ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ชื่อของแอปพลิเคชันอย่าง Telegram ถูกพูดถึงมากขึ้นบนโซเชียลมีเดียบ้านเรา โดยเฉพาะในหมู่คนรุ่นใหม่ของบ้านเราที่ต้องการการสื่อสารที่พวกเขามองว่า “น่าจะปลอดภัย”
จุดเด่น Telegram
โดย Telegram เป็นแอปพลิเคชันสำหรับการ “แชท” ที่มาพร้อมการเข้ารหัสข้อมูล (จริง ๆ ทุกวันนี้แอปพลิเคชันอย่าง WhatsApp หรือ Facebook Messenger ก็มีการเข้ารหัสข้อมูลแล้วเช่นกัน) ส่วนสิ่งที่พิเศษมากกว่าแอปแชทรายอื่นอาจเป็นเรื่องของการล็อกอินที่ทำได้จากทุกอุปกรณ์ได้พร้อม ๆ กัน ไม่ว่าจะเป็นสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์ และสามารถส่งไฟล์ถึงกันได้ทุกประเภท
นอกจากนี้ ใน Telegram ยังสามารถสร้างกลุ่มขนาดใหญ่ที่มีคนอยู่ร่วมกันได้มากถึง 200,000 คนได้ด้วย หรือจะสร้างแชนแนลเพื่อบรอดคาสต์ไปยังผู้คนแบบไม่จำกัดก็ทำได้เช่นกัน และถ้าอยากได้ความไพรเวทสุด ๆ Telegram ก็มีฟีเจอร์ที่ชื่อ Secret Chats แถมมาให้ด้วย
โดยข้อความใน Secret Chats จะถูกเข้ารหัสแบบ End-To-End ซึ่งเท่ากับว่าจะมีแค่เรากับคนที่เราคุยด้วยเท่านั้นที่สามารถอ่านข้อมูลในแชทได้ (แม้แต่ทีมของ Telegram ก็บอกว่าพวกเขาไม่สามารถอ่านได้เหมือนกัน) โดยข้อมูลใน Secret Chats จะไม่สามารถฟอร์เวิร์ดออกไปยังห้องอื่นได้ และถ้ามีการลบข้อมูลออกจากฝั่งเราแล้ว ในส่วนของอีกฝั่งก็จะถูกลบออกไปด้วยเช่นกัน
แม้ว่าการใช้งาน Telegram จะมีมานานแล้ว (Pavel Durov นักพัฒนาชาวรัสเซียส่ง Telegram ขึ้นไปอยู่บน Google Play Store และ App Store ตั้งแต่ปี 2013 และปัจจุบันมีผู้ใช้งานประมาณ 200 ล้านคน) แต่ชื่อของ Telegram มักกลายเป็นพาดหัวข่าวบ่อยครั้งเมื่อเกิด “การประท้วง” ไม่ว่าจะเป็นการประท้วงในฮ่องกง หรือล่าสุดก็คือการประท้วงที่เบลารุส ก็มีการใช้งานแอปพลิเคชัน Telegram ในการสื่อสารของผู้ชุมนุมเช่นกัน
วิธีการใช้ Telegram ให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ดี มีฟีเจอร์หนึ่งใน Telegram ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีในฮ่องกงมองว่า อาจทำให้แอปเปิดเผยตัวตนของผู้ใช้งานได้โดยไม่ตั้งใจ นั่นคือการจับคู่เบอร์โทรศัพท์กับชื่อของผู้ใช้งานให้ เช่น เราอยากเสิร์ชหาว่ามีเพื่อนคนนี้อยู่หรือเปล่า หากเราก็สามารถใส่เบอร์โทรของคน ๆ นั้นลงไปเพื่อเสิร์ชได้เลย
โดย Telegram อธิบายถึงความสามารถนี้ว่า โดยทั่วไปแล้ว คนอื่น ๆ ในกรุ๊ปจะไม่สามารถเห็นเบอร์โทรศัพท์ของเราได้ เว้นแต่ว่า คน ๆ นั้นมีการบันทึกเบอร์ของเราเอาไว้ใน Contacts (หรือก็คือรู้จักกันมาก่อน) ซึ่งทางแก้ของปัญหาข้อนี้ ผู้ใช้งานอาจต้องเข้าไปตั้งค่าเพิ่มเติมใน Settings > Privacy and Security > Phone Number