บทเรียนจาก COVID-19 การจะอยู่รอดได้ในสถานการณ์ที่ยากคาดเดานี้ ต้อง “คิดเร็ว ทำไว” ตลอดปีที่ผ่านมา จึงเห็นเบอร์หนึ่งธุรกิจอีเวนท์ “อินเด็กซ์ ครีเอทีฟ วิลเลจ” เปิดธุรกิจใหม่ออกมารัวๆ หวังมาชดเชยรายได้จากอีเวนท์ที่อยู่ในอาการบาดเจ็บ หนึ่งในกลุ่มธุรกิจเป้าหมายคือ “แฟรนไชส์” ที่ตอบโจทย์ทั้งฝั่งธุรกิจและผู้ลงทุน ในการหา “รายได้เพิ่ม”
ปี 2563 ธุรกิจ 3 กลุ่มหลักของ อินเด็กซ์ฯ มีรายได้ราว 460 ล้านบาท จากปี 2562 อยู่ที่ 1,400 ล้านบาท ลดลงไป 70% หรือรายได้หายไปเกือบ 1,000 ล้านบาท ขณะที่ภาพรวมอีเวนท์ มาร์เก็ตติ้ง มีมูลค่าราว 14,000 ล้านบาท สูญเม็ดเงิน 60% จากวิกฤติโควิด
เมื่ออีเวนท์เส้นเลือดใหญ่ยังไม่ฟื้นในเร็วๆนี้ ทางรอดคือหาธุรกิจใหม่มาสร้างรายได้ทดแทน ตลอดปีที่ผ่านมาถึงต้นปีนี้จึงเห็นอินเด็กซ์ฯ เปิดตัวธุรกิจใหม่ออกมาต่อเนื่อง ไม่ว่าจะเป็น
– Kill & Klean แฟรนไชส์บริการ Hygienic Solution การทำความสะอาดและพ่นน้ำยาฆ่าเชื้อภายในอาคารและสถานที่ต่างๆ เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อโควิด มีแฟรนไชส์ 26 ราย ใน 6 ประเทศกลุ่มอาเซียน กระจายอยู่ใน 30 เมือง รวมพื้นที่ทำความสะอาด 1.5 ล้านตารางเมตร
– แพลตฟอร์ม “คืนปล่อยของ” (Night Collection) พื้นที่ประมูลและขายสินค้าออนไลน์
– ANYA Meditec ธุรกิจบริการทางการแพทย์เพื่อดูแลสุขภาพ
– House of Illumination การจัดแสดงศิลปะดิจิทัลใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ บริเวณเซ็นทรัลแกลอรี ชั้น 8 เซ็นทรัลเวิลด์ ตั้งแต่วันที่ 28 ตุลาคม 2563 ถึงวันที่ 28 ตุลาคม 2565
– งานแสดงไลท์เฟสติวัล Village of Illumination ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย วันที่ 1 มกราคม 2564 -14 กุมภาพันธ์ 2564
-The Vertical Pop-Up ร่วมกับ ลูทิเซีย บาย เลอบัว (Lutetia by Lebua) ร้านอาหารและเบเกอรี่รูปแบบ Immersive experience แสดงศิลปะดิจิทัลด้วยแสงไฟอยู่ภายใต้โดมบนชั้นสูงสุดของ State Tower ชั้น 67 แบบ 360 องศา ระหว่างวันที่ 2 มีนาคม – 25 เมษายน 2564
จับมือซิงเกอร์เปิดแฟรนไชส์ “เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ” ลงทุนต่ำสุด 1 แสนบาท
หากดูจากโจทย์วันนี้ ไม่ใช่เพียงธุรกิจต้องการหารายได้เพิ่ม แต่ฝั่งผู้บริโภคคนทั่วไป ก็ต้องการรายได้เสริมไม่ต่างกัน เพราะสถานการณ์โควิดทำให้รายรับจากรายได้ประจำลดลงไป แต่การลงทุนจำนวนมากเพื่อหารายได้เสริมก็อาจเสี่ยงเช่นกัน หรือบางคนก็ไม่รู้ว่าจะหารายได้เสริมทางไหน
นี่คือโจทย์ที่ คุณเมฆ เกรียงไกร กาญจนะโภคิน ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่ม บริษัท อินเด็กซ์ ครีเอทีฟวิลเลจ จำกัด (มหาชน) เห็นเป็นอีกโอกาสสร้างธุรกิจแฟรนไชส์ เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ “KK Wash” เข้ามาเป็นทางเลือกในการหารายได้เสริมให้ที่มีงานประจำอยู่แล้ว
ที่มาของ KK Wash ก็เกิดจากการลงพื้นที่จัดงานแสดงไลท์เฟสติวัล Village of Illumination ที่สิงห์ปาร์ค เชียงราย ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ทำให้เห็นไลฟ์สไตล์คนต่างจังหวัดมาใช้บริการเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญจำนวนมากเช่นกัน เพราะถือเป็นอีกความสะดวก จึงกลับมาศึกษาโอกาสและรูปแบบธุรกิจ โดยมุ่งไปที่โจทย์ว่าเป็นธุรกิจสร้างรายได้เสริมด้วยต้นทุนต่ำ
ปัจจุบันมีบริษัทผู้ให้บริการธุรกิจเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ประมาณ 300-400 ราย มูลค่าตลาดประมาณ 400-500 ล้านบาท ถือว่ามีอัตราขยายตัวดี จากความสะดวกของในการใช้งานให้ผู้บริโภคใช้บริการได้ 24 ชั่วโมง แต่ธุรกิจนี้มักเป็นร้านขนาดใหญ่ต้องใช้เงินลงทุนหลักล้านขึ้นไป ผู้นำเบอร์หนึ่งในตลาดนี้มีร้าน 250 สาขา
แม้ตลาดแฟรนไชส์เครื่องซักผ้าจะมีการแข่งขันสูง แต่ในประเทศไทยเองยังเป็นบลูโอเชี่ยน เห็นได้จากมาเลเซียมีกว่า 2,000 แห่ง ทำให้มีช่องว่างให้แทรกตัวเข้ามาทำตลาดได้ จึงได้ Diversify ธุรกิจเปิดแฟรนไขส์เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ “KK Wash” ทันที โดยร่วมมือกับพันธมิตร “ซิงเกอร์” เป็นผู้จัดหาเครื่องซักผ้าและดูแลซ่อมบำรุงเครื่องให้กับผู้ซื้อแฟรนไชส์ โดยมี 3 แพ็กเกจ ได้แก่
แพ็กเกจขนาด S เริ่มต้น 99,900 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 1 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก. 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย
แพ็กเกจ ขนาด M เริ่มต้น 239,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 3 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก. 3 เครื่อง เครื่องจ่าหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย
แพ็กเกจ ขนาด L เริ่มต้น 349,000 บาท ให้บริการด้วยเครื่องซัก 9.5 กก. 2 เครื่อง เครื่องซักผ้า 15 กก. 2 เครื่อง เครื่องอบผ้า 10 กก. 2 เครื่องจ่าหน่ายน้ำยาซักผ้าอัตโนมัติ 1 เครื่อง เครื่องแลกเหรียญ 1 เครื่อง อุปกรณ์ตกแต่งร้าน และรายการส่งเสริมการขาย สำหรับอัตราค่าใช้บริการซักผ้าครั้งละ 30 บาท
เจาะกลุ่มคนทำงานต้องการรายได้เสริม เปิดร้านหน้าบ้าน
หากดูจากค่าแฟรนไชส์เห็นได้ว่าแพ็คเกจต่ำสุด ไซซ์ S มีเครื่องซักผ้า 2 เครื่อง ลงทุนอยู่ที่ราว 1 แสนบาท ที่สำคัญไม่มีการเก็บเปอร์เซ็นต์ส่วนแบ่งรายได้และค่าธรรมเนียมรายเดือนเพิ่มอีก คือ จ่ายครั้งเดียวตอนซื้อแฟรนไชส์ โดยอินเด็กซ์ฯจะจัดทำอุปกรณ์ตกแต่งร้านและสื่อโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้ ส่วนตัวเครื่องซักผ้าจาก ซิงเกอร์ เลือกผ่อนชำระได้นานสูงสุด 24 เดือน รับประกันตัวเครื่องซักผ้าฟรี 2 ปี มีศูนย์บริการทั่วประเทศ และมี Call Center ให้คำแนะนำ
แฟรนไชน์ KK Wash เจาะกลุ่มผู้ที่มีงานประจำ แต่ต้องการรายได้เสริม โดยใช้ทำเลหน้าบ้าน อพาร์ทเม้นท์ ตึกแถว ทาวเฮ้าส์ ที่จอดรถ พื้นที่ว่างขนาด 3 ตารางเมตร (หรือ 1 x 3 เมตร) ขึ้นไปติดตั้งเครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง โดยไม่ต้องมีคนเฝ้าเครื่อง ทำให้ลงทุนต่ำ มีโอกาสคืนทุนเร็ว โดยเฉลี่ยประมาณ 10 เดือน สามารถเปิดร้านได้ทั้งในทำเลกรุงเทพฯและต่างจังหวัด
โดยคาดว่าสิ้นปีนี้จะมีแฟรนไชส์ KK Wash 200 สาขา แบ่งเป็น ขนาด S 40 สาขา ขนาด M 120 สาขา และขนาด L 40 สาขา คิดเป็นมูลค่า 50 ล้านบาท
หลังจากเปิดตัวธุรกิจแฟรนไชส์แล้ว 2 แบรนด์ คือ KK Kill&Klean แฟรนไชส์บริการ Hygienic Solution และ KK Wash เครื่องซักผ้าหยอดเหรียญ ในปีนี้จะเปิดตัวแฟรนไชส์ใหม่อีก 1 ธุรกิจ ใช้แบรนด์ KK โดยวางเป้าหมายกลุ่มแฟรนไชส์ปีนี้รายได้ 100 ล้านบาท และเป็นอีกขาธุรกิจของอินเด็กซ์ฯ ในอนาคต เพื่อกระจายความเสี่ยงธุรกิจหลักอีเวนท์
ที่ผ่านมาอินเด็กซ์ฯ ก็ได้ Diversify ธุรกิจอีเวนท์ในประเทศไทย ไปยังอีเวนท์ในต่างประเทศ แต่สถานการณ์โควิดไม่ว่าอยู่ที่ไหนธุรกิจอีเวนท์ก็กระทบเหมือนกันหมด จึงต้องปรับตัว Diversify สร้างความหลากหลายธุรกิจให้มากขึ้นอีก
“หากดูจำนวนธุรกิจใหม่ที่เปิดตัวในช่วงโควิด มีจำนวนมากกว่าช่วงเวลาปกติด้วยซ้ำ เพราะเป็นสิ่งที่อินเด็กซ์ฯ ต้องคิดให้เร็วและทำให้ไว เพื่อหาทางรอดจากวิกฤติให้ได้ เมื่อมีไอเดียจึงทำทันทีและใช้คนของอินเด็กซ์ฯ ที่มีอยู่ เปลี่ยนจากงานอีเวนท์มาพัฒนาธุรกิจใหม่ เพื่อให้ทุกคนอยู่รอดไปด้วยกัน”
