แอปเปิล (Apple) เปิดผลประกอบการไตรมาส 2 ของบริษัทที่ทุบสถิติด้านยอดขายอีกครั้ง หลังทำรายได้เพิ่ม 54% เหนือกว่าที่วอลสตรีทคาดการณ์ โดยส่วนหนึ่งมาจากยอดขาย iPhone 12 ที่แข็งแกร่ง ผนวกกับการทำงานแบบ Work From Anywhere ที่ดันยอดขาย iPad และ Mac พุ่งแรง
ในการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาสล่าสุด Apple สามารถทำรายได้ไปทั้งสิ้น 89,580 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2,795,343 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 53.7% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปี 2020 โดยตัวเลขดังกล่าว เป็นรายได้จาก
- ไอโฟน 47,940 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 65.5%)
- Mac 9,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 70.1%)
- iPad 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 78.9%)
- เซอร์วิส 16,900 ล้านเหรียญสหรัฐ (เพิ่มขึ้น 26.7%)
จุดที่น่าสังเกตในไตรมาสนี้คือยอดขาย Mac ที่สูงเป็นประวัติการณ์ ถึง 9,100 ล้านเหรียญสหรัฐ (ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะทำได้เพียง 6,800 ล้านเหรียญสหรัฐเท่านั้น) ซึ่งคาดว่าเป็นผลจากการ Work From Home เช่นเดียวกับรายได้จาก Service ที่ทำไปได้ถึง 16,900 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยส่วนหนึ่งคาดว่าจะมาจากบริการ Apple One ที่เปิดตัวไปเมื่อปีก่อนเข้ามาช่วยเพิ่มรายได้ให้
ส่วนธุรกิจ Home, Wearables, และ Accessories นั้น Apple เผยว่า ทำรายได้ไปทั้งสิ้น 7,800 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งก็เหนือกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์เช่นกัน (นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้แค่ 7,500 ล้านเหรียญสหรัฐ) โดยสินค้าในกลุ่มนี้ได้แก่ AirPods, Apple TV, HomePod speaker, dongles ฯลฯ
Luca Maestri ผู้บริหารฝ่ายการเงิน (CFO) ของ Apple กล่าวด้วยว่า ผลประกอบการไตรมาส 2 นี้ทำให้ Apple มีกระแสเงินสดมากถึง 24,000 ล้านเหรียญสหรัฐ และมีการอนุมัติวงเงินเพื่อซื้อหุ้นคืนอีก 90,000 ล้านเหรียญสหรัฐด้วย
คาด Chip Shortage ทำยอดขาย Q3 ลด 4 พันล้านเหรียญสหรัฐ
ในการแถลงผลประกอบการไตรมาส 2 (มกราคม – มีนาคม) ของแอปเปิล (Apple) เมื่อคืนที่ผ่านมา นอกจากเรื่องของยอดขายที่เพิ่มขึ้น 54% แล้ว ดูเหมือนว่ายักษ์ใหญ่รายนี้จะแสดงให้เห็นว่า เริ่มได้รับผลกระทบจากปัญหาการขาดแคลนชิป (Chip Shortage) ในการผลิตสินค้าแล้วเช่นกัน
เหตุที่กล่าวเช่นนั้นเพราะมีการตั้งข้อสังเกตว่า สินค้าอย่างคอมพิวเตอร์ตระกูล Mac และ iPad ที่มีการเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่อลังการไปเมื่อไม่นานมานี้ กลับมีกำหนดวางขายล่าช้าค่อนข้างมาก (คาดว่าจะเริ่มจำหน่ายได้ในช่วงครึ่งหลังของเดือนพฤษภาคม) ซึ่งผิดวิสัยของ Apple ที่มักเริ่มจำหน่ายสินค้าหลังการเปิดตัวในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งในการแถลงผลประกอบการ CFO ของ Apple อย่าง Luca Maestri ก็ยอมรับกับนักวิเคราะห์ว่า Apple กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาวัตถุดิบขาดแคลนใน “บางส่วน” และคาดการณ์ว่า อาจกระทบกับยอดขายของ Mac และ iPad ที่ต้องหายไปราว 3 – 4 พันล้านเหรียญสหรัฐในไตรมาสนี้ได้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี Tim Cook ซีอีโอ Apple ได้ออกมากล่าวให้นักลงทุนมั่นใจว่า การทำงานแบบ Remote Work และการเรียนออนไลน์จะยังเป็นตัวช่วยดันยอดขาย iPad และ Mac ให้เติบโตต่อไปได้ และเขามองว่าแม้ความรุนแรงของ Covid-19 จะเริ่มบรรเทาเบาบางลงไปแล้ว แต่ยอดขายก็จะไม่ตกลงตามไปด้วย เนื่องจากธุรกิจส่วนหนึ่งเริ่มปรับตัวไปสู่รูปแบบการทำงานแบบไฮบริดที่ให้พนักงานทำงานจากที่ไหนก็ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้น เขาจึงเชื่อว่า ความต้องการด้านอุปกรณ์ลักษณะดังกล่าวยังคงมีต่อไป และคาดหวังว่า ผลประกอบการในไตรมาส 3 (เมษายน – มิถุนายน) ของ Apple ก็จะเติบโตแบบ 2 Digits ได้อย่างแน่นอน
Chip Shortage กระทบรถยนต์ 61,000 ล้านเหรียญ
ทั้งนี้ สถานการณ์ Chip Shortage อาจกระทบ Apple หลักพันล้านเหรียญ แต่หากหันไปดูอุตสาหกรรมยานยนต์จะพบว่าได้รับผลกระทบหนักกว่ามาก โดยล่าสุดมีรายงานว่าค่ายฮอนด้า (Honda Motor) เตรียมประกาศหยุดการผลิตรถยนต์ในโรงงาน 3 แห่งในญี่ปุ่นแล้ว (อาจหยุด 5 – 6 วัน) ส่วนค่าย BMW AG ก็เตรียมหยุดการผลิตรถยนต์ Mini ในโรงงานที่อังกฤษเป็นเวลา 3 วันเช่นกัน
บริษัทที่ปรึกษา AlixPartners คาดการณ์ว่า สถานการณ์ chip shortage จะทำความเสียหายให้กับบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ต่าง ๆ มากถึง 61,000 ล้านเหรียญสหรัฐในปีนี้เลยทีเดียว ซึ่งเมื่อพิจารณาถึงการประกาศหยุดการผลิตรถยนต์ของค่าย Jaguar Land Rover, Volvo Group และ Mitsubishi Motors ก่อนหน้านี้ ตัวเลขดังกล่าวก็มีความเป็นไปได้สูงมากที