หลังจากที่มีการชิมลางในธุรกิจยามาหลายรอบ ล่าสุดทางค่ายอีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่ของสหรัฐอเมริกาอย่างแอมะซอน (Amazon) ก็ได้ออกมาประกาศเปิดตัวธุรกิจจัดจำหน่ายยาในชื่อแอมะซอน ฟาร์มาซี (Amazon Pharmacy) พร้อมวางโพสิชันตัวเองเป็นร้านขายยาแห่งโลกดิจิทัลแล้วอย่างเป็นทางการ ซึ่งนักวิเคราะห์มองว่า นี่อาจเป็นการรักษาการเติบโตในสไตล์ธุรกิจล้านล้านเหรียญสหรัฐก็เป็นได้
สำหรับความพิเศษของ Amazon Pharmacy ก็คือ ลูกค้าสามารถใส่ข้อมูลประกันสุขภาพลงมาในระบบได้ และสามารถเลือกออปชันในการจ่ายเงินได้ด้วย โดยระบบจะจัดส่งยาให้กับลูกค้าที่เป็น Prime Member ฟรี (แต่ใช้เวลา 2 วัน) ส่วนคนที่ไม่มั่นใจ ทาง Amazon ยังมีบริการให้ลูกค้าโทรเข้ามาคุยกับเภสัชกรที่คอยสแตนด์บายเพื่อตอบคำถามเกี่ยวกับยาตลอด 24 ชั่วโมงแบบไม่มีวันหยุดเลยด้วย
ก่อนหน้าที่จะเปิดธุรกิจขายยาอย่างเป็นทางการ ทาง Amazon เคยแสดงความสนใจในวงการนี้มาโดยตลอด เช่นการควบกิจการ PillPack สตาร์ทอัพด้านการจัดจำหน่ายยาไปเมื่อปี 2018 ด้วยมูลค่า 753 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือการเปิดคลีนิคสุขภาพให้กับพนักงานไปเมื่อช่วงกลางปี 2020 ที่ผ่านมา ซึ่งนักวิเคราะห์ในฝั่งตะวันตกจำนวนไม่น้อยมองว่า ธุรกิจยาจะเป็นตัวรักษาการเติบโตรอบใหม่ให้กับ Amazon อย่างแท้จริง ชนิดที่ว่าธุรกิจค้าปลีกให้ไม่ได้เลยทีเดียว
Introducing Amazon Pharmacy. 💊📋📦
Prescribed by your doctor, delivered by us. ▶️ https://t.co/tGNwM0I9IY pic.twitter.com/6pko1sRTvj
— Amazon (@amazon) November 17, 2020
โดยหนึ่งในผู้ที่ออกมาให้ความเห็นคือ Tom Forte นักวิเคราะห์อาวุโสจาก D.A. Davidson ที่มองว่า ธุรกิจร้านขายยาดิจิทัลสามารถเติบโตไปสู่ธุรกิจล้านล้านเหรียญสหรัฐตัวใหม่ของ Amazon ได้ ซึ่งนาทีนี้ถือว่าจำเป็นอย่างมาก หาก Amazon ต้องการรักษาระดับการเติบโตของบริษัทให้น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
Forte ยังกล่าวด้วยว่า ธุรกิจร้านขายยาสามารถทำกำไรให้กับ Amazon ได้เหนือกว่าธุรกิจค้าปลีกอย่างการควบกิจการ Whole Foods มากมายนัก เนื่องจากส่วนต่างกำไรที่มีมากกว่า
สำหรับการเปิดบริการ Amazon Pharmacy ในช่วงแรกจะโฟกัสที่ตลาดสหรัฐอเมริกาเพียงประเทศเดียว แต่ก็มีการคาดการณ์กันว่า ธุรกิจขายยาออนไลน์นี้จะทำรายได้แตะ 131,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปี 2025 โดยมีประเทศอย่างสหรัฐอเมริกา, อังกฤษ, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, อิตาลี, สเปน, จีน, อินเดีย, และญี่ปุ่นเป็นผู้นำเทรนด์ (อ้างอิงจาก TechCrunch)
ส่วนปัจจัยที่ทำให้ตลาดยาออนไลน์เติบโตก็คือ จำนวนผู้ใช้งานอินเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นอย่างมาก และผู้คนเริ่มให้ความสนใจอยากดูแลสุขภาพด้วยตัวเอง (หรือในบางประเทศก็อาจถูกบังคับให้ดูแลสุขภาพด้วยตัวเองไปก่อน เพราะระบบสาธารณสุขไม่เพียงพอจะรองรับผู้ป่วยก็เป็นได้)
ด้วยความพร้อมเหล่านี้ คำถามจาก Forte ถึง Amazon จึงมีเพียงข้อเดียวว่า ทำไมใช้เวลานานจังกว่าจะตัดสินใจลุยธุรกิจยาอย่างเต็มตัว