หลังจากที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ส่งจดหมายเชิญมหาเศรษฐีไทย 20 ท่าน เพื่อขอความช่วยเหลือและความคิดเห็นในการนำพาประเทศไทยก้าวข้ามผ่านสถานการณ์วิกฤติโรคระบาดโควิด-19 โดยหนึ่งในนั้นคือ คุณสมโภชน์ อาหุนัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พลังงานบริสุทธิ์ จำกัด (มหาชน) หรือ EA ล่าสุดเจ้าสัว EA ได้มีการตอบกลับจดหมายของนายกรัฐมนตรี โดยพร้อมเดินหน้าช่วยเหลือประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่ เพื่อขับเคลื่อนประเทศไทยให้ผ่านพ้นสถานการณ์โรคไวรัสโควิด-19 ไปด้วยกัน
สำหรับสาระสำคัญในจดหมายระบุว่า ตามข้อมูลขององค์การอนามัยโลกคาดการณ์ว่า สถานการณ์โควิด-19 จะยังคงอยู่ต่อไปอีกระยะหนึ่ง ดังนั้น สิ่งสำคัญ ประเทศไทยจะต้องวางแนวทางว่าจะอยู่อย่างไรให้ปลอดภัย และสามารถลดผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจและสังคมให้น้อยที่สุดจึงเป็นสิ่งที่สําคัญมาก จนกว่าจะมีวัคซีนและยารักษาโรค
คุณสมโภชน์ กล่าวว่า นับตั้งแต่ทราบข่าวการพบผู้ป่วยโควิด-19 รายแรกในประเทศไทยเมื่อวันที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2563 รู้สึกเป็นห่วงและได้ติดตามเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโรคอย่างใกล้ชิด รวมถึงประเมินสิ่งที่จําเป็นที่ประเทศไทยอาจจะขาดแคลนในแต่ละกรณี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในส่วนที่จะส่งเสริมและป้องกันบุคลากรทางการแพทย์ พร้อมทั้งลดการติดเชื้อตั้งแต่ต้นทาง เพื่อดำเนินการช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบอย่างมีประสิทธิภาพ โดยที่ผ่านมาได้ริเริ่มชักชวนผู้สนใจในทุกภาคส่วนจัดตั้ง “กลุ่มช่วยกัน” ซึ่งแบ่งการดำเนินงานเป็น 2 ส่วนหลักๆ ดังนี้
ส่วนที่ 1 การเพิ่มศักยภาพในการปฏิบัติงานให้บุคลากรทางการแพทย์ เช่น การร่วมจัดหาประกันที่มีวงเงินประกัน 25,000 ล้านบาทให้กับบุคลากรทางการแพทย์จํานวน 50,000 คน การติดตั้งอุปกรณ์ฆ่าเชื้อไวรัสในระบบปรับอากาศส่วนกลางให้โรงพยาบาลจํานวน 5 แห่ง และกําลังจะเข้าไปดําเนินการอีก 8 แห่ง โดยมีเป้าหมายเพิ่มให้ครบ 100 แห่งภายใน 2 เดือน ติดตั้งอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงห้อง Cohort ให้เป็นห้องแรงดันลบจํานวน 1,000 เตียงภายใน 2 เดือน รวมถึงปรับปรุงรถพยาบาลเพื่อให้สามารถขนย้ายผู้ป่วยติดเชื้อได้จํานวน 200 คันภายใน 2 เดือน และสนับสนุนมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ในการวิจัยและผลิตแจกจ่ายชุดตรวจโควิด-19 ที่มีความแม่นยําสูงจํานวน 6,000 ชุด
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะติดตั้งอุปกรณ์เพื่อปรับปรุงห้องพักปกติ เช่น โรงแรมและคอนโดมีเนียมให้สามารถรองรับกลุ่มผู้สงสัยติดเชื้อจำนวน 1,000 ห้อง ผลิตหน้ากากแรงดันบวกเพื่อให้บุคลากรทางการแพทย์ใช้ในการป้องกันการติดเชื้อเวลาตรวจผู้ป่วยจํานวน 3,000 ชุด ผลิตตู้ฆ่าเชื้อ UVC เพื่อใช้ในการฆ่าเชื้ออุปกรณ์ ของใช้ขนาดเล็ก รวมถึงช่วยฆ่าเชื้อหน้ากาก N95 และหน้ากากอนามัย พร้อมกับผลิตเครื่องผลิตโอโซน จํานวน 500 เครื่อง และร่วมกับ สวทช.ในการทำวิจัยและพัฒนาสารเคลือบผิวสำหรับฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเพื่อลดการติดเชื้อ
ส่วนที่ 2 เพิ่มศักยภาพในการป้องกันตนเองจากเชื้อไวรัสโควิด-19 ให้กับประชาชน เช่น การแจกจ่ายหน้ากากผ้าและหน้ากากอนามัยจํานวน 100,000 ชิ้น แจกจ่ายเจลแอลกอฮอล์จํานวน 50,000 ขวด และแจกจ่ายเครื่องกรองอากาศที่ฆ่าเชื้อไวรัสได้จํานวน 2,500 เครื่อง โดยในอนาคตยังมีแผนผลิตหน้ากากแรงดันบวกเพื่อให้ประชาชนใช้ในการเดินทาง หรือเมื่อต้องเข้าไปอยู่ในที่มีคนหนาแน่นจํานวน 7,000 ชุด ผลิตกล่องฆ่าเชื้อ UVC จํานวน 3,000 กล่อง รวมถึงผลิตตู้ฆ่าเชื้อ UVC จํานวน 2,000 ตู้ และผลิตเครื่องผลิตโอโซน จํานวน 500 เครื่อง
ขณะเดียวกัน ยังได้ร่วมกับกลุ่ม Code for Public, Blockfint และกลุ่มผู้พัฒนาซอฟต์แวร์อิสระร่วมกันพัฒนาแอปพลิเคชัน “หมอชนะ” เพื่อใช้ในการป้องกันไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของโควิด-19 รอบใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีการเปิดเมือง โดยจะทำให้ผู้ใช้สามารถทราบความเสี่ยงของตนเองจากกิจกรรมและบุคคลใกล้ชิดในช่วง 14 วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีการนำ Bluetooth มาทำงานร่วมกับ GPS ทำให้สามารถติดตามผู้ใช้และผู้ที่อยู่รอบรัศมีได้ จึงทำให้สามารถคัดแยกผู้ที่เสี่ยงติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
พร้อมกันนี้ ยังได้เสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณาออกมาตรการจูงใจให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ นักเรียน นักศึกษา และประชาชน ที่ใช้โทรศัพท์เคลื่อนที่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชั่น “หมอชนะ” เพื่อนำไปใช้เป็นประจำในลักษณะ e-Health Passport ก่อนเข้าไปใช้บริการร้านค้าและชุมชนด้วย
“ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่ง หากท่านนายกรัฐมนตรีต้องการให้ผมนำเสนอรายละเอียดเพิ่มเติม รวมถึงการร่วมมือกับภาครัฐและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาวิกฤตครั้งนี้ให้ผ่านพ้นไปโดยเร็ว” คุณสมโภชน์ กล่าวทิ้งท้ายในจดหมาย