คุณธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด
เปิดตัวแล้วอย่างเป็นทางการสำหรับ LINE BK ในฐานะ Social Banking รายแรกของไทยที่บอกว่าเกิดมาเพื่อปลดล็อกข้อจำกัดให้กับกลุ่มฟรีแลนซ์ หรือคนที่ไม่มีรายได้ประจำให้สามารถเข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น หลังจากที่ก่อนหน้านี้ การเข้าถึงบริการทางการเงินของคนกลุ่มดังกล่าวเต็มไปด้วย Pain Point มากมาย ซึ่งเราขอสรุปรายละเอียดเน้น ๆ ของ LINE BK มาฝากกัน 10 ข้อดังนี้
1. ไลน์บีเค (LINE BK) คืออะไร
LINE BK เป็นบริการทางการเงินแบบ Social Banking เต็มรูปแบบรายแรกของไทย บริหารงานภายใต้บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทที่เกิดจากการร่วมทุนระหว่างบริษัท กสิกร วิชั่น จำกัด (บริษัทในเครือของธนาคารกสิกรไทย) และบริษัท ไลน์ ไฟแนนเชียล เอเชีย (LINE Financial Asia) มีหน้าที่พัฒนานวัตกรรมผลิตภัณฑ์และ “ให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล” รูปแบบใหม่บนช่องทางดิจิทัล ด้วยการวิเคราะห์ข้อมูลลูกค้า เพื่อนำเสนอสินเชื่อที่เหมาะสมกับความต้องการและศักยภาพของลูกค้าแต่ละคนได้อย่างเฉพาะเจาะจงนั่นเอง
2. แล้ว Social Banking คืออะไรกัน
นิยามของคำว่า Social Banking เริ่มขึ้นตั้งแต่ยุค 1950 ซึ่งหลัก ๆ แล้วหมายถึงบริการทางการเงินที่อิงอยู่บนโซเชียลมีเดีย หรือบริการแบบ Peer-to-Peer โดยบริการ Social Banking ที่เป็นตัวอย่างได้ชัดเจนอาจอยู่ในจีนแผ่นดินใหญ่ เช่น บริการของ WeChat
ทั้งนี้ Social Banking เกิดมาเพื่อแก้ Pain Point ที่ธนาคารแบบดั้งเดิมอาจไม่สามารถทำได้เนื่องจากมีข้อจำกัดบางประการ เช่น ยังมีคนอีกมากที่ไม่สามารถกู้เงินได้เพราะไม่มีสลิปเงินเดือน และทำให้ต้องหันไปกู้นอกระบบ ซึ่งคิดดอกเบี้ยในอัตราที่สูงมาก (ประมาณ 20% ต่อเดือน) ซึ่งสำหรับประเทศไทย มีคนกลุ่มที่กู้หนี้นอกระบบมากถึง 10% ด้วยเหตุนี้ การมี Social Banking ทำให้คนกลุ่มนี้สามารถเข้าถึงบริการสินเชื่อส่วนบุคคลที่คิดดอกเบี้ยเป็นธรรมมากขึ้นได้นั่นเอง
บริการทางการเงินต่าง ๆ บน LINE BK
3. LINE BK ในฐานะ Social Banking ทำอะไรได้บ้าง
บริการของ LINE BK มีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการโอนเงินพร้อมส่งสลิปแบบพิเศษที่มีคาแรคเตอร์ไลน์ติดไปด้วย การหารค่าใช้จ่ายกับเพื่อนใน LINE การจ่ายเงินในช่องทางต่าง ๆ การให้บริการบัตรเดบิท และสามารถนำบัตรเดบิทไปกดเงินสดจากตู้เอทีเอ็มของธนาคารกสิกรไทยได้ทั่วประเทศ บริการออมเงินพร้อมดอกเบี้ยในอัตราพิเศษ รวมไปถึงการให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคลแบบดิจิทัล โดยทั้งหมดนี้ใช้เทคโนโลยีหลังบ้านจากธนาคารกสิกรไทย (สังเกตว่าจะมีคำว่า Powered by KBank ติดมาด้วยเสมอ)
4. ทำไมต้องใช้ LINE BK
แน่นอนว่าหลายคนต้องมีคำถามนี้ผุดขึ้นมาในใจ โดยเฉพาะคนที่อาศัยอยู่ตามหัวเมืองใหญ่ เพราะเมื่อมองไปรอบตัว ก็จะพบว่าคนรอบข้างต่างเข้าถึงบริการ Mobile Banking เรียบร้อยแล้ว
อย่างไรก็ดี ในภาพรวมระดับประเทศ คุณธนา โพธิกำจร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท กสิกร ไลน์ จำกัด เผยว่า ยังมีคนไทยอีกกว่า 60% ที่ยังเข้าไม่ถึงบริการทางการเงินจากธนาคาร หรือเข้าถึงแต่เพียงผิวเผิน
ที่มา: Euromonitor; Worldbank; Global Data; Bain and Temasek
“เราพบว่า มีคนไทยเพียง 37% ที่มีโอกาสเข้าถึงบริการธนาคาร และใช้บริการธุรกรรมการเงินอย่างเต็มรูปแบบ นั่นคือมีบัญชีเงินฝาก มีบัตรเครดิต ซื้อประกัน ซื้อกองทุน ในขณะที่คนไทยอีก 45% แม้จะเข้าถึงบริการธนาคาร แต่ยังใช้บริการทางการเงินแบบผิวเผิน หรือที่เรียกว่ากลุ่ม Underbanked นั่นคือมีบัญชี แต่ยังไม่เข้าถึงผลิตภัณฑ์ บริการอื่นๆ และมีคนไทยถึง 18% ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร หรือที่เรียกว่ากลุ่ม UnBanked ซึ่งกลุ่มเป้าหมายของ LINE BK คือคนกลุ่ม UnderBanked และ UnBanked ที่อยู่บนแพลตฟอร์ม LINE และกลุ่มมิลเลนเนียลที่คุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟนและใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่บนโลกดิจิทัล”
5. LINE BK เข้าถึงได้ทางไหนบ้าง
สำหรับ LINE BK จะปรากฏตัวอยู่ในแอปพลิเคชัน LINE ในแท็บ Wallet โดยเราสามารถเข้าไปสมัครใช้บริการได้ฟรี สำหรับวิธีสมัครทำได้สองวิธี นั่นคือ
- สมัครและยืนยันตัวตนผ่านแอปพลิเคชัน K Plus (สำหรับคนที่มีบัญชีธนาคารกสิกรไทย และติดตั้งแอปพลิเคชัน K Plus อยู่แล้ว)
- สมัครด้วยบัตรประชาชน (ต้องไปยืนยันตัวตนที่จุด K-Check ID ที่ใกล้ที่สุด และจะได้รับการแจ้งเตือนเมื่อการยืนยันตัวตนด้วยบัตรประชาชนสำเร็จ) จากนั้นก็มายืนยันตัวตนด้วยภาพถ่ายใบหน้า และรหัส OTP ด้วย
6. เปิดบัญชีบน LINE BK ต่างกับการเปิดบัญชีธนาคารอย่างไร
ข้อแรกคือเรื่องของการไม่มีเงินฝากขั้นต่ำ และไม่กำหนดวงเงินคงเหลือ ในขณะที่บัญชีธนาคารทั่วไปจะมีข้อกำหนดในส่วนนี้อยู่ นอกจากนั้น การโอนเงินสามารถทำได้ด้วยการเลือกชื่อเพื่อนใน LINE หรือจะโอนด้วยเลขที่บัญชี เบอร์โทรศัพท์ หรือพร้อมเพย์ก็ได้เช่นกัน
ความแตกต่างข้อต่อมาคือ ไม่มีสมุดบัญชี และสามารถขอรายการเดินบัญชีย้อนหลังได้สูงสุด 12 เดือน ผ่าน LINE BK ส่วนการถอนเงินสามารถถอนเงินแบบไม่ใช้บัตรได้ที่ตู้ ATM ของธนาคารกสิกรไทยทั่วประเทศ และสุดท้าย มีดอกเบี้ยออมทรัพย์ให้ในอัตรา 0.5% ต่อปี
7. LINE BK ต่างจาก Rabbit LINE Pay อย่างไร
ในจุดนี้คุณธนา อธิบายว่า Rabbit LINE Pay มีจุดแข็งในด้านการใช้จ่าย เช่น จ่ายค่าโดยสาร BTS หรือซื้อสินค้า ขนม อาหาร ต่าง ๆ แต่สำหรับ LINE BK อยากให้มองว่าเป็น Source of Fund หรือแหล่งเงินทุนมากกว่า
ที่สำคัญ การเข้าไปอยู่ในทุกที่ที่ผู้บริโภคต้องการใช้เงินคือภารกิจสำคัญของสถาบันการเงินในยุคต่อไป และด้วยการที่ผู้ใช้งานไทยอยู่บนแพลตฟอร์ม LINE มากถึง 47 ล้านคน และใช้เวลาบน LINE มากถึง 63 นาทีต่อวัน การมีบริการทางการเงินให้คนบน LINE ใช้งานจึงถือเป็นโอกาสดีของ LINE BK นั่นเอง
8. บัตรเดบิท LINE BK ทำไมถึงมีตั้ง 3 แบบ
บัตรเดบิทของ LINE BK ที่มีถึง 3 แบบ
บัตรเดบิทของ LINE BK มี 3 แบบเพราะตอบโจทย์ต่างกัน นั่นคือ แบบแรกเป็นบัตรเดบิทออนไลน์ แบบสองเป็นบัตรเดบิทแบบจับต้องได้ และแบบที่สามเป็นบัตรเดบิทแบบจับต้องได้ที่มาพร้อมวงเงินให้ยืม
โดยบัตรเดบิตออนไลน์ จะไม่มีค่าธรรมเนียมออกบัตรตรงข้ามกับอีกสองแบบที่เหลือ ที่จะมีค่าธรรมเนียมออกบัตร 100 บาท, ค่าจัดส่งบัตรอีก 37 บาท และค่าธรรมเนียมรายปีอีก 350 บาท
9. ขอสินเชื่อจาก LINE BK ต้องทำอย่างไร
อีกข้อที่หลายคนอยากรู้กันก็คือ การขอสินเชื่อจาก LINE BK ซึ่งบริษัทบอกว่า น่าจะง่ายกว่ายืมเงินจากเพื่อน โดยภายในงานเปิดตัวมีการสาธิตการขอสินเชื่อจาก LINE BK มาโชว์ให้ดูด้วย ซึ่งมีวงเงิน 2 แบบ นั่นคือ
- วงเงินให้ยืมพร้อมใช้ (คิดอัตราดอกเบี้ย 20 – 25% ต่อปี จ่ายขั้นต่ำได้ทุกเดือน)
- วงเงินให้ยืมผ่อนชำระ (คิดอัตราดอกเบี้ย 18 – 25% ต่อปี ระยะเวลาผ่อนชำระ 12 – 60 เดือน)
สำหรับคุณสมบัติของคนที่จะขอสินเชื่อจาก LINE BK คือ ต้องมีบัญชีเงินฝากกับ LINE BK และมีสัญชาติไทย อายุระหว่าง 20 – 60 ปี โดยหากเป็นพนักงานประจำต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 7,000 บาทต่อเดือน แต่ถ้าประกอบอาชีพอิสระ ต้องมีรายได้ขั้นต่ำ 9,000 บาทต่อเดือน ซึ่ง LINE BK บอกว่า บางกรณีอาจต้องยื่นเอกสารยืนยันรายได้เพิ่ม เช่น statement ย้อนหลัง 6 เดือน
ช่องทางการชำระมีตั้งแต่ การหักบัญชีเงินฝาก LINE BK อัตโนมัติ หรือจะชำระเองผ่าน LINE BK ก็ได้ โดยในอนาคตสามารถชำระผ่านแอปพลิเคชันของ Mobile Banking ได้ด้วย
10. LINE BK ประเมินสินเชื่อบุคคลอย่างไร
การใช้ข้อมูลเพื่อทำ LINE Credit Scoring
LINE BK ได้พัฒนาสิ่งที่เรียกว่า LINE Credit Scoring ซึ่งเกิดจากการนำข้อมูลทางการเงินจาก KBank พฤติกรรมบนโซเชียลมีเดีย และข้อมูลแบบ traditional เช่น เครดิตบูโร ข้อมูล Demographics มาวิเคราะห์ร่วมกัน โดย LINE Credit Scoring จะให้คะแนนผู้ขอสินเชื่อ 4 ด้าน ได้แก่
- Ability to pay
- Willingness to pay
- Behavior score
- Collection score
โดยวงเงินสูงสุดของสินเชื่อจะไม่เกิน 800,000 บาท
สำหรับรายได้หลักของ LINE BK มาจากดอกเบี้ยสินเชื่อ ซึ่งทางบริษัท กสิกร ไลน์ ตั้งเป้าไว้ว่า Social Banking อย่าง LINE BK นี้ต้องติดท็อปไฟฟ์ของผู้ให้บริการสินเชื่อบุคคล และในปีแรกตั้งเป้าผู้ใช้บริการ LINE BK เอาไว้ที่หลักล้านราย โดยตัวเลขผู้ใช้งาน LINE BK นี้จะถูกรวมเป็นผู้ใช้บริการของธนาคารกสิกรไทยด้วย
ทั้งนี้ ประเทศไทยเป็นประเทศแรกที่ LINE Financial Asia เปิดให้บริการ Social Banking โดยยังมีอีก 3 ประเทศที่เตรียมเปิดตัวตามมาในอนาคตอันใกล้ ได้แก่ ญี่ปุ่น ไต้หวัน และอินโดนีเซีย