มาตรการรัฐคลายล็อกระยะที่ 2 เปิดให้ห้างสรรพสินค้าและศูนย์การค้าให้บริการได้เกือบทุกกิจการ ตั้งแต่วันที่ 17 พฤษภาคม 2563 หลังมีประกาศ Lockdown ปิดห้าง เมื่อวันที่ 22 มีนาคม เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ระยะเวลาเกือบ 2 เดือน ที่ประชาชนต้องกักตัวอยู่บ้าน Work from Home ได้สร้างวชีวิตวิถีใหม่ (New Normal) การเว้นระยะห่าง ล้างมือ ใส่หน้ากาก หลีกเลี่ยงสถานที่แออัด จำกัดเวลาการใช้บริการ ได้กลายเป็นพฤติกรรม Now Normal ในปัจจุบัน ที่ธุรกิจต้องปรับตัวตาม
แม้ห้างและศูนย์การค้าได้กลับมาเปิดให้บริการอีกครั้ง แต่ยังไม่ใช่การใช้ชีวิตแบบปกติ เพราะการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังคงต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้นต่อไป การผ่อนปรนให้ประชาชนออกมาใช้ชีวิตในห้างและศูนย์การค้า ยังคง “จำกัดจำนวน” ผู้ใช้บริการแบบเว้นระยะห่าง ความแออัดตามมาตรฐานพื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อคน ระยะเวลาใช้บริการขอความร่วมมือไม่เกิน 2 ชั่วโมงต่อครั้ง หรือจะรับประทานอาหารในร้านต่างๆ ก็อยู่ที่ 1 ชั่วโมง
การใช้บริการห้าง ศูนย์การค้า และร้านค้า ยังมีขั้นตอนให้ต้องปฏิบัติมากขึ้น ประชาชนผู้ใช้บริการ ต้องลงทะเบียนด้วยการสแกน QR Code แพลตฟอร์ม “ไทยชนะ” หรือแอปพลิเคชั่นของแต่ละห้าง ที่ติดอยู่หน้าทางเข้า เป็นการ “เช็คอิน” เพื่อใช้บริการ และเวลาออกก็ต้อง “เช็คเอาท์” เช่นกัน หลายมาตรการยังต้องปฏิบัติกันไปแบบนี้อีกพักใหญ่ เพราะวันนี้การแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ยังวางใจไม่ได้ จนกว่าจะมีวัคซีน
จาก New Normal สู่ Now Normal
ค่ายค้าปลีกใหญ่ บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN ผู้บริหารศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์, เซ็นทรัลพลาซา, เซ็นทรัลเฟสติวัล, เซ็นทรัล ภูเก็ต และเซ็นทรัล วิลเลจ ลักชูรี่เอาท์เล็ต จำนวน 33 สาขา ทั่วประเทศ หลังภาครัฐประกาศคลายล็อค กลับมาเปิดบริการเกือบเต็มพื้นที่อีกครั้ง ได้ปรับรูปแบบจาก Center of Life ศูนย์กลางการใช้ชีวิตของทุกจังหวัด มาเป็น “Center of New Normal Life” ศูนย์กลางการใช้วิถีชีวิตใหม่อย่างปลอดภัย
ดร.ณัฐกิตติ์ ตั้งพูลสินธนา ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ ฝ่ายการตลาด บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา กล่าวว่า หลัง Lockdown ปิดเมือง ปิดห้างและศูนย์การค้ามาเกือบ 2 เดือน ทำให้พฤติกรรมการใช้ชีวิตของผู้บริโภคในยุคโควิด-19 ได้เปลี่ยนสู่ New Normal ไปเรียบร้อยแล้ว วิถีชีวิตใหม่เมื่อต้องอยู่นอกบ้าน ทุกคนใส่หน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างในการทำกิจกรรมต่างๆ คุ้นเคยกับการสั่งสินค้าออนไลน์
เมื่อรัฐคลายล็อกระยะ 2 เปิดห้าง ภายใต้ข้อปฏิบัติที่ต้องมีมาตรฐานคุมเข้มการแพร่ระบาด จำกัดจำนวนและระยะเวลาผู้ใช้บริการในแต่ละสถานที่ ต้องสวมหน้ากาก เว้นระยะห่าง ล้างมือด้วยเจลแอลกอฮอลล์ และสแกน QR Code เข้า-ออกศูนย์การค้าและร้านค้า การใช้บริการแต่ละครั้งขอความร่วมมือไม่เกิน 2 ชั่วโมง จากพฤติกรรม New Normal ที่เกิดขึ้นแล้วจนเป็นเรื่องปกติ ปัจจุบันได้กลายเป็น Now Normal ผู้บริโภคก็ยอมรับได้กับข้อกำหนดต่างๆ
“เรายังต้องอยู่กับโควิด-19 ไปอีกระยะจนกว่าจะมีวัคซีน วิถีการช้อปปิ้งในศูนย์การค้ายังต้องอยู่ภายใต้มาตรการต่างๆ ทำให้พฤติกรรมช้อปปิ้งเปลี่ยนไป คือมาซื้อของเท่าที่จำเป็นจริงๆ การมาเดินเล่นคงลดลงไป”
ด้วยมาตรการเว้นระยะห่าง จำกัดปริมาณคนเข้าห้างและศูนย์ฯ และประชาชนยังวิตกกับสถานการณ์โควิด-19 หลังมาตรการปลดล็อกระยะ 2 คาดว่าจะมีทราฟฟิกกลับเข้าศูนย์ฯ ในช่วงแรก 25-40% จากช่วงปกติก่อนหน้านี้ อย่างศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งมีพื้นที่ 480,000 ตารางเมตร เดิมมีผู้ใช้บริการวันละ 120,000 คน แต่มาตรการรัฐกำหนดให้จำกัดคนเข้า พื้นที่ 5 ตารางเมตรต่อ 1 คน ดังนั้นเซ็นทรัลเวิลด์รองรับผู้ใช้บริการพร้อมกันได้ 96,000 คน แต่สถานการณ์ปัจจุบันน่าจะเข้ามาชั่วโมงละ 9,000-10,000 คนเท่านั้น
ขณะที่กลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติ ปกติมีสัดส่วน 30% ในจำนวนนี้ 50% เป็นชาวจีน ยังคงไม่กลับมา ซึ่งการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดว่าจะกลับมาราวเดือนตุลาคม 2563
“เซ็นทรัล” วาง 3 กลยุทธ์ไปต่อในยุคโควิด
การกลับมาเปิดบริการอีกครั้ง ทั้งศูนย์การค้าเซ็นทรัล ห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล และซูเปอร์มาร์เก็ต ได้วาง 3 กลยุทธ์ฝ่าวิกฤติโควิด-19
1.Reassure Confidence: เสริมสร้างความเชื่อมั่น สร้างความมั่นใจด้านสุขอนามัย ด้วยนวัตกรรมใหม่ เช่น Touchless Lift ลิฟต์ไร้สัมผัสนำร่องไปแล้วที่เซ็นทรัลเฟสติวัล อีสวิลล์, เครื่อง UV-C เช็ดบันไดเลื่อน, ตู้ UV-C ทำความสะอาดถุงสินค้า หุ่นยนต์วัดอุณหภูมิจาก AIS หุ่นยนต์ฆ่าเชื้อด้วยรังสี UV-C ของ Central Food Hall & Tops, Uniqlo
ในช่วงที่ปิดศูนย์การค้า ระบบเครื่องปรับอากาศบางส่วนยังทำงานปกติ ไม่ได้ปิดระบบทั้งหมด ดังนั้นจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่มีเชื้อราขึ้นสินค้าหรือที่นั่งโรงภาพยนตร์ เหมือนที่สื่อสังคมออนไลน์แชร์ภาพจากห้างมาเลเซีย อีกทั้งก่อนเปิดดำเนินการได้พ่นน้ำยาฆ่าเชื้อทุกพื้นที่และระบบเครื่องปรับอากาศล่วงหน้าแล้ว
2.Reopen Business: ขับเคลื่อนธุรกิจร่วมกัน ปัจจุบันศูนย์การค้า CPN ทั้ง 33 แห่ง มีพันธมิตรคู่ค้ากว่า 15,000 ราย ซึ่งดูแลพนักงานกว่า 100,000 คน การกลับมาเปิดบริการในสถานการณ์ที่ต้องเฝ้าระวังโควิด-19 แน่นอนว่ายังไม่ใช่ภาวะปกติ ลูกค้ายังไม่กลับมาเหมือนเดิม CPN จึงลดค่าเช่าพื้นที่ให้ร้านค้าไปอีก 3-6 เดือน
นอกจากนี้จะพัฒนาและทำการตลาดช้อปปิ้งออนไลน์ต่อเนื่อง เพราะช่วง 2 เดือนปิดห้าง ผู้บริโภคคุ้นเคยกับการซื้อสินค้าออนไลน์และเดลิเวอรี่ รวมทั้งการใช้ Cashless มากขึ้น โดยมีโควิด-19 เป็นตัวเร่งให้เกิดพฤติกรรมเหล่านี้
โดยกลุ่มเซ็นทรัล ได้เปิดบริการช้อปปิ้งรูปแบบใหม่ เช่น One Call x One Click โทร. 02-021-9999 และ LINE: @CentralLife, บริการ Drive Thru, บริการ Central Eats ร่วมกับ Grab Food, บริการ Food Delivery & Food Pick Up Counter และบริการ CentralLife: Chat & Shop เหมือนช้อปด้วยตัวเองจากเซ็นทรัลเวิลด์และเซ็นทรัล วิลเลจ
ช่วงปิดห้างบริการ Chat & Shop เดือนเมษายน มียอดเพิ่มขึ้นจากปกติ 3 เท่าตัว จากวันละ 600-700 แชทต่อวัน เพิ่มเป็น 3,000 แชทต่อวัน ยอดซื้อต่อบิลก็เพิ่มขึ้นจาก 1,500 บาท เป็น 2,200 บาท ดังนั้นกลยุทธ์ของกลุ่มเซ็นทรัลหลังจากนี้ยังคงเน้นทำตลาด Omni Channel ผ่านช่องทางร้านค้าและออนไลน์ต่อไป
ด้านการลงทุน CPN ยังมองระยะยาว แต่ละปีจะใช้เงินลงทุนกว่า 15,000-20,000 ล้านบาท แม้จะมีสถานการณ์โควิด-19 ก็ยังมีการเปิดศูนย์การค้าใหม่ต่อเนื่อง
3.Rebuild Economy: สร้างเศรษฐกิจไทยช่วยไทย ด้วยการสนับสนุนผู้ประกอบการไทย ฟื้นฟูเศรษฐกิจ โดยพื้นที่ฟรีให้เกษตรกรและเอสเอ็มอีทั่วประเทศกว่า 40,000 ตารางเมตรมาขายสินค้าต่อเนื่อง 3-6 เดือน ส่วนห้างสรรพสินค้าเซ็นทรัล สนับสนุนผู้ประกอบการไทยจัดโปรโมชั่นตลอดปี Clearance Sales เพื่อช่วยเหลือทั้งร้านค้าและลูกค้าซื้อสินค้าราคาถูก
วันนี้วิกฤติโควิด-19 ที่กระทบกับทุกธุรกิจและการใช้ชีวิตของผู้คน และยังไม่รู้ว่าจะจบลงเมื่อไหร่ การจับมือกันของพันธมิตรคู่ค้า ประคับประคองธุรกิจให้รอดไปด้วยการเป็นสิ่งจำเป็นในยามนี้