ทันทีที่รัฐบาลคลอดมาตรการคุมเข้มเพื่อสกัดการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 โดยให้สถานออกกำลังกาย หรือ ฟิตเนส ปิดให้บริการเป็นเวลา 14 วัน ก็ทำเอาคนรักสุขภาพแอบเซ็งไปตามๆ กัน เพราะจากนี้ไปต้องใช้ชีวิตอยู่บ้านมากขึ้น จากที่เคยได้ไปฟิตเนสออกกำลังกายกันเป็นประจำ ทั้งยังส่งผลกระทบต่อธุรกิจฟิตเนสอย่างมาก ทำให้ผู้ประกอบการต้องเร่งปรับตัวให้รอดพ้นจากวิกฤติครั้งนี้ให้ได้ โดยหนึ่งในทางออกที่ผู้ประกอบการนำมาใช้ตอนนี้ก็คือ การใช้เทคโนดลยี Live Streaming มา เปิดคลาสออกกำลังกายในรูปแบบถ่ายทอดสด นำเหล่าเทรนเนอร์มาไลฟ์การออกกำลังกายให้ทุกคนสามารถออกกำลังกายตามที่บ้านได้ ซึ่งเทรนด์นี้เราได้เห็นกันมาแล้วที่ประเทศจีน แล้วทางออกแบบนี้ก็เกิดขึ้นในเมืองไทย
นี่คือช่วงเวลาขยายฐานลูกค้าของ Fitness First และแก้เครียดให้สังคม
แน่นอนว่า ใครที่เป็นสายสุขภาพ คงมึนๆ ทันทีเมื่อฟิตเนสปิดให้บริการ พร้อมคิดต่อว่าหากต้องใช้ชีวิตอยู่ในบ้านมากขึ้น จะทำอะไร นอกจากการนั่งๆ นอนๆ เสพข้อมูลข่าวสารการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัส หรือไม่ก็ชอปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลงออนไลน์ เพราะไลฟ์สไตล์ของคนรักสุขภาพส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่กับการออกกำลังกายในฟิตเนสเป็นประจำ และจากความเข้าใจความต้องการของผู้บริโภคกลุ่มนี้ ทำให้ Fitness First ปรับรูปแบบมาเป็นการเปิดคลาสออกกำลังกายผ่าน Facebook Live
“ปัจจุบันเรามีสมาชิกประมาณ 80,000-90,000 ราย ในจำนวนนี้มีกลุ่มคนที่เป็นสายสุขภาพแบบ Hard Core จำนวนมาก และมีฐานแฟนเพจบน Facebook ประมาณ 2.5 แสนราย โดยพฤติกรรมคนกลุ่มนี้จะออกกำลังกายเฉลี่ย 2-7 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้น เมื่อปิดคลับจึงส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันของคนบางกลุ่ม เพราะคนกลุ่มนี้มาคลับทุกวัน ตื่นนอนก็มา เลิกงานก็มา”
คุณอรวรรณ เกลียวปฏินนท์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด บริษัท อีโวลูชั่น เวลล์เนสส์ (ประเทศไทย) จำกัด ย้ำถึง Consumer Insight ที่เธอนั่งเฝ้ามองหลังต้องปิดให้บริการฟิตเนสชั่วคราว จนในที่สุดก็ตัดสินใจเปิดคลาสออกกำลังกายผ่าน Facebook Live แทนทันที ซึ่งใช้เวลาในการคิดและทำเพียง 36 ชั่วโมงเท่านั้น โดยให้เหตุผลที่เลือกเปิดคลาสออกกำลังกายผ่านการ Live ว่า เพราะไม่ได้มองแค่ลูกค้าสมาชิกเท่านั้น เนื่องจากสถานการณ์นี้เป็น Global Crisis จึงต้องการ Engagement กับทุกคนที่อยู่ในภาวะวิกฤตเดียวกัน และเชื่อว่าการออกกำลังกายอยู่ที่บ้านเป็นวิธีหนึ่งที่จะช่วยให้ลดความเครียดของผู้คนในช่วงเวลานี้
แต่ Protocal ของแบรนด์ที่เตรียมไว้ว่าเมื่อถึงสเตจต่างๆ ขึ้นมาจริงๆ ต้องทำอย่างไรบ้าง ไม่ได้มีเรื่อง “ไลฟ์” อยู่ในแฟน
“ก่อนหน้านี้เราเตรียมแผนสำรองหนักมาก ถ้าเข้าระยะที่ 1 ทำต้องอะไรบ้าง หากเข้าระยะ 2 และ 3 ต้องทำอย่างไร ส่วนใหญ่จะโฟกัสเรื่องโอเปอเรชั่น การไลฟ์ไม่ได้อยู่ในแผน กระทั่งต้องปิดให้บริการฟิตเนส ก็เกิดไอเดียการทำคลาสออกกำลังกายผ่านการไลฟ์สดทันที เพราะน่าจะตอบโจทย์พฤติกรรมผู้บริโภคที่ต้องกักตัวอยู่บ้านมากขึ้น ส่วนแอปพลิเคชั่นของ Fitness First ที่มีอยู่แล้วนั้น ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพัฒนาให้รับชมไลฟ์ได้ และถึงพัฒนาเสร็จยังไม่คิดมาใช้ตอนนี้ เพราะมองว่าไม่สามารถสร้าง Engagement ได้ อีกทั้งเวลานี้เป็นเวลาที่เราต้องรับผิดชอบต่อสังคมร่วมกันเพื่อให้ผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปให้ได้ ซึ่งการไลฟ์สามารถเข้าถึงทุกคนเข้าได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย”
ทำให้ผลตอบรับหลังจากเปิดคลาสออกกำลังกายผ่าน Facebook Live เพียงหนึ่งวัน โดยนำร่องเปิด 2 คลาส ปรากฎว่า ยอดคนเข้าชมถล่มทลายเกือบ 2 แสนวิวไปแล้ว ซึ่งคุณอรวรรณ ยอมรับว่า ส่วนหนึ่งมาจากคอมมูนิตี้ของแฟนเพจที่มีกว่า 2.5 แสนราย เป็นคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกายอยู่แล้ว บวกกับพฤติกรรมคนที่ต้องอยู่บ้านแล้วไม่รู้จะทำกิจกรรมอะไร การออกกำลังกายผ่านการ Live จึงตอบโจทย์ความต้องการได้อย่างลงตัวพอดี
เทรนเนอร์ต้องระดับซุป’ตาร์ มาพร้อมกับอุปกรณ์ง่ายๆ
ในส่วนเทรนเนอร์ Fitness First จะเลือกเทรนเนอร์ระดับซูเปอร์สตาร์มาไลฟ์ในแต่ละคลาสเท่านั้น เพราะต้องพยายามลดการเดินทาง ลดการรวมตัวกัน และนำดิจิทัลเข้ามาเป็นเครื่องมือเสริมการทำงานให้มากที่สุด ขณะที่คลาสออกกำลังกายผ่านการไลฟ์ ต้องเหมาะกับการออกกำลังกายที่บ้านเช่นกัน โดยต้องไม่มีอุปกรณ์ ดังนั้น หลักๆ จึงเน้น Body Weight และโยคะ หรือถ้ามีอุปกรณ์ ทุกคนต้องสามารถหาอุปกรณ์ทดแทนที่หาได้ง่ายจากที่บ้าน เช่น ขวดน้ำ เก้าอี้ ขอบโต๊ะ ซึ่งคลาสหลังจากนี้จะเริ่มมีการใช้อุปกรณ์มากขึ้น
“ตอนแรกเราเตรียมออกวันละ 2 คลาส แต่ทันทีที่ได้รับฟีดแบ๊กที่ดีจากลูกค้า ทำให้เราต้องออกคลาสใหม่เพิ่มขึ้น โดยจะทำเป็นสถานีออกกำลังกาย ในช่วงวันเสาร์อาทิตย์จะมีให้เลือกถึง 8 คลาส เพื่อความหลากหลายในการออกกำลังกาย ทั้งยังมีเทรนเนอร์ส่วนตัวมาสอนการออกกำลังกายถึงหน้าจอ ซึ่งเหมือนกับการออกกำลังกายกับครูฝึกส่วนตัวในคลับ เพียงแต่ทำในรูปแบบออนไลน์ และใครที่ดูไลฟ์ไม่ทันก็สามารถกลับมาดูคลิปย้อนหลังได้”
คุณอรวรรณ คาดว่ากระแสของการดูไลฟ์การออกกำลังจากนี้ไปจะมากขึ้น เพราะข้อดีของการไลฟ์คือ สามารถมอนิเตอร์ความคิดเห็นของลูกค้าได้แบบเรียลไทม์ และเทรนเนอร์สามารถตอบกลับได้ทันที ทำให้ทุกคนออกกำลังกายอย่างสนุกสนานโดยไม่ต้องมาที่คลับ และเชื่อว่าจะกระตุ้นให้คนที่กำลังมองหาไลฟ์สไตล์ใหม่ๆ ในการอยู่บ้านหันมาโยกย้ายส่ายสะโพกกันมากขึ้น และเมื่อสถานการณ์กลับสู่ภาวะปกติก็มีแผนจะจัดคลาสในรูปแบบนี้ต่อเนื่อง เพราะไลฟ์สไตล์คนเปลี่ยนเร็วมาก
Key Takeaways
-เลือกใช้ช่องทาง Facebook Live ที่ผู้บริโภคคุ้นเคยอยู่แล้ว
-ไม่ได้บริการแค่ลูกค้าแต่ต้องช่วยลดความเครียดให้สังคม
-เลือกเทรนเนอร์ระดับ ซุป’ตาร์ ลดการเดินทางของเทรนเนอร์เช่นกัน
-เลือกคอนเทนต์ที่ผู้ชมจะทำเองได้ง่าย ใช้อุปกรณ์ภายในบ้าน
-ยืดหยุ่น พร้อมเพิ่ม-ลดจำนวนคลาสตามความนิยม
-2 Ways Communication
WE Fitness ก็มา เน้นคลาสยอดฮิตชั่วโมงนี้
ขณะที่ WE Fitness เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่พลิกวิกฤตจากการปิดให้บริการฟิตเนสเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัส COVID-19 และสร้างโอกาสทางธุรกิจ ด้วยการเปิดคลาสการออกกำลังกายผ่าน Facebook Live ทั้งยังเปิดแอปพลิเคชั่นให้สมาชิกและคนรักสุขภาพได้ออกกำลังกายกันที่บ้าน โดย คุณเมษยน เด่นเกรียงไกร ประธานบริหาร ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท วี ฟิตเนส จำกัด หรือ WE บอกว่า สาเหตุสำคัญที่เลือกเปิดคลาสออกกำลังกายผ่านช่องทางไลฟ์เฟสบุ๊คออนไลน์ เกิดมาจากความต้องการของสมาชิกจำนวนมากที่เล็งเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายอย่างต่อเนื่อง ทำให้ WE Fitness เปิดคลาสออกกำลังกายในรูปแบบถ่ายทอดสด WE Workout @Home – WE Truly Care ในช่วงที่ต้องปิดฟิตเนสชั่วคราว
โดยคลาสที่นำมาสอนผ่าน Facebook Live จะเน้นการออกกำลังกายที่สร้างความแข็งแรงให้กับหัวใจ กล้ามเนื้อ และสร้างความยืดหยุ่นของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็น คลาสกรุ๊ปเอ็กซ์ โยคะ พิลาทิส และ We Troop พร้อมมั่นใจว่าการเปิดคลาสออกกำลังกายในรูปแบบนี้ จะสามารถตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของคนรักการออกกำลังในช่วงเวลานี้ และยังจะกระตุ้นให้คนเห็นความสำคัญของการออกกำลังกายมากขึ้นในขณะอยู่บ้านมากขึ้นด้วย ซึ่งในอนาคต We Fitness มีแผนจะนำระบบออนไลน์มาให้บริการกับกลุ่มลูกค้ามากขึ้นด้วย
Key Takeaways
-เลือกคลาสที่เข้ากับไลฟ์สไตล์ผู้บริโภคในปัจจุบัน
-กระตุ้นให้ผู้คนออกกำลังกายในบ้าน
-เป็นการทดสอบและซ้อมระบบออนไลน์ที่ในอนาคตมีแผนจะให้บริการกับลูกค้าไปในตัว