LINE เปิดความสำเร็จแบรนด์ดังปรับตัวรับ New Normal หลัง Covid-19 พร้อมแนะนำแบรนด์ต่าง ๆ ให้พร้อมรับมือทุกการเปลี่ยนแปลงด้วยกลยุทธ์แบบ “Growth Strategy”
โดยคุณศรีสุภาคย์ อารีวณิชกุล ผู้อำนวยการธุรกิจองค์กร LINE ประเทศไทย เผยว่า ในช่วงที่ผ่านมา พบการปรับตัวของแบรนด์ขนาดใหญ่ในภาวะ Covid-19 ใน 2 ประเด็นหลัก ๆ นั่นคือ แบรนด์ใหญ่หันมา Live มากขึ้น ซึ่งปกติแล้ว การ Live ผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์อาจไม่ใช่สิ่งที่แบรนด์ใหญ่เคยให้ความสนใจมาก่อน ต่างกับธุรกิจ SME ที่มักใช้การ Live เพื่อขายของกันเป็นเรื่องปกติ แต่ในช่วง Covid-19 พบว่าแบรนด์ใหญ่หลายรายเริ่มหันมาใช้การ Live เพื่อสร้างยอดขายกันมากขึ้น ยกตัวอย่างแบรนด์ใหญ่ที่ใช้การ Live บน LINE OA ได้ประสบความสำเร็จ ก็คือ Homepro และ Big C ที่มีการคัดเลือกสินค้าที่คาดว่าเป็นที่ต้องการระหว่างช่วงล็อกดาวน์มานำเสนอในการ Live
กับประเด็นที่สองคือการใช้เครื่องมือของ LINE อย่าง Mission Sticker มากขึ้น โดย Mission Sticker เป็นสปอนเซอร์สติ๊กเกอร์ แต่เพิ่มเงื่อนไขให้ผู้บริโภคทำตามจึงจะได้รับสติกเกอร์ไปใช้ฟรี ๆ ตัวอย่างแบรนด์ที่ประสบความสำเร็จคือ LION ที่กำหนดเงื่อนไขในการรับสติ๊กเกอร์ด้วยการให้ผู้บริโภคตอบแบบสอบถาม นำมาสู่ข้อมูลเชิงลึกของผู้บริโภคเป็นจำนวนมากในเวลาอันรวดเร็ว ที่แบรนด์สามารถนำไปต่อยอดเพื่อวิเคราะห์การสื่อสารและแคมเปญการตลาดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อีกข้อมูลที่น่าสนใจคือในช่วงสถานการณ์ Covid-19 กลุ่มธุรกิจที่หันมาใช้ LINE Official Account (LINE OA) ในการสื่อสารนั้นพบว่าเพิ่มขึ้นใน 4 กลุ่มสำคัญ นั่นคือ กลุ่มธุรกิจยานยนต์, องค์กรภาครัฐ, ตามมาด้วยธุรกิจค้าปลีก กับอาหารและเครื่องดื่ม เนื่องจากเหตุผลต่าง ๆ เช่น องค์กรภาครัฐใช้ LINE ในการสื่อสารเรื่องข่าวปลอม ฯลฯ เป็นต้น จากเดิมในช่วงต้นปีที่กลุ่มผู้ใช้งานหลักที่สื่อสารผ่าน LINE OA คือ กลุ่มค้าปลีก การเงินการธนาคาร และโทรคมนาคม
โดยสองอันดับแรกมีอัตราเติบโตประมาณ 50-60 เปอร์เซ็นต์ ส่วนกลุ่มค้าปลีกกับกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มที่เน้นการเดลิเวอรี่โตขึ้น 31 เปอร์เซ็นต์ นอกจากนั้นยังพบว่ามีการใช้ LINE บน Desktop เติบโตมากขึ้นถึง 264% ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วย
คุณศรีสุภาคย์ กล่าวต่อด้วยว่า “พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วช่วงล็อกดาวน์ เป็นสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก แต่เมื่อผู้บริโภคคุ้นเคยกับความปกติใหม่หรือ New Normal แล้วก็ยากที่จะกลับไปเป็นแบบเดิมอีก แบรนด์ที่กล้าเปลี่ยนและเริ่มเรียนรู้ตั้งแต่วันนี้จะมีเวลาปรับตัวและได้เปรียบกว่าแบรนด์ที่ยังจำกัดตัวเองในช่องทางเดิม ด้วยเหตุนี้ LINE จึงมุ่งสนับสนุนให้ทุกแบรนด์มีกลยุทธ์แบบ Growth Strategy บนโลกออนไลน์”
โดยกลยุทธ์สำคัญแบบ “Growth Strategy” สำหรับแบรนด์ ประกอบด้วย
1. สื่อสารอย่างสร้างสรรค์
ความคิดสร้างสรรค์คือกุญแจสำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์สร้างความแตกต่างในโลกออนไลน์ ด้วยการสร้างเรื่องราวและรูปแบบการเล่าเรื่องของสินค้าหรือตัวแบรนด์ให้โดดเด่น สร้างสรรค์ ไม่ซ้ำใคร พยายามสร้างการสื่อสารตัวตนของแบรนด์ สินค้าด้วยรูปแบบใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์กว่าเดิม ด้วยการทดลองใช้เครื่องมือใหม่ ๆ
2. วิเคราะห์กลุ่มเป้าหมาย
พฤติกรรมของผู้บริโภคบนโลกดิจิทัลเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วเสมอ การสื่อสาร 1 ข้อความสู่ลูกค้าทั้งหมด (1 to many users) ไม่ตอบโจทย์อีกต่อไป ส่งผลให้แบรนด์ต้องทำการบ้านหนักกว่าเดิม โดยแบรนด์จำเป็นต้อง
- เก็บข้อมูลและศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค ‘แต่ละคน แต่ละกลุ่ม’ (Segmentation) ให้มากขึ้น
- ไม่วิ่งตามเทรนด์ สร้างเทรนด์ให้ผู้บริโภค ‘แต่ละคน แต่ละกลุ่ม’ (Set trend to each segmentation) โดยอาจจับกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งก่อน แล้วจึงต่อยอดขยายสู่กลุ่มอื่น
- สื่อสารสู่ผู้บริโภค ‘แต่ละคน แต่ละกลุ่ม’ ให้แตกต่างกันเพื่อดึงดูดให้เกิดการมีส่วนร่วม นำไปสู่การปิดการขายที่เหมาะสมกับคนแต่ละกลุ่ม (Personalization)
3. สร้างประสบการณ์ใหม่บนโซเชียลคอมเมิร์ซ
การปรับตัวของแบรนด์ใหญ่บนโซเชียลคอมเมิร์สไม่ใช่สิ่งใหม่ แต่สิ่งที่สำคัญกว่าคือการสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่บนโซเชียลคอมเมิร์สให้ผู้บริโภครู้สึกประทับใจ แบรนด์ที่ปรับตัวและริเริ่มก่อน จะได้รับความสนใจและมีตัวตนบนโลกดิจิทัลในฐานะของ ‘ผู้บุกเบิก’ หรือ ‘ผู้ปฏิวัติวงการ’