ท่ามกลางกระแสการแข่งขันของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เริ่มกลับมาดุเดือดอีกครั้งในช่วงครึ่งปีหลัง ผ่านแคมเปญเลขคู่ต่าง ๆ รวมถึงมีการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัย และเรื่องของช่องทางการชำระเงินที่ครบครันกว่าเดิมกลับมาให้เราใช้กัน อีกสิ่งหนึ่งที่มีการเติบโตไม่แพ้เรื่องของเทคโนโลยีก็คือ “ระบบขนส่ง” โดยเราพบว่า ธุรกิจ Ride-Hailing ในปัจจุบันก็มีการคิดค้นบริการใหม่ ๆ ขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซกันอย่างคึกคักด้วย
ตัวอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดคือ การเปิดบริการจัดส่งสินค้าแบบด่วน (Instant Delivery) ในชื่อ GrabExpress 4 Hours สินค้าจะส่งถึงมือลูกค้าภายใน 4 ชั่วโมง ซึ่งต้องบอกว่าเบื้องหลังของการคิดค้นบริการนี้ น่าสนใจไม่น้อย เพราะมันถูกคิดค้นขึ้นเพื่อตอบโจทย์กลุ่มพ่อค้าแม่ค้าออนไลน์กันโดยเฉพาะ
ทำไมโลกอีคอมเมิร์ซถึงมองหาการส่งด่วน?
ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการของผู้บริโภค ที่ต้องการได้รับสินค้าเร็วขึ้นกว่าเดิม จากที่เคยยอมรับได้หากการจัดส่งสินค้าต้องใช้เวลา 2 – 4 วัน ปัจจุบันตัวเลขนั้นได้ลดลงมาเรื่อย ๆ จนมาสิ้นสุดทางเลื่อน ของผู้ให้บริการ ในระบบโลจิสติกส์กันที่ Same Day Delivery (ส่งเช้าถึงเย็น ส่งบ่ายถึงก่อนเที่ยงของวันรุ่งขึ้น) ซึ่งเป็นตัวเลขที่เร็วที่สุดเท่าที่มีการให้บริการในขณะนี้
แต่เมื่อความต้องการของผู้บริโภคยังไม่สิ้นสุด พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ที่อยากสร้างความโดดเด่นที่เหนือกว่าร้านค้าอื่น ๆ บนแพลตฟอร์มเดียวกัน จึงเริ่มมองหาทางเลือกใหม่ ที่สามารถจัดส่งสินค้าได้ “เร็วกว่า” Same Day Delivery ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ให้บริการ Ride-Hailing อย่าง GrabExpress 4 Hours สามารถเข้ามาตอบโจทย์ได้
ยกตัวอย่างการให้บริการของ GrabExpress 4 Hours ให้เห็นภาพชัดขึ้น เช่น พ่อค้าออนไลน์อยากจัดส่งเสื้อผ้าให้ลูกค้าจากบางนาตราดไปยังอโศก ก็สามารถกดสั่งจากแอปพลิเคชันได้เลยทันที ซึ่งหากระยะทางไม่เกิน 15 กิโลเมตร ค่าใช้จ่ายของการจัดส่งครั้งนี้ก็คือ 59 บาท ซึ่งถือว่าถูกมาก ๆ แถมยังระบุเวลาที่ต้องการให้สินค้าถึงมือลูกค้าได้อีกด้วย (ทั้งนี้ค่าส่งแบบ Same Day Delivery ของแบรนด์อื่น ๆ ในท้องตลาดจะอยู่ที่ 60 – 90 บาทเลยทีเดียว และไม่สามารถระบุเวลาจัดส่งที่แน่นอนได้ด้วย)
จุดเด่นของ GrabExpress 4 Hours อีกข้อก็คือ พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์ไม่ต้องออกจากบ้าน เพราะคนขับจะเข้าไปรับสินค้าที่บ้านได้เลย และสามารถเรียกใช้บริการได้ตลอดวัน (ระหว่าง 8.00 – 18.00 น.) โดยไม่มีการตัดรอบส่งตอน 12.00 น. เหมือนผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบ Same Day รายอื่น ๆ อีกทั้งยังสามารถส่งเป็นถุง หรือแพกเกจสินค้านั้น ๆ ได้เลยเช่นกัน
หรือถ้าใครอยากทราบว่าพัสดุส่งถึงมือลูกค้าหรือยัง ก็สามารถติดตามสถานะการจัดส่งได้จากแอปพลิเคชัน Grab โดยตรง
เงื่อนไขมีเพียงนิดเดียว นั่นคือ ขนาดของถุง (กว้าง x ยาว x สูง) ต้องไม่เกิน 45 เซนติเมตร และน้ำหนักต้องไม่เกิน 4 กิโลกรัม ซึ่งทำให้พ่อค้าแม่ค้าออนไลน์สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการซื้อกล่องลงได้อีกด้วย โดยทั้งหมดนี้คิดราคาเริ่มต้นที่ 59 บาท (ภายในระยะทาง 15 กิโลเมตร)
GrabExpress 4 Hours บอกด้วยว่า เริ่มเปิดให้บริการแล้วในกรุงเทพฯ สมุทรปรากการ นนทบุรี และปทุมธานี ซึ่งเราเชื่อว่า บริการนี้จะทำให้การแข่งขันของธุรกิจอีคอมเมิร์ซในช่วงครึ่งปีหลังของประเทศไทยดุเดือดขึ้นไม่น้อยเลยทีเดียว
#ส่งด่วนราคาดีเลือกGrabExpress #GrabExpress #GrabTH