เป็นอีกหนึ่งความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจ เมื่อ TechCompany อย่าง Microsoft – IBM – Amazon ต่างออกมาแสดงจุดยืนกันอย่างต่อเนื่องเกี่ยวกับการใช้งานเทคโนโลยี Facial Recognition ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่เกี่ยวข้องกับบริการของทางค่าย
โดยเริ่มจาก IBM ที่ออกมาประกาศตัวเมื่อต้นสัปดาห์ว่าจะยุติการพัฒนาเทคโนโลยีดังกล่าว ก่อนจะตามมาด้วย Amazon เจ้าของเครื่องมือ Rekognition ที่ประกาศว่าจะระงับการเข้าใช้งานของเจ้าหน้าที่ตำรวจสหรัฐเป็นระยะเวลาหนึ่งปี และล่าสุดก็คือ Microsoft ที่ออกมาประกาศจุดยืนเรื่องเทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้าแล้วเช่นกัน โดย Brad Smith ประธานบริษัท Microsoft บอกว่า จะไม่ขายเทคโนโลยี Facial Recognition ให้ตำรวจสหรัฐฯ นำไปใช้อีก จนกว่าจะมีกฎระเบียบด้านการใช้งานเทคโนโลยีเหล่านี้ที่ชัดเจนว่าจะไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชน
แม้ว่าแต่ละบริษัทจะมีจุดยืนที่แตกต่างกันพอสมควร เช่น IBM ที่ออกมาประกาศว่าจะถอนตัวจากธุรกิจนี้ไปเลย ขณะที่ Amazon บอกเพียงว่าจะไม่ให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าใช้เทคโนโลยีของบริษัทในระยะเวลาหนึ่ง หรือในส่วนของ Google นั้น เคยให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อสองปีก่อนว่าจะไม่ให้รัฐบาลใช้เครื่องมือ Facial Recognition ของบริษัทจนกว่าความกังวลเรื่องการใช้งานจะได้รับการแก้ไข แต่ในมุมของนักกฎหมาย Matt Cagle ทนายความจาก The American Civil Liberties Union กล่าวว่า ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีมากแล้วที่บริษัทเทคโนโลยีให้การสนับสนุนต่อประเด็นดังกล่าว
ประกอบกับที่ผ่านมา มีงานวิจัยที่ชี้ว่า เทคโนโลยีวิเคราะห์ใบหน้าเหล่านี้มีแนวโน้มจะวิเคราะห์ผิดพลาดเนื่องจากความไม่สมบูรณ์ของฐานข้อมูล ที่อาจมีภาพของคนผิวขาวมากกว่าคนผิวดำ ซึ่งนำไปสู่การวิเคราะห์ภาพคนผิวดำ และผู้หญิงได้ไม่ตรงกับความเป็นจริง เช่น เคยมีกรณีที่ AI วิเคราะห์ภาพใบหน้าของหญิงผิวดำแล้วระบุว่าเป็นกอริลล่า เป็นต้น
ด้วยเหตุนี้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า เทคโนโลยี Facial Recognition เป็นประเด็นที่อ่อนไหวต่อสังคมอเมริกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ประเทศเกิดการประท้วงต่อการเสียชีวิตของจอร์จ ฟลอยด์ ชาวผิวดำที่กำลังลุกลามไปทั่วประเทศ