คำกล่าวที่เราต่างคุ้นเคยกันดีว่า การจะเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างนั้น ยิ่งเริ่มต้นได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดีมากเท่านั้น ขณะเดียวกันก็มีความจริงอีกด้านหนึ่งที่ไม่สามารถปฏิเสธได้เช่นกันว่า การเริ่มต้นใหม่นั้นไม่มีคำว่าสาย ยิ่งเมื่อได้มีโอกาสสัมผัสเรื่องราวของ คุณเม- เมธาวี อ่างทอง แฟชั่นดีไซน์เนอร์ระดับโลก วัย 62 ปี เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าชื่อดังอย่าง BLACK SUGAR ที่เพิ่งเริ่มต้นธุรกิจครั้งใหม่ด้วยการสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองขึ้นมาในวัย 57 ปี ซึ่งในช่วงเวลานี้หลายๆ คนคงอยู่ในวัยใกล้เกษียณเต็มที แต่คุณเม เลือกที่จะลุกขึ้นมาสร้างสิ่งใหม่ หลังชีวิตผ่านวิกฤตใหญ่มาถึง 2 ครั้ง แต่ก็ไม่เคยยอมแพ้ จนสามารถสร้าง Milestone ครั้งใหม่และยิ่งใหญ่กว่าเดิมให้กับชีวิตของตัวเองได้สำเร็จ
ย้อนกลับไปดู คุณเมอาจจะเริ่มอะไรช้ากว่าคนอื่นไปบ้าง เพราะเรียนจบปริญญาตรีในวัย 48 ปี จบปริญญาโทในวัย 55 ปี และเริ่มต้นสร้างแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเองในวัย 57 ปี แต่เพียง 5 ปี ผ่านไป ทั้งแบรนด์ BOTANIQUE (โบทานีค) และ BLACK SUGAR (แบล็คซูการ์) ที่คุณเมสร้างขึ้นมาก็ประสบความสำเร็จ สร้างยอดขายที่ดี และขยายจุดขายไปในห้างชั้นนำหลากหลายแห่ง ทั้งพารากอน เอ็มโพเรียม เอ็มบีเค อิเซตัน เซ็นทรัล เทอร์มินัล 21 และอีกหลากหลาย
โดยเฉพาะแบรนด์ BLACK SUGAR ที่ดังไกลระดับอินเตอร์ เพราะสามารถไปสร้างชื่อใน MQ Vienna Fashion Week ที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย จนเริ่มเป็นที่รู้จักและได้รับการยอมรับในระดับสากลเพิ่มมากขึ้น
วิ่งตาม Passion ไม่มีคำว่าสาย
ย้อนเรื่องราวคุณเม กว่าจะได้ทำอะไรตามความชอบ ความฝันของตัวเอง ก็ต้องรอเวลานานพอสมควร ด้วยฐานะทางบ้านในวัยเด็กที่ไม่ได้ดีมากนัก ทำให้ไม่สามารถเรียนศิลปะ เรียนเพาะช่างอย่างที่ชื่นชอบได้ แต่ต้องเลือกเรียนสายพาณิชย์ เพื่อที่ให้จบมาแล้วจะสามารถทำงานที่มั่นคงและดูแลครอบครัวได้ ทำให้อาชีพหลังจากเรียนจบคือ เจ้าหน้าที่การเงิน วิทยาลัยเทคนิคสุพรรณบุรี สังกัดกระทรวงศึกษา โดยใช้ชีวิตในฐานะข้าราชการอยู่ประมาณ 5 ปี คุณเมก็เริ่มมีโอกาสเบนเข็มมาเดินในเส้นทางที่ชอบได้มากขึ้น
จุดเปลี่ยนสำคัญของคุณเม มาจากการไปซื้อจักร ซึ่งเป็นระบบคอมพิวเตอร์ สามารถปักลวดลายต่างๆ ได้ และด้วยราคาจักรที่ค่อนข้างสูงมากประมาณ 2 หมื่นกว่าบาท ขณะที่เงินเดือนข้าราชการขณะนั้นอยู่แค่หลัก 1-2 พันบาทเท่านั้น ทำให้มีคุณเม มีความคิดหารายได้เพิ่มเพื่อให้คุ้มค่าจักรที่ซื้อไป โดยร่วมหุ้นกับเพื่อนที่ทำเสื้อผ้าเด็กส่งออกอยู่แล้ว ซึ่งผลการตอบรับถือว่าเป็นไปในทิศทางที่ดี ทำให้ในเวลาต่อมา คุณเม จึงตัดสินใจลาออกจากข้าราชการเพื่อมาทำธุรกิจเสื้อผ้าเด็กเต็มตัว
ช่วงเปลี่ยนผ่าน ที่จะต้องตัดสินใจ คุณเม ยอมรับว่ามีความกังวลอยู่บ้าง เพราะอาชีพข้าราชการ แม้เงินเดือนไม่สูงแต่ว่ามั่นคง รวมทั้งยังมีสวัสดิการที่ค่อนข้างดีและดูแลครอบคลุมมาถึงครอบครัวด้วย ขณะที่ธุรกิจก็อาจจะไม่แน่นอน แต่ด้วยความชื่นชอบในศิลปะที่มีอยู่อย่างเต็มเปี่ยม ทำให้คุณเม ตัดสินใจเลือกมาทำธุรกิจเสื้อผ้าเต็มตัว ซึ่งก็ต้องถือว่าตัดสินใจถูก เพราะธุรกิจก็เติบโตเพิ่มมากขึ้นอยู่ตลอด
ทุกวิกฤต มาพร้อมโอกาส
จนกระทั่งในปี 2540 ช่วงวิกฤตเศรษกิจ และเป็นครั้งแรกที่คุณเม เกิดอาการสะดุด เนื่องจากมีการไปลงทุนในธุรกิจอสังหาอยู่ด้วย ทำให้ขาดทุนจำนวนมาก และต้องกลับมาโฟกัสและเริ่มต้นที่ธุรกิจเสื้อผ้าเด็กอีกครั้ง จนสถานการณ์ต่างๆ ค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ รวมทั้งเริ่มมีการขยายตลาดส่งออกได้มากขึ้นโดยเฉพาะในแถบตะวันออกกลาง ทั้งรัสเซีย ยูเครน ซึ่งถือเป็นตลาดหลักของธุรกิจส่งออกเสื้อผ้าเด็กที่คุณเมทำอยู่ จนกระทั่งเมื่อราวปี 2555 เกิดปัญหาความไม่สงบภายในของกลุ่มประเทศในแถบนั้นทำให้ออเดอร์หายไปเป็นจำนวนมาก
การสะดุดในครั้งที่ 2 นี่เอง ที่คุณเม ตัดสินใจเปลี่ยนแนวทางในการทำธุรกิจ จากการส่งออกเสื้อผ้าเด็ก มาทำในสิ่งที่ฝันไว้มานานด้วยการทำแบรนด์เสื้อผ้าของตัวเอง โดยเน้นการทำตลาดในประเทศเป็นหลัก ด้วยการให้กำเนิด 2 แบรนด์เสื้อผ้าผู้หญิง 2 สไตล์ ได้แก่ BOTANIQUE เสื้อผ้าแนวสีเอิร์ธโทน ที่ทำมาจากใยธรรมชาติ และ BLACK SUGAR ที่เน้นเสื้อผ้า สีโทนขาว-ดำ ในสไตล์ที่ไม่เหมือนใคร ด้วยความเก๋ เท่ หวานซ่อนเปรี้ยว และมีสไตล์ของตัวเอง
“ช่วงที่เริ่มต้นนั้น หลายเสียงในครอบครัวไม่เห็นด้วย เพราะกลัวว่าเสื้อผ้าสีขาวดำ จะตันหรือเปล่า รวมทั้งสไตล์แบบที่เราคิดคนจะกล้าใส่หรือเปล่า แต่เราเชื่อว่า ต้องมีคนที่ชอบเหมือนเราบ้าง และในทางกลับกันถ้าเราทำตลาดที่เฉพาะกลุ่ม คู่แข่งก็จะน้อยลงตามมาด้วย ขณะที่เสื้อผ้าสีขาวดำเป็นสีเบสิคที่ในตู้เสื้อผ้าของทุกบ้าน เพราะใส่ Mix&Match ได้ง่าย และมีความคลาสสิก แม้จะไม่หวือหวาตามแฟชั่น แต่ก็เป็นความเรียบง่ายที่ใช้ได้ในทุกโอกาส ทุกยุคสมัย จึงตัดสินใจทำตามความฝันของตัวเองด้วยการหันมาสร้างแบรนด์ และเป็นโอกาสได้ใช้ความรู้ต่างๆ ที่เรียนสะสมมาตลอดชีวิตกับสิ่งที่เราชื่นชอบมากที่สุด”
ขณะที่การโกอินเตอร์ของ BLACK SUGAR มาจากการที่ทางคุณเม ไปออกงานโชว์สินค้าสำหรับส่งออก จนทำให้ผู้จัดงาน MQ Vienna Fashion Week มาพบและชวนไปร่วมงานเดินแบบในช่วงปี 2016 -2017 เป็นอีกหนึ่งจุดที่ทำให้แบรนด์ได้รับความสนใจเพิ่มมากยิ่งขึ้น และยังทำให้แบรนด์เริ่มขยายการรับรู้ไปในวงกว้างมากกว่าแค่ในประเทศมากขึ้นด้วย ขณะที่เวทีในประเทศเองนั้น BLACK SUGAR ก็มีโอกาสได้เป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ได้ขึ้นไปสร้างชื่อบนเวที Bangkok International Fashion Week ด้วยเช่นเดียวกัน
ล้มได้ แต่ต้องรีบลุก
มาวันนี้ พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า สิ่งที่คุณเม คาดการณ์ไว้นั้นถูกต้อง เพราะเพียงแค่ตลาดได้รู้จักทั้ง BOTANIQUE และ BLACK SUGAR ก็ให้การตอบรับอย่างดี โดยเฉพาะ BLACK SUGAR ที่ในช่วงแรกกังวลว่าจะมีคนกล้าซื้อไปใส่จริงหรือไม่นั้น แต่ในวันนี้มีลูกค้าประจำอย่างเหนียวแน่น โดยเฉพาะคนที่มีสไตล์เป็นของตัวเองอย่างเด่นชัด จะชื่นชอบเป็นอย่างมาก โดยหนึ่งในลูกค้าประจำของแบรนด์นี้คือ แพทย์หญิง คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ อีกหนึ่งผู้หญิงเก่งที่ทุกคนรู้จักกันดีนั่นเอง
และในวันนี้นอกจาก 2 แบรนด์แรกที่เริ่มต้นมาในเดือนกุมภาพันธ์ 2557 อย่าง BOTANIQUE และ BLACK SUGAR แล้ว คุณเม ยังได้สร้างแบรนด์ใหม่ในผลิตภัณฑ์อื่นๆ เพิ่มเติม เช่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ทำสีและบำรุงเส้นผม Youee Cosmorganic และ Ciaca รวมทั้งกลุ่มดูแลผิวแบรนด์ AGA รวมทั้งผลิตสารตั้งต้นในการทำสบู่อย่าง Thai Soap Base อีกด้วย
คุณเม พูดถึง Key Success ในการทำธุรกิจ ที่ต้องถือได้ว่าประสบความสำเร็จในเวลาที่ค่อนข้างรวดเร็ว คือ การไม่กลัวที่จะสร้างความแตกต่าง และเป็นตัวของตัวเอง รวมทั้งเมื่อคิดจะทำอะไรต้องทำทันที ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ไม่หยุดที่จะเรียนรู้ บางคนที่อาจหมดไฟหรือไม่มีแรงบันดาลใจ โดยเฉพาะคนที่อายุมากแล้วหรืออยู่ในวัยใกล้เกษียณ ให้มองย้อนกลับไปในช่วงที่เวลาที่ผ่านมาว่าเราอยากทำอะไร เพื่อหาสิ่งของที่จะเป็นตัวจุดประกายความฝันขึ้นมาอีกครั้งและลงมือทำ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับทุกๆ การเริ่มต้นไม่ว่าจะเป็นธุรกิจหรือการเรียน
“สิ่งสำคัญที่อยากฝากถึงทุกคนโดยเฉพาะผู้สูงอายุที่สามารถเริ่มต้นทำสิ่งใหม่ๆ ได้ แต่ต้องเป็นคนไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง ให้ทดลองทำสิ่งที่อยากทำ ถึงไม่สำเร็จก็ให้ลองทำวิธีอื่นหรือทำอย่างอื่น อย่าหยุดนิ่ง อย่าหยุดเรียนรู้ เพราะชีวิตคนเราสามารถเรียนรู้ได้เรื่อยๆไม่ว่าจะแก่แค่ไหน ส่วนตัวก็จบปริญญาตรีตอนอายุ 48 ปี และเรียนจบปริญญาโทในวัย 55 ปีไปแล้ว จนถึงตอนนี้ก็ยังไม่หยุดคิด ยังอยากที่จะเรียนสิ่งใหม่ๆ เพิ่มเติมเสมอโดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับงานศิลปะที่ชอบ เช่น ทำสบู่ ทำเทียนหอม เผื่อวันข้างหน้า ถ้าทำเสื้อผ้าไม่ไหวแล้ว ก็ยังสามารถทำของเล็กๆ น้อยๆ ที่ชื่นชอบได้อยู่”
คุณเม ทิ้งท้ายไว้ด้วยว่า สิ่งที่สำคัญคือ อย่าเอาแต่คิด แต่ต้องลงมือทำด้วย ไม่ต้องกลัวที่จะล้ม เพราะล้มก็ลุกได้ เมื่อล้มต้องยอมรับ ไม่หมกมุ่นหรือจมอยู่กับปัญหา ล้มแล้วต้องรีบลุกและหาวิธีก้าวข้ามผ่านไปให้ได้ ไม่ต้องกลัวล้มเพราะล้มแล้วก็ลุกขึ้นใหม่ได้เสมอ
Photo Credit : BLACK SUGAR , Methawee Angthong