ทั่วโลกต่างผวากับสถานการณ์ระบาด “ไวรัสโคโรนา” ที่พบผู้ติดเชื้อแล้วกว่า 10 ประเทศ รวมทั้งประเทศไทย “ไทม์ไลน์” ของไวรัสพันธุ์ใหม่ เริ่มพบผู้ป่วยโรคปอดอักเสบครั้งแรกในเมืองอู่ฮั่น มณฑลหูเป่ย ประเทศจีน วันที่ 31 ธ.ค.2562 จากนั้นวันที่ 3 ม.ค.2563 สรุปได้ว่ามาจาก “ไวรัสโคโรนา” ที่แพร่เชื้อจากสัตว์มาสู่คน และสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ ทำให้ผู้ติดเชื้อเริ่มขยายวงกว้าง
จำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจากไวรัสโคโรนาเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ตัวเลขเมื่อวันศุกร์ 24 ม.ค.2563 มีผู้ติดเชื้อ 835 และเสียชีวิต 25 ราย เพียง 2 วัน สถิติวันอาทิตย์ 26 ม.ค.2563 มีผู้ติดเชื้อ 2,744 ราย เสียชีวิต 80 ราย
ช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา “จีน” ต้นทางของไวรัสโคโรนา ประกาศมาตรการเข้มข้นสกัดการแพร่ระบาดให้บริษัททัวร์ “ยกเลิก” ขายแพ็คเกจท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค.2563 สถานการณ์การของไวรัสโคโรนาขณะนี้ ส่งผลกระทบโดยตรงอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะ “ชาวจีน” เดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศเพิ่มขึ้นเฉลี่ยปีละ 6.9% ปี 2562 มีจำนวนถึง 167 ล้านคน เป็นตลาดอันดับหนึ่งของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวในหลายประเทศ
แน่นอนว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนา กระทบการเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยเช่นกัน เพราะชาวจีน เป็นนักท่องเที่ยวอันดับหนึ่งของประเทศไทย มาดู 5 เรื่อง ที่เกิดขึ้นกับเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยจนหุ้นตกลง 45 จุด ใน วันจันทร์ 27 ม.ค.2563 จากความกังวลการแพร่ระบาดไวรัสสายพันธุ์ใหม่
1. เปิดตลาดวันจันทร์ หุ้นไทยร่วงหนักมาก
สถานการณ์ไวรัสโคโรนาที่ขยายวงแพร่ระบาดในกว่า 10 ประเทศ ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้ประเทศจีนต้องใช้ยาแรง ประกาศห้ามบริษัทท่องเที่ยวขายแพ็คเกจทัวร์ทั้งในและต่างประเทศ เพื่อหยุดการเดินทางท่องเที่ยวของคนจีน เป็นผลให้อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกช็อกทันที เพราะหลายปีที่ผ่านมา อุตสาหกรรมท่องเที่ยวหลายประเทศมีชาวจีนเป็นกำลังซื้อหลัก
ไม่ต่างจากประเทศไทยที่นักท่องเที่ยวจีนครองอันดับ 1 เช่นกัน ความกังวลไวรัสโคโรนา ได้สะท้อนมาที่ตลาดหุ้นไทยทันที เริ่มต้นสัปดาห์ วันจันทร์ 27 ม.ค.2563 หุ้นไทยเปิดตลาดช่วงเช้าร่วงทันที 22.30 จุด หรือ 1.42 % อยู่ที่ 1,547.32 จุด จากนั้นลดลงต่อเนื่องตลอดวัน หมดวัน SET Index ปิดตลาดวานนี้ (27 ม.ค.2563) ที่ 1,524.15 จุด ลดลง 45.40 จุด หรือลดลง 2.89% มูลค่าการซื้อขาย 69,174 ล้านบาท ดัชนีต่ำสุดอยู่ที่ 1,519.03 ลดลง 50.52 จุด หรือ 3.22% ต่ำสุดในรอบ 3 ปี นับตั้งแต่ ธ.ค.2559
2. ผวาไวรัสโคโรนา หุ้นกลุ่มท่องเที่ยว “ติดลบ”
จากความกังวลผลกระทบไวรัสโคโรนา ฉุดตลาดหุ้นไทยวันนี้ร่วง 45.40 จุด หุ้นในกลุ่มท่องเที่ยว โรงแรม สายการบิน และค้าปลีก ต่างได้รับผลกระทบกันทั่วหน้า จากผลกระทบนักท่องเที่ยวจีนเดินทางลดลง
ไม่ว่าจะเป็น สนามบิน ท่าอากาศยานไทย(AOT) ลดลง 3.85% , โรงแรม อย่าง ดิ เอราวัณ กรุ๊ป(ERW) ลดลง 6.38% โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา (CENTEL) ลดลง 4.50% ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล (MINT) ลดลง 6.72% แอสเสท เวิรด์ (AWC) ลดลง 6.67%
สายการบิน อย่าง เอเชีย เอวิเอชั่น หรือ แอร์เอเชีย (AAV) ลดลง 6.74% นกแอร์ (NOK) ลดลง 5% การบินไทย (THAI) ลดลง 3.25% ค้าปลีก เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) ลดลง 8.37% โรงหนังเมเจอร์ (MAJOR) ลดลง 6.06%
3. นักท่องเที่ยวจีนอันดับหนึ่งตลาดไทย ปีนี้อาจติดลบ
ไวรัสโคโรนาที่กำลังแพร่ระบาดขณะนี้ จนทำให้รัฐบาลจีน ออกประกาศให้บริษัทท่องเที่ยวหยุดขายทัวร์ทั่วโลก คาดว่ามาตรการนี้จะกินเวลา 2-3 เดือน ส่งผลกระทบทันทีกับอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ที่มีสัดส่วนนักท่องเที่ยวจีน 20-25% หรือจำนวน 10-11 ล้านคนต่อปี เป็นอันดับ 1 ในกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ สร้างรายได้ราว 5.8 แสนล้านบาท แน่นอนตัวเลขปีนี้จะได้รับผลกระทบ
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ออกบทวิเคราะห์ ประเมินตลาดนักท่องเที่ยวจีน หากไวรัสโคโรนา ระบาด 1 เดือน จะทำให้ทั้งปี 2563 มีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยราว 11.1-11.3 ล้านคน แต่หากระบาด 1-3 เดือน จำนวนนักท่องเที่ยวมาไทยปีนี้ จะเหลือ 10.97-10.77 ล้านคน หรืดหดตัว 0.5-2%
4. ประเมินท่องเที่ยวเสียหาย 5 หมื่นล้าน
ปกติมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยเฉลี่ยเดือนละ 900,000 คน สัดส่วน 50% มากับทัวร์ ส่วนนี้เป็นกลุ่มที่ได้รับผลกระทบจากการห้ามขายแพ็คเกจทัวร์ของรัฐบาลจีน แต่กลุ่มที่เดินทางเอง (FIT) ก็คงชะลอเดินทางในช่วงนี้เช่นกัน โดยเฉลี่ยนักท่องเที่ยวจีนใช้จ่าย 40,000-50,000 บาทต่อทริป ทางกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬา ประเมินสถานการณ์ไวรัสโคโรนา โดยเปรียบเทียบกับช่วงที่เกิดไวรัสซาร์ส ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวช่วง 3 เดือน รายได้จะหายไปราว 50,000 ล้านบาท
5. ท่องเที่ยววูบ ฉุด GDP
รายได้จากอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย คิดเป็นสัดส่วน 14% ของ GDP สถานการณ์ไวรัสโคโรนาระบาดขณะนี้ นอกจากตลาดจีนที่ลดลงทันทีจากมาตรการคุมเข้มห้ามขายแพ็คเกจท่องเที่ยวสกัดชาวจีนออกนอกประเทศแล้ว นักท่องเที่ยวชาติอื่นๆ ก็มีความกังวลที่จะเดินทางท่องเที่ยวในช่วงเวลานี้เช่นกัน และยังไม่สามารถประเมินได้ว่าสถานการณ์ไวรัสโคโรนาจะส่งผลกระทบยาวนานแค่ไหน
สภาธุรกิจตลาดทุนไทย (FETCO) ประเมินว่าอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั้ง โรงแรม สายการบิน และอุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้อง ที่ได้รับผลกระทบจากไวรัสโคโรนา อาจทำให้ GDP ปี 2563 เติบโตได้เพียง 2% เท่านั้น
นอกจากภาคการท่องเที่ยวแล้ว การส่งออกของประเทศไทยก็ยังพึ่งพิงธุรกิจของจีนเป็นอย่างมาก
สถานการณ์ไวรัสโคโรนา ในประเทศไทย ถึงวันที่ 27 ม.ค.2563 มีผู้ติดเชื้อ 8 ราย วันจันทร์ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกมาแถลงยืนยันว่า ประเทศไทยมีมาตรฐานการคัดกรองผู้ติดเชื้อ ทั้ง 5 สนามบิน จากผู้เดินทางในพื้นที่เสี่ยงระบาดประเทศจีน ปัจจุบันควบคุมสถานการณ์ได้ 100%