รศ.ดร.วิชิตา รักธรรม คณบดีวิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล (CMMU) มองความท้าทายของโลกยุคใหม่ต้องปรับกลยุทธ์การศึกษา เพิ่มทักษะผู้เรียน “Cognitive Flexibility” มองหาโอกาสและปรับความคิดตามสภาพแวดล้อมใหม่ ผลักดันศักยภาพคณาจารย์ CMMU รับโจทย์ภาคธุรกิจช่วยเปิดโลกนักศึกษา
ปัจจัยโลกสะเทือน กับทักษะใหม่ที่ต้องปรับตาม
รศ.ดร.วิชิตา รักธรรม คณบดี CMMU กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงระดับมหภาคที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน โครงสร้างทางอำนาจในโลกกำลังเปลี่ยนไป เอเชียเริ่มก้าวตามทันอเมริกาและยุโรป ทั้งจำนวนประชากรที่มีกำลังซื้อมหาศาลและการลงทุนทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้น ทรัพยากรมากมายกำลังหลั่งไหลเข้ามาในเอเชีย นอกจากนี้ ประชากรบนโลกกว่า 60% อาศัยอยู่ในเมืองใหญ่ ประกอบไปด้วยสองเจเนอเรชั่นที่ต่างกัน ได้แก่ คนที่อยู่ในสังคมสูงวัย (Aging Society) และ คนที่ชอบใช้ชีวิตในสังคมออนไลน์ (Generation Z) และเมื่อเทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทในชีวิตประจำวัน ทำให้โลกออนไลน์กับโลกความเป็นจริงแทบแยกออกจากกันไม่ได้ ดังนั้น เมื่อพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป การทำธุรกิจต้องใช้กลยุทธ์ใหม่ การเรียนรู้เพื่อสร้างธุรกิจใน Business School ต้องปรับตาม
รศ.ดร.วิชิตา กล่าวว่า CMMU มีการเปลี่ยนแปลง เพราะผลกระทบที่เกิดกับธุรกิจทำให้เกิดทักษะใหม่ ที่ผ่านมามีการกล่าวถึงการพัฒนาทักษะการรู้คิด (Cognitive Skills) หมายถึง ความสามารถในการคิดและการเรียนรู้ เช่น จากการรับรู้ ความจำ ความสนใจ ทักษะนี้จะพัฒนาไปตามประสบการณ์ในการใช้ชีวิต แต่ในโลกใบใหม่นี้ ทักษะนี้เป็นเพียงพื้นฐานเท่านั้น สิ่งสำคัญคือต้องเพิ่มเติม Cognitive Flexibility หรือ ทักษะในการหาโอกาสและปรับเปลี่ยนความคิดไปตามบริบทหรือสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลง โดยต้องมี Self Management เพื่อเข้าใจสถานการณ์ เข้าใจตัวเอง และปรับตัวเองตามได้
กลยุทธ์ Inside Out – Outside In เพื่อการศึกษารูปแบบใหม่
สถาบันการศึกษามีส่วนสำคัญในการสร้างการเปลี่ยนแปลงในลักษณะที่ผู้เรียนได้ปรับตัวเข้ากับโลกยุคใหม่ ต่างจากในอดีตที่บางครั้งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์ว่าการศึกษาไทยไม่ตอบโจทย์ภาคธุรกิจหรือไม่เท่าทันโลกภายนอก ผ่านกลยุทธ์ 2 ด้าน ได้แก่ กลยุทธ์ “Inside Out” สร้างบรรยากาศภายในวิทยาลัยให้มีความหลากหลาย เนื่องจากมีอาจารย์และนักศึกษาทั้งไทยและต่างชาติ แต่ละคนมีเส้นทางการเรียน (Learning Journey) ไม่เหมือนกัน หน้าที่ของสถาบันการศึกษา คือ สร้างการเรียนรู้เฉพาะบุคคล (Customization) ให้ผู้เรียนพัฒนาศักยภาพของตนเองเพื่อนำมาใช้ในการเรียนรู้และไปถึงปลายทางได้
และกลยุทธ์ “Outside In” คือเราอยู่คนเดียวไม่ได้ ต้องร่วมกันมองจากมุมมองคนภายนอกทุกภาคส่วนหรือ Stakeholders โดยเฉพาะผู้เรียน สามารถรับฟังความต้องการ และเสริมสร้างพันธมิตรจากทั้งในและต่างประเทศเพื่อมอบประสบกาณ์การเรียนรู้รูปแบบใหม่
“ วงการการศึกษา มีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นตลอด อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เราเป็นจุดเริ่มต้นของคนที่ทำงานในภาคธุรกิจ เราต้องเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง ”
“คณาจารย์” ที่ให้มากกว่าความรู้ในห้องเรียน
รศ.ดร.วิชิตา กล่าวถึง คุณภาพการศึกษาของ CMMU ที่ผสมผสาน 3 ส่วนเข้าด้วยกัน ได้แก่ การเรียนการสอน (Education) การทำวิจัย (Research) และ การบริการวิชาการ (Academic Services) โดยคณาจารย์ใน CMMU มีโอกาสในการพัฒนาตนเองอยู่เสมอตามความเชี่ยวชาญของแต่ละบุคคล คณาจารย์สอนนักศึกษาในวิทยาลัย ทำวิจัยของตนเอง และนำองค์ความรู้ไปอบรมให้คำปรึกษาแก่ภาคธุรกิจภายนอก ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อคณาจารย์ได้รับโจทย์ใหม่จากภาคธุรกิจ สามารถนำมาเป็นบทเรียนให้กับผู้เรียน และนำมาต่อยอดงานวิจัย เพื่อให้ผู้เรียนมีส่วนร่วมและได้รับความรู้ มุมมองทั้งในภาคทฤษฎีและภาคปฏิบัติ ดังนั้น องค์ความรู้ใน CMMU จะเป็นแบบพลวัตการเรียนรู้ (Learning Dynamic) คือ การให้โอกาสหรือสร้างการเรียนรู้แก่ผู้เรียนอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานและเกิดประโยชน์สูงสุดแบบจับต้องได้
ในปี 2564 นี้ CMMU มีหลักสูตรรวมทั้งสิ้น 4 หลักสูตร หลากหลายสาขา แบ่งเป็นปริญญาโทหลักสูตรไทยและนานาชาติ หลักสูตรปริญญาเอก 2 หลักสูตร ทั้งนี้ CMMU ยังมีความร่วมมือกับสถาบันระดับนานาชาติ อาทิ โครงการแลกเปลี่ยนนักศึกษากับมหาวิทยาลัยทั่วโลก, Double Degree ร่วมกับ Macquarie University ประเทศออสเตรเลีย, หลักสูตร Strategy and Innovation for Businesses in Asia (SIBA) สำหรับผู้บริหารระดับสูง โดยความร่วมมือกับ MIT, Sloan School of Management ประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น