หุ้นของแอร์เอเชีย(AAX) ในตลาดหลักทรัพย์มาเลเซีย(KLSE) ร่วงลงประมาณ 17% และตลาดหลักทรัพย์ต้องหยุดการซื้อขายหุ้น เมื่อวันพุธที่ผ่านมา อันเนื่องมาจากผู้ตรวจสอบบัญชีของ Ernst & Young ได้พบข้อสงสัยด้านการเงินของสายการบินแห่งนี้
Ernst & Young แถลงว่า แอร์เอเชีย มีหนี้สินหมุนเวียนหลังสิ้นสุดปี 2019 อยู่ราวๆ 1.84 พันล้านริงกิต (ประมาณ 13,500 ล้านบาท) และมียอดขาดทุนสุทธิ 283 ล้านริงกิต (2 พันล้านบาท) ซึ่งตัวเลขเหล่านี้ส่งผลกระทบต่อสภาพคล่องของสายการบิน
นอกจากนี้ในไตรมาสแรกของปี 2020 แอร์เอเชียยังขาดทุน 808.3 ล้านริงกิต และประเมินว่าด้วยสถานการณ์ของ Covid-19 ที่ทำให้สายการบินต่างๆ ไม่สามารถให้บริการได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเที่ยวบินระหว่างประเทศ ก็จะส่งผลให้ตัวเลขในไตรมาส 2 ของปีนี้มีการขาดทุนเพิ่มขึ้นอีก
ทางด้าน Tony Fernandes ซีอีโอ มหาเศรษฐีเจ้าของแอร์เอเชียระบุว่า นี่คือความท้าทายใหญ่ที่สุดนับตั้งแต่เขาก่อตั้งแอร์เอเชียมาในปี 2001 อย่างไรก็ตามเขายังคงมองโลกในแง่ดีว่าจะสามารถปรับโครงสร้างองค์กรและทำให้ค่าใช้จ่ายลดลงได้ 50% ในปีนี้ นั่นทำให้แอร์เอเชียเป็นสายการบินโลว์คอสต์ที่แข็งแรงและเป็นผู้นำในภูมิภาคนี้ต่อไป โดยทางแอร์เอเชียกำลังเจรจามองหาพันธมิตรที่จะมาจับมือกัน ในรูปแบบของ Joint Venture หรือแม้แต่เงินกู้ เพื่อกู้สถานการณ์ของบริษัทให้ดีขึ้น