พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ
จากเหตุการณ์โศกนาฏกรรมโคราช จนมีเหตุให้มีผู้เสียชีวิต 30 ราย และบาดเจ็บกว่า 50 ราย ในช่วงที่เกิดเหตุระหว่างวันที่ 8-9 ก.พ.2563 สังคมมีข้อสังเกตถึงการทำงานของ “สื่อมวลชน” จากการรายงานสดของสถานีโทรทัศน์และสื่อออนไลน์ ที่อาจส่งผลกระทบต่อการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐ
โดยเมื่อวันที่ 18 ก.พ. 2563 คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หน่วยงานที่กำกับดูแล ทีวีดิจิทัล ได้เรียกทีวี 3 ช่อง คือ ช่อง ONE31 อมรินทร์ทีวี และ ไทยรัฐทีวี ที่ได้รับการร้องเรียน มาชี้แจงการรายงานข่าวเหตุกราดยิงโคราช ต่อคณะอนุกรรมการผังรายการ กสทช.
พล.ท.ดร.พีระพงษ์ มานะกิจ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) เปิดเผยว่า วันนี้ (26 ก.พ. 2563) ที่ประชุม กสทช. ได้พิจารณาข้อร้องเรียนเกี่ยวกับการออกอากาศเหตุการณ์ที่ จ. นครราชสีมา ในรายการข่าว ทีวีดิจิทัล 3 ช่อง ที่อาจมีเนื้อหาไม่เหมาะสม ได้แก่ ช่อง One 31 ไทยรัฐทีวี และอมรินทร์ทีวี
โดยที่ประชุม กสทช. มีมติ “เห็นชอบ” ให้มีคำสั่ง “ปรับ” ทางปกครองในอัตราสูงสุด ดังนี้
- ช่อง ONE31 สั่งปรับเป็นเงิน 250,000 บาท
- ช่องไทยรัฐทีวี สั่งปรับเป็นเงิน 500,000 บาท
- ช่องอมรินทร์ทีวี สั่งปรับเป็นเงิน 500,000 บาท
โดยทั้ง 3 ช่อง กระทำผิดตามมาตรา 37 และ มาตรา 59 จากการออกอากาศเนื้อหาเกาะติดสถานการณ์ และถ่ายทอดสดเหตุการณ์ที่ จ.นครราชสีมา เข้าข่ายเป็นเนื้อหาสาระที่มีผลกระทบต่อความสงบเรียบร้อยหรือศีลธรรมอันดีของประชาชน หรือมีผลกระทบต่อการให้เกิดความเสื่อมทรามทางจิตใจอย่างร้ายแรง พ.ร.บ.การประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551
“ไทยรัฐและอมรินทร์” ที่มีโทษปรับสูงกว่าช่อง ONE31 เนื่องจากมีการกระทำผิด “มากกว่าการนำเสนอข่าว” ด้วยการทำภาพ “แอนิเมชั่น” ขั้นตอนและวิธีการฆ่าบุคคลอื่น ทั้งที่ขั้นตอนดังกล่าวยังไม่รู้ว่าใช่ข้อเท็จจริงหรือไม่ เพราะอยู่ในกระบวนการสอบสวนของตำรวจ
นอกจากนี้ ช่องอมรินทร์ กระทำผิดอีกประเด็นจากการนำภาพของผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์โคราช มาแสดงเป็นฉากหลังของผู้ดำเนินรายงานข่าว ซึ่งเป็นเรื่องที่กระทบต่อจิตใจของประชาชนผู้รับชม
โดยทั้งช่องไทยรัฐและอมรินทร์ มีการกระทำผิดเรื่องการนำเสนอแอนิเมชั่น ขั้นตอนและวิธีการฆ่าในเหตุการณ์อื่นๆ มาก่อนหน้าสถานการณ์โคราช และได้รับการตักเตือน จาก กสทช. ไปแล้ว เหตุการณ์โคราชถือเป็นการกระทำผิดครั้งที่ 2 ที่ กสทช. ได้ตักเตือนและมีการสั่งปรับสูงสุด