไตล์ Luxury ซึ่งเป็นลูกค้าระดับไฮเอนด์ หรือเหล่ามหาเศรษฐี ที่มีกำลังซื้อสูงกว่าคนทั่วไป ทำให้ตลาดยังมีแนวโน้มที่จะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง
โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง บริษัทนำเข้าและเป็นตัวแทนจำหน่ายเรือยอช์ตระดับลักชัวรีมานาน 25 ปี ให้บริการจำหน่ายเรือยอช์ตทั้งเรือใหม่ เรือมือสอง บริการเช่าเรือ จากแบรนด์ระดับโลก ได้แก่ Princess, Jeanneau, Prestige และ SACS นอกจากนี้ยังให้บริการซ่อมบำรุงรักษาเรือ และบริการหลังการขาย โดยมีศูนย์ซ่อมบำรุงเรือยอช์ตเนื้อที่ 80 ไร่ มูลค่า 1,200 ล้านบาท และมีมารีน่าขนาดใหญ่เนื้อที่ 500 ไร่ 2 แห่ง ที่จังหวัดภูเก็ต และจังหวัดกระบี่
ปัจจุบันโบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง มีสาขาอยู่ 9 แห่ง ทั้งในไทย สิงคโปร์ มาเลเซีย อินโดนีเซีย และมัลดีฟส์ และในปีนี้ยังคงเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง โดยล่าสุดจับมือกับ “เบอร์เจส” (Burgess) บริษัทจากอังกฤษที่มีประสบการณ์ในตลาดซูเปอร์ยอช์ตระดับโลก เพื่อรองรับความต้องการเรือซูเปอร์ยอช์ตของลูกค้าระดับไฮเอนด์ ที่มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในปัจจุบัน และเสริมให้โบ๊ทลากูน สามารถให้บริการลูกค้าระดับไฮเอนด์ได้อย่างครบวงจรมากขึ้น
มีเรือยอชแล้ว แต่อยากอัพเกรดสู่ “ซูเปอร์ยอช์ต”
คุณวริศ ยงสกุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท โบ๊ทลากูนยอช์ตติ้ง จำกัด กล่าวว่า ปัจจุบันมีลูกค้าที่ใช้งานเรือยอชกว่า 200 ลำทั่วภูมิภาค จากประสบการณ์ดูแลลูกค้ามายาวนาน ทำให้เห็นความต้องการใช้งานเรือยอช์ตในรูปแบบต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์หรูหรา ความเป็นส่วนตัว ความเป็นอิสระในการเดินทางทั้งในประเทศ และต่างประเทศ การทำกิจกรรมทางทะเล นอกจากนี้ยังใช้เป็นเครื่องมือในการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันจะเห็นว่ามีกลุ่มลูกค้าที่ต้องการอัพเกรดไปสู่เรือยอช์ตที่มีราคาแพงขึ้น เช่น เรือซูเปอร์ยอช์ต
“ในปีที่ผ่านมาบริษัทมีรายได้ที่ 1,300-1,700 ล้านบาท และมีอัตราการเติบโตเพิ่มขึ้น 10% แต่เรามองว่า ที่ผ่านมาบริษัทได้จำหน่ายเรือซูเปอร์ยอช์ตที่มีความยาวมากกว่า 30 เมตรไปบ้างแล้ว แต่เรือที่มีขนาด 50 เมตรขึ้นไป ยังไม่มีบริษัทที่เข้ามาให้คำปรึกษาลูกค้าอย่างชัดเจน ทั้งนี้เชื่อว่าตลาดยังมีโอกาสเติบโตอีกมาก ทั้งจากกลุ่มลูกค้าเดิมที่ต้องการอัพเกรดเรือลำที่ 2 และลูกค้าใหม่ที่จะซื้อเรือซูเปอร์ยอช์ตเป็นลำแรกเพื่อสานฝันและความตั้งใจ รวมถึงธุรกิจใหม่ที่จะเกิดจากการที่มีเรือซูเปอร์ยอช์ตเข้ามา สำหรับการซื้อขายเรือซูเปอร์ยอช์ตในปีนี้ คาดว่าจะนำเข้ามาเพิ่มอีก 2 ลำ โดยมีราคาเร่ิมต้น 1 พันล้านบาท” คุณวริศกล่าว
นอกจากนี้จะทยอยนำเรือซูเปอร์ยอช์ตอีก 4 ลำ ราคาลำละ 1,500-2,500 ล้านบาท ที่เดินทางมาท่องเที่ยวในเอเชีย เข้าสู่ประเทศไทย เพื่อเปิดโอกาสให้ลูกค้าของโบ๊ทลากูนสามารถสัมผัสกับเรือจริง โดยสามารถเช่าใช้บริการ หรือทำกิจกรรมได้อีกด้วย
“เรือซูเปอร์ยอช์ต ก็อาจจะเหมือนโรงแรมดีๆ หรือปราสาทหลังใหญ่ ที่มีสระว่ายน้ำ โรงหนัง ห้องอาหาร ห้องจัดเลี้ยง ที่ออกกำลังกาย ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ ที่จัดเลี้ยงและงานเต้นรำ ซึ่งภายในเรือมีห้องหลายแบบอย่างที่โรงแรมใหญ่ๆของโลกมี เช่น ห้องซาวน่า ห้องไวน์ และยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกให้ลูกค้ามากมาย ไม่ว่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์ เรือเร็ว สวนน้ำเด็ก เจ็ทสกี แม้กระทั่งเรือดำน้ำ โดยลูกค้าสามารถ Customize ได้ตามความต้องการ เพื่อเติมเต็มไลฟ์สไตล์ระดับ Luxury”
จับมือ “เบอร์เจส” พันธมิตรระดับโลก ดันไทยเป็น Destination นักแล่นเรือ
คุณฌอง มาร์ค พูเลท์ ประธานประจำภาคพื้นเอเชีย และหุ้นส่วนอาวุโสของเบอร์เจส กล่าวว่า เบอร์เจส เชี่ยวชาญด้านการให้ข้อมูลเรือซูเปอร์ยอช์ตสำหรับการซื้อขาย โดยมียอดขายเฉลี่ยต่อปี 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ รวมถึงมีบริการให้คำแนะนำในการเช่าเรือซูเปอร์ยอช์ตให้กับลูกค้าทั่วโลกมานานกว่า 40 ปี
โดยเบอร์เจส จะทำหน้าที่เป็นตัวแทนตั้งแต่เริ่มต้นจนส่งมอบ การหาผู้ผลิตเรือที่ถูกต้อง การคัดสรรวัสดุอุปกรณ์ การตกแต่งภายใน งานระบบ และงานบริการทุกอย่างตามที่ลูกค้าต้องการ รวมถึงการบริหารจัดการทางการเงินด้วย
ปัจจุบันเบอร์เจสให้บริการใน 14 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ซึ่งถือเป็นตลาดใหม่ที่มีความน่าสนใจ และมีความท้าทาย ทั้งในแง่ของพฤติกรรมและความต้องการของคนแล่นเรือยอช์ตไทย รวมถึงตลาดการท่องเที่ยวไทย ซึ่งมีข้อมูลที่ชาวต่างชาติไม่สามารถเข้าถึงได้ ในการจับมือกับโบ๊ทลากูน จึงถือเป็นโอกาสสำคัญที่จะได้ใช้ประสบการณ์การทำตลาดแบบโกลบอล ประกอบกับ Know-How ของบริษัทโลคอล เพื่อสัมผัสและทำความเข้าใจคนไทย เพื่อให้คำแนะนำเรือยอชที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการได้
“โดยส่วนตัวเป็นเจ้าของเรือซูเปอร์ยอช์ต และแล่นเรือยอช์ตมานาน และมีโอกาสมาที่ประเทศไทยหลายครั้ง ทั้งมาท่องเที่ยว และมาในฐานะ Visitor ของงานยอช์ตโชว์ ทำให้เห็นว่าประเทศไทยมีธรรมชาติที่สวยงาม อีกทั้งยังมีกิจกรรมการใช้ชีวิตที่หลากหลาย ทั้งทางน้ำและทางบก ไม่ว่าจะเป็น การท่องเที่ยวหมู่เกาะ ดำน้ำ สปา ร้านอาหาร รวมไปถึงการได้พบปะพูดคุยกับคนไทย ทำให้ได้รับข้อมูลที่หลากหลาย และสามารถแบ่งปันกับคนแล่นเรือยอช์ตทั่วโลกได้”
ถึงแม้ว่าตลาดเรือยอช์ตจะได้รับความนิยม แต่ก็ยังขาดการจัดกิจกรรมทางการตลาดที่ดี ในการผลักดันให้ไทยเป็น 1 ในปลายทางเส้นทางแล่นเรือยอช์ตของโลก ดังนั้นความร่วมมือของทั้งสองบริษัทในครั้งนี้ นอกจากจะช่วยให้ทั้งสองบริษัทสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างกันแล้ว จะร่วมมือกันในการผลักดันและโปรโมทการท่องเที่ยวระดับบน ซึ่งที่ผ่านมาไม่ได้มีการโปรโมทอย่างจริงจัง ทั้งการให้ข้อมูลที่ชัดเจนกับกลุ่มคนแล่นเรือยอช์ต ไม่ว่าจะเป็น กัปตันเรือ ผู้ให้บริการ หรือเจ้าของเรือ ทั้งนี้จะสามารถให้ข้อมูลสถานการณ์ด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ได้ โดยเฉพาะข้อมูลด้านความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพิจารณาและตัดสินใจของนักท่องเที่ยวว่า จะเดินทางมาที่ประเทศไทยหรือไม่ และจะใช้ระยะเวลานานแค่ไหน