ถือเป็นเวทีพี่ใหญ่คุณภาพคับแก้วไปแล้วสำหรับ เทศกาลดนตรีแจ๊สนานาชาติเพื่อการเรียนรู้ (Thailand International Jazz Conference) หรือ TIJC ที่ได้เวียนมาจนถึงปีที่ 12 -TIJC2020 ที่เข้มข้นขึ้นกว่าทุกๆปี เพราะมีศิลปินแจ๊สชื่อเสียงระดับโลกรวมตัวเข้ามาแสดงมากที่สุด ปีนี้จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “Jazz For All – แจ๊สเพื่อทุกคน” ในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา
ดร. ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดี วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล เผยถึงการจัดงาน TIJC ที่ได้เดินทางมาถึงปีที่ 12 ว่าได้รับความร่วมมืออย่างดี ทั้งจากสถานทูตต่างๆ ในไทย ศิลปินไทยและศิลปินแจ๊สชั้นแนวหน้าระดับโลก หลายคนกลับมาเล่นอีก และยินดีถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับนักดนตรีของไทยอย่างเต็มที่ ทั้งในรูปแบบของค่ายอบรม Workshop พร้อมถ่ายทอดประสบการณ์ตรงโดยร่วมแสดงกับนักดนตรีของเรา นี่คือพัฒนาการของวงการแจ๊สในบ้านเราที่ล้ำหน้าไปมาก
“ปีนี้ Alex Sipiagin นักทรัมเปตแจ๊สชาวรัสเซีย ซึ่งมาเล่นในปีที่แล้ว ก็มาร่วมเล่นกับวงมหิดลบิ๊กแบนด์ โดยเล่นเพลงที่เด็กของเราเป็นคนแต่ง งาน TIJC ยังขยายขอบเขตสู่คนฟังทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย มีการจัดกิจกรรม TIJC Youth Camp ซึ่งมีเยาวชนร่วมเข้าค่ายกันมากเกินคาดถึงเกือบ 300 คน แล้วเราก็คัดเลือกเด็กที่มีความสามารถโดดเด่น จัดตั้งเป็นวงให้ขึ้นแสดงบนเวทีหลักในคืนวันอาทิตย์ ให้เล่นเวทีเดียวกับระดับโลกเลย ที่สำคัญยังเปิดให้เด็กทุกคนที่เคยเข้าแคมป์นี้ ได้มาชมงานฟรี เป็นการต่อยอดค้นหาตัวตนทางดนตรีที่แท้จริง ส่วนวงดนตรีที่แสดงในเวที Oval Stage ปีนี้เปิดโอกาสให้ส่งผลงานเข้ามาออดิชั่น ทำให้พบว่ามีวงเกิดใหม่ขึ้นมาก ความสามารถของนักดนตรี พัฒนาการเข้มข้นมากขึ้น มีเป้าหมาย และเราก็ทำหน้าที่จัดเวทีให้ได้แสดงออก”
ดร.ณรงค์ กล่าวถึงเอกลักษณ์ของงานเพิ่มเติมว่า TIJC คือการแสดงและชมดนตรีที่เป็นศิลปะจริงๆ ศิลปินสนุกที่ได้เล่นดนตรีแบบปล่อยของเต็มที่ คนดูเองก็รับอรรถรสแห่งดนตรีอย่างยอดเยี่ยม จนมีการพูดกันในหมู่ศิลปินแจ๊สชั้นนำของโลกว่า “ต้องมางานนี้” แสดงให้เห็นว่า วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ตอบโจทย์การศึกษานอกห้องเรียน และออกแบบห้องเรียนมีชีวิตมานานแล้ว พร้อมๆ กับสร้างสรรค์สังคมรอบข้างให้มีความสุขร่วมกันไปด้วย นับเป็นความสำเร็จของการจัดงาน ซึ่งไม่เพียงมอบความบันเทิงเท่านั้น ยังส่งเสริมความรู้ด้านดนตรี ร่วมจรรโลงสังคมในระดับประเทศ โดยใช้ศิลปะดนตรี มีศิลปินทั้งไทยและต่างชาติ ผู้ชม เป็นเครือข่ายร่วมกันขับเคลื่อนในทุกๆ ปี และยังส่งเสริมการท่องเที่ยวปักหมุดเป็นเทศกาลดนตรีประจำปีในระดับสากล “เราจึงมั่นใจว่าดนตรีแจ๊สสามารถเข้าถึงทุกคนได้”
ในส่วนของศิลปินซึ่งเป็นสีสันของงาน อาจารย์ ดริน พันธุมโกมล หัวหน้าสาขาวิชาดนตรีแจ๊ส คณะดุริยางคศิลป์ กล่าวว่า “ปีนี้จัดเต็มมากสุดกว่าทุกปีที่ผ่านมา ผู้เข้าชมจะได้พบกับศิลปินแจ๊สชั้นนำของโลก ทั้งจากสหรัฐอเมริกา ยุโรป และเอเชีย เริ่มจาก Ozmosys แจ๊สโปรเจกต์สุดล้ำจากมหาเทพนักดนตรีแจ๊สแห่งยุค นำโดย Omar Hakim มือกลองชั้นนำของโลก กำลังสำคัญของวงตำนานฟิวชั่นแจ๊สอย่าง Weather Report เขายังได้ร่วมงานกับศิลปินชั้นนำของโลกมากมาย อาทิ Miles Davis, George Benson รวมทั้งศิลปินป๊อประดับท็อปของโลกอย่าง Michael Jackson และ Madonna
“สำหรับ Ozmosys ที่น่าติดตามชมคือการต้อนรับกีตาร์เทพ Kurt Rosenwinkel กลับสู่ TIJC อีกครั้ง แฟนๆ กีตาร์แจ๊ส คงทราบกันดีว่า Kurt Rosenwinkel คือผู้พลิกประวัติศาสตร์การเล่นกีตาร์แจ๊สที่สำคัญที่สุดในช่วงต้นศตวรรษ 21 การเล่นที่ดุดันผสมผสานอิทธิพลของดนตรีหลากหลายแนวในวิธีการที่เป็นเอกลักษณ์ จนกีตาร์แจ๊สมีรูปแบบอย่างที่พวกเราเห็นอยู่ในปัจจุบัน และอีกไฮไลต์สำคัญคือ Kurt Rosenwinkel จะร่วมแสดงกับ Thailand Philharmonic Orchestra ในวันเสาร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2563 กีตาร์แจ๊สขั้นเทพ กับวงซิมโฟนีออร์เคสตรา ไม่ใช่สิ่งที่จะหาฟังกันได้ทุกวัน ใครพลาดงานนี้ไปก็ไม่ทราบว่าจะหาดูได้อีกเมื่อไหร่”
อาจารย์ดริน เผยถึงไฮไลต์ที่จะเกิดขึ้นในงานนี้ ส่วนแฟนๆ สายแซกโซโฟน เตรียมพบกับ Javon Jackson หนึ่งในอดีตสมาชิกวงดนตรีสำคัญ “ที่สุด” ในวงการแจ๊สอย่าง Art Blakey and the Jazz Messengers ที่มาพร้อมวงควอเต็ต ร่วมกับ Jeremy Manasia (เปียโน) Charles Ruggerio (กลอง) David Williams (เบส), มือแซกโซโฟนแจ๊สตัวพ่อของวงการอีกคน Chris Cheek ที่พร้อมถ่ายทอดทุกอารมณ์ตั้งแต่ความนุ่มนวลหวานหยด จนถึงเสียงแผดก้องดุดัน จะมาร่วมบรรเลงในวงของ Rajiv Jayaweera สุดยอดมือกลองจากออสเตรเลีย รวมทั้งดนตรีแจ๊สในรูปแบบอิเล็กทรอนิกส์อย่างวง Loop Doctors คู่ดูโอแจ๊สร่วมสมัยจากฝั่งยุโรปตะวันออก ได้แก่ Romhanyi Aron (คีย์บอร์ด) และ Peter Szendofi (กลอง) ที่มากับดนตรีผสมผสานทั้งแนวแจ๊ส, Drum ‘n’ Bass, ฮิปฮอป ในลีลาแปลกใหม่, Jeremy Monteiro นักเปียโนแจ๊สชาวสิงคโปร์ จะมาบรรเลงร่วมกับ Jazz Association Singapore Orchestra (JASSO) ในรูปแบบ Big Band ที่มีทั้งความละมุนละไม และดุเดือดเลือดพล่าน นอกจากศิลปินต่างชาติแล้ว TIJC2020 ยังมีความสนุกสนานของศิลปินไทยที่ผลัดเปลี่ยนกันมาปล่อยพลังดนตรีให้แฟนๆ ได้ชมกันอีกคับคั่ง นำโดยศิลปินแนวป๊อป โซล ที่มีสไตล์โดดเด่นอย่าง The Parkinson และวงบิ๊กแบนด์ของไทยกว่า 50 วงจากทั่วประเทศ
บอกได้เลยว่า TIJC เป็นงานเดียวของไทย ที่ให้ทั้งความบันเทิงและความรู้ด้านดนตรี พิเศษสุดสำหรับเด็กอายุไม่เกิน 10 ปี เข้างานฟรี ส่วนผู้ปกครองลด 25% ผู้ที่มาเป็นหมู่คณะ 10 คนขึ้นไป บัตรราคา 1,800 บาท (จาก 3,600 บาท) ส่วนบัตรราคาพิเศษอื่นๆ สอบถามเพิ่มเติมที่เบอร์ 02-849-6565 ต่อ 6609 หรือ https://www.ticketmelon.com/mahidolmusic/tijc2020 และติดตามรายละเอียดงานได้ที่ www.tijc.net การแสดงดนตรีช่วงกลางวันในเวที Oval Stage เข้าชมฟรีทั้ง 3 วัน ในวันที่ 31 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2563 ณ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา