เรียกว่าเป็นดีลที่เหนือความคาดหมายพอสมควร สำหรับการประกาศตัวเป็น Strategic Partnership กันระหว่าง Grab และ Heineken โดย Heineken จะมาใช้เทคโนโลยี ช่องทางการจัดส่ง และช่องทางการชำระเงินของ Grab เพื่อตอบโจทย์ธุรกิจของตนเอง รวมถึงจะเข้าไปมีตัวตนในรูปของ “หน้าร้าน” บนแพลตฟอร์มของ Grab ด้วย
จากความร่วมมือดังกล่าว ทำให้ภายในสิ้นเดือนกันยายนนี้ Heineken จะสามารถใช้ช่องทางของ GrabFood เจาะตลาดผู้บริโภคในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เพื่อจำหน่ายเบียร์ และไซเดอร์ได้อย่างเป็นทางการ ซึ่งคาดว่าจะเริ่มต้นกับประเทศอย่างสิงคโปร์และเวียดนามก่อนใคร ส่วนฟิลิปปินส์ ไทย เมียนมาร์ และกัมพูชานั้น บริษัทเผยว่ามีแผนจะเปิดตัวตามมาในอนาคตอันใกล้
ที่น่าสังเกตก็คือ การจับมือกันครั้งนี้จะมีการเปิดตัวร้านค้าออนไลน์ของ Heineken ขึ้นบนแพลตฟอร์มของ Grab ด้วย ซึ่งอาจเรียกได้ว่าเป็นการส่งสัญญาณการแข่งขันรอบใหม่ไปถึงแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซอย่าง Lazada หรือ shopee ได้ดีเลยทีเดียว
สิ่งที่น่าสนใจจากการจับมือกันครั้งนี้ยังไม่จบเพียงแค่นั้น เพราะการซื้อเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในหลายประเทศมีการจำกัดอายุผู้ซื้อว่าต้องไม่ต่ำกว่า 18 ปี ซึ่ง Grab มองว่า แอปพลิเคชันของตนเองนั้นสามารถตอบโจทย์ข้อนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะสามารถกรองอายุผู้ซื้อได้ระดับหนึ่ง ว่าถึงเกณฑ์ตามที่กฎหมายกำหนดหรือไม่
มากไปกว่านั้น การที่ตัวแอปพลิเคชันรู้จักผู้บริโภคและพฤติกรรมของพวกเขาอย่างดีก็ทำให้ Heineken สามารถทำแคมเปญ และใช้ช่องทางของ Grab ในการส่งสินค้าตัวอย่างให้กับกลุ่มเป้าหมายได้ชิมกันได้อย่างตรงจุดด้วย
ซึ่งทั้งหมดนี้ ถือเป็นความแตกต่างที่ “เหนือกว่า” สิ่งที่แบรนด์ได้รับจากการเข้าไปมีตัวตนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซส่วนใหญ่ที่ยังไม่สามารถส่งสินค้าให้ถึงมือผู้บริโภคได้แบบทันใจระดับ Grab ยิ่งถ้าหาก Grab สามารถสร้างความประทับใจให้กับการจัดส่งสินค้าได้ด้วยแล้ว ก็จะกลายเป็นการสร้างแต้มต่อให้กับแพลตฟอร์ม Ride-Hailing ของตนเองในการดึงดูดแบรนด์รายใหม่ ๆ เข้ามาเปิดหน้าร้านได้อีกมาก และกลับมาเป็นยอดรายได้ที่คนขับ Grab จะได้รับเพิ่มอีกต่อด้วย
งานนี้คนที่หนาว ๆ ร้อน ๆ จึงอาจไม่ใช่คู่แข่งในวงการแอลกอฮอล์ แต่อาจเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซเสียมากกว่าก็เป็นได้