องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ออกมาประกาศยืนยันสถานการณ์ไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่หรือ Covid-19 แล้วว่าเป็น “ภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ระดับโลก” หรือ Pandemic หลังจากมีการติดต่อระหว่างบุคคลแพร่กระจายไปในหลายพื้นที่ทั่วโลก ข้อมูลวันที่ 11 มีนาคม 2563 แพร่ระบาดแล้วใน 114 ประเทศทั่วโลก ยอดผู้เสียชีวิต 4,298 ราย และยอดผู้ติดเชื้อสะสม 119,100 คน
สถานการณ์ผู้ติดเชื้อในประเทศไทยยังอยู่ที่เฟส 2 แต่ต้องเฝ้าระวังการคัดกรองผู้ติดเชื้ออย่างเข้มข้น เพื่อยืดระยะเวลาการเข้าสู่เฟส 3 ที่จะมีผู้ติดเชื้อจำนวนมาก เพื่อเตรียมความพร้อมด้านการดูแลรักษา
ไทยเลี่ยง “เฟส3” ไม่พ้น ช่วงพีค ก.ค.-ก.ย.
นายแพทย์บุญ วนาสิน ประธานกรรมการ บริษัท ธนบุรี เฮลท์ แคร์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ THG จากติดตามสถานการณ์ไวรัส Covid-19 ที่เริ่มแพร่ระบาดครั้งแรกในประเทศจีน ตั้งแต่ปลายเดือนมกราคม และติดตามขั้นตอนดูแลรักษาของแพทย์ในประเทศจีน เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือในประเทศไทย ซึ่งเห็นสัญญาณต่างๆ ว่า “ประเทศไทยคงไม่สามารถหลีกเลี่ยงการแพร่ระบาดเฟส 3 ได้ น่าจะอยู่ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ช่วงพีคสุดของการระบาดจะอยู่ในหน้าฝนเดือนกรกฎาคมถึงกันยายน”
สัญญาณที่บ่งชี้ว่าประเทศไทยเข้าสู่เฟส 3 คือ ติดเชื้อกันเองในประเทศหรือในผู้ป่วยที่ไม่มีประวัติเดินทางไปต่างประเทศ หรือสัมผัสกับบุคคลที่มีเชื้ออยู่ ซึ่งอาจมาจากสาเหตุหลายประการ เช่น ผู้ป่วยหลายคนเป็นพาหะโดยไม่มีอาการ และมีจำนวนผู้ติดเชื้อวันละ 20-30 คนขึ้นไป ปัจจุบันอัตราการติดเชื้อของประเทศไทยยังเป็นตัวเลขหลักเดียวต่อวันอยู่
รพ.ธนบุรี ใช้ “อู่ฮั่นโมเดล” รับมือ
จากสถานการณ์แพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ขณะนี้ ธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป ได้เตรียมรับมือการดูแลผู้ป่วยโดยใช้ “อู่ฮั่นโมเดล” มาเป็นแนวทาง แบ่งเป็น 3 เฟส คือ
เฟสที่ 1 เปิดบริการคลินิกคัดแยกผู้ป่วย (Triage Building) และห้องปฏิบัติการ (Laboratory) สำหรับทำ CT Scan Chest Tomography ที่บางซื่อ ตั้งอยู่บนพื้นที่ขนาด 3 ไร่ ใกล้ทางด่วน สถานีรถไฟและสถานีขนส่งผู้โดยสาร ซึ่งจะเปิดให้ดำเนินการทันทีที่ได้รับใบอนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
โดยจะมีห้องแยกผู้ป่วย 50 ห้อง ห้องพักดูอาการความจุ 20 เตียง ซึ่งจะมีการแยกห้องตรวจระหว่างผู้ป่วยที่มีไข้หวัดธรรมดาและผู้ป่วยที่สงสัยจะติดเชื้อออกจากกัน
นอกจากนี้สามารถรองรับการให้บริการแบบบุคคลหรือองค์กรที่ต้องการดูแลผู้ป่วยหรือพนักงานที่มีความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัสโควิด-19 อย่างใกล้ชิด อาทิ บริษัท สายการบิน สถานทูต หน่วยงานข้าราชการ
และองค์กรต่าง ๆ ที่จะต้องเดินทางไปต่างประเทศ และต้องการผลการตรวจที่เร็วกว่า 14 วัน ก็จะมีการตรวจด้วย Next Generation Sequencing (NGS) เพื่อวิเคราะห์ลักษณะทางพันธุกรรมของไวรัสโควิด-19
เนื่องจากเทคโนโลยีนี้สามารถอ่านรหัสพันธุกรรม จำแนกลักษณะจีโนมของไวรัสได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำและมีบทบาทสำคัญในการจำกัดการระบาดของไวรัส ซึ่งใช้ได้ผลมาแล้วในประเทศจีน
เฟสที่ 2 ก่อสร้าง โรงพยาบาลสนาม กรณีที่มีการแพร่ระบาดเข้าสู่เฟส 3 โดยจัดพื้นที่สำหรับผู้ป่วยติดเชื้อแต่ไม่วิกฤติจำนวน 200 เตียง และห้องผู้ป่วยวิกฤติ (ICU) อีก 50 เตียง โดยโรงพยาบาลสนามแห่งนี้จะตั้งอยู่บริเวณหน้าโรงพยาบาลพระนั่งเกล้า บนพื้นที่ 4 ไร่ โดยใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 เดือน ในพื้นที่ดังกล่าวยังสามารถขยายเพิ่มได้อีก 300 เตียง กรณีที่มีผู้ป่วยจำนวนมากต่อวัน หรือรวม 500 เตียง หาก่อสร้างโรงพยาบาลสนามขนาด 500 เตียง จะใช้งบประมาณราว 1,500 ล้านบาท รวมเครื่องมือ เนื่องจากห้องผู้ป่วยไอซียู สำหรับดูแลผู้ป่วยหนักเฉลี่ยห้องละ 20 ล้านบาท ต้องติดตั้งเครื่องช่วยหายใจ ซึ่งสั่งมาจากสหรัฐแล้ว 20 เครื่อง
เฟสที่ 3 โรงพยาบาลพักฟื้น สำหรับรองรับผู้ป่วยจำนวนมาก ที่จำเป็นต้องรักษาตัวและฟื้นฟูร่างกายในโรงพยาบาลระยะเวลานาน ๆ เฟสนี้หากมีผู้ป่วยจำนวนมาก กลุ่มธนบุรีที่มีโรงพยาบาลในเครือกว่า 20 แห่ง จะปรับโรงพยาบาลบางแห่ง มาดูแลผู้ป่วยโควิด ระยะพักฟื้น โดยเฉพาะ และย้ายผู้ป่วยทั้งหมดไปโรงพยาบาลในเครือแทน กลุ่มที่จะมาฟักฟื้นคือผู้ป่วยที่ออกจากโรงพยาบาลสนามและต้องใช้เวลาดูแลต่อ สามารถรองรับผู้ป่วยได้จำนวน 1,000-1,500 เตียง
อย่าตระหนก 3 ขั้นตอนดูแลตัวเอง
พล.อ.ท.นพ. วิศิษฐ์ ดุสิตนานนท์ อดีตผู้ชำนาญการด้านการเเพทย์กองทัพอากาศ กล่าวว่าสถานการณ์การแพร่ระบาดไวรัส Covid-19 ขณะนี้ ประชาชนอย่าตระหนกตกใจ หลังจาก WHO ประกาศภาวะการแพร่ระบาดใหญ่ระดับโลกแล้ว มีข้อแนะนำการดูแล 3 เรื่อง เพื่อป้องกันการติดเชื้อ คือ
- ใส่หน้ากากอนามัยป้องการตัวเอง ซึ่งหากไม่สามารถหาซื้อได้ ให้ใช้หน้ากากผ้า และดูแลทำความสะอาดซักด้วยสบู่หรือต้ม
- ล้างมือด้วยสบู่ทั่วไป ซึ่งสามารถฆ่าเชื้อไวรัสได้โดยตรง หรือใช้แอลกอฮอล์เจล รวมทั้งล้างน้ำสะอาดปกติให้บ่อยครั้ง
- หลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ชุมชน ละเว้นการทำกิจกรรมนอกบ้าน หรือห่างจากคนทั่วไปอย่างน้อย 2 เมตร หากมีปัญหาโทร.ปรึกษาหน่วยการสาธารณสุขได้ตลอดเวลา