จากกระแสข่าวช่วงปลายเดือนมิถุนายน ที่บมจ.เซ็นทรัลพัฒนา (CPN) สนใจซื้อกิจการ บมจ.สยามฟิวเจอร์ดีเวลอปเมนท์ (SF) ผู้พัฒนาและบริหารศูนย์การค้าแบบเปิดของประเทศไทย เช่น เมกา บางนา, เอสพลานาด, ลา วิลล่า, เจ.อเวนิว ซึ่งทั้ง 2 ออกมาแจ้งว่ายังอยู่ระหว่างการศึกษาเท่านั้น
แต่ล่าสุดวันนี้ (5 กรกฎาคม) สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ (SF) แจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า ได้รับแจ้งมติที่ประชุมคณะกรรมการ บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) หรือ MAJOR (ผู้ถือหุ้นใหญ่ SF) ได้มีมติอนุมัติให้ MAJOR ขายหุ้นสามัญของ SF ทั้งหมดที่ MAJOR ถืออยู่จำนวน 647,158,471 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30.36 ของ SF ให้กับ CPN ซึ่งจะกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ SF และเตรียมทำคำเสนอซื้อหุ้นที่เหลือทั้งหมดของ SF ภายหลังจากเข้าทำธุรกรรมการซื้อหุ้นจาก MAJOR เสร็จสิ้น
โดยคาดว่าจะซื้อหุ้น SF จะแล้วเสร็จภายในวันที่ 30 สิงหาคม 2564 หลังการทำรายการซื้อขายหุ้น SF ทำให้แล้วเสร็จ ทำให้โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหญ่เปลี่ยนแปลงดังนี้
โครงสร้างผู้ถือหุ้นใหม่ 5 อันดับแรก
1. CPN สัดส่วน 31.57%
2. Lucky Securities 8.09%
3. คุณนพพร วิฑูรชาติ 6.18%
4. คุณพงศ์กิจ สุทธพงศ์ 5.76%
5. คุณสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์ 4.40%
โครงสร้างผู้ถือหุ้นเดิม
1. MAJOR 30.36%
2. Lucky Securities 8.09%
3. คุณนพพร วิฑูรชาติ 6.18%
4. คุณพงศ์กิจ สุทธพงศ์ 5.76%
5. คุณสุทธิลักษณ์ จิราธิวัฒน์ 4.40%
สำหรับธุรกิจของ “เมเจอร์ ซีพีเพล็กซ์” ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนต์ (SF) และเป็นเจ้าของโรงภาพยนตร์ที่มีสาขาทั่วประเทศ 172 สาขา จำนวน 817 โรง 185,874 ที่นั่ง เจอกับความท้าทายในสถานการณ์โควิด-19 มาตั้งแต่ปี 2563 จากมาตรการล็อกดาวน์ทั่วประเทศระลอกแรกเดือนเมษายน 2563 โรงหนังถูกปิดยาว 75 วัน เป็นกิจการสุดท้ายที่ได้รับการคลายล็อก มาถึงระลอก 3 พื้นที่กรุงเทพฯ ประกาศมาตรการปิดโรงหนังมาตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 ถึงปัจจุบัน ส่งผลกระทบต่อรายได้ของเมเจอร์ฯ ให้ต้องเจอกับภาวะ “ขาดทุน”
ดูได้จากผลประกอบการ MAJOR ก่อนโควิดและช่วงโควิดของเมเจอร์ฯ ตัวเลขแตกต่างกันอย่างมาก
– ปี 2562 รายได้ 10,822 ล้านบาท กำไร 1,170 ล้านบาท
– ปี 2563 รายได้ 3,936 ล้านบาท ขาดทุน 527 ล้านบาท
– ปี 2564 (ไตรมาสแรก) รายได้ 944 ล้านบาท ขาดทุน 119 ล้านบาท
MAJOR แจ้งว่าการขายหุ้นทั้งหมดของ SF จำนวน 647,158,471 หุ้น หรือคิดเป็นร้อยละ 30.36 ให้กับ CPN ในราคาหุ้นละ 12 บาท รวมเป็นเงิน 7,765 ล้านบาท
คุณวิชา พูลวรลักษณ์ กรรมการและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ กรุ้ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการขายหุ้น SF ครั้งนี้ มองว่าเป็นการสร้างผลตอบแทนที่ดีต่อธุรกิจของเมเจอร์ฯ เและผู้ถือหุ้นทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เสริมความแข็งแกร่งเพื่อสนับสนุนแผนการขยายธุรกิจในอนาคตเพื่อต่อยอดความเป็นผู้นำธุรกิจโรงภาพยนตร์และศูนย์รวมความบันเทิงของลูกค้าทุกคนต่อไป
CPN ต่อยอด Super Regional Mall
คุณปรีชา เอกคุณากูล กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) กล่าวว่าการเข้าซื้อกิจการครั้งนี้ CPN เห็นศักยภาพในธุรกิจของ SF ซึ่งจะช่วยขยายพอร์ตโครงการศูนย์การค้าขนาดใหญ่ระดับ Super Regional Mall ของบริษัท เพิ่มขึ้นเป็น 2 แห่ง คือ เซ็นทรัล เวสต์เกต และเมกาบางนา ซึ่งทั้งสองแห่งถือเป็นโครงการที่ประสบความสำเร็จ อีกทั้งยังต่อยอดการลงทุนร่วมกับอิเกีย ซึ่งเป็นผู้นำธุรกิจค้าปลีกของโลก ต่อไปในอนาคตได้
นอกจากนี้ ยังสามารถเติมเต็ม “พอร์ต คอมมูนีตี้ มอลล์” และที่ดินรอการพัฒนา ในทำเลศักยภาพสูงทั้ง CBD ในกรุงเทพฯ และหัวเมืองใหญ่ในจังหวัดต่างๆ ด้วยการผนึกธุรกิจในเครือกลุ่มเซ็นทรัล เพื่อสร้างศูนย์กลางการใช้ชีวิต (Center of Life) ที่สมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น สร้างความสามารถในการแข่งขันและขับเคลื่อนการเติบโตของธุรกิจและสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนที่ดีต่อไปในอนาคต
การลงทุนครั้งนี้หากดูโครงสร้างเงินทุนของ CPN สามารถบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพและอยู่ในกรอบนโยบายสัดส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น หรือ Net D/E ที่ต่ำกว่า 1 เท่า ภายหลังจากการลงทุนครั้งนี้ได้ โดย CPN ยังเดินหน้าพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์รูปแบบมิกซ์ยูสต่อไป และศึกษาโอกาสการลงทุนใหม่ๆ
ปัจจุบัน บมจ.สยามฟิวเจอร์ ดีเวลอปเมนท์ หรือ SF ประกอบธุรกิจพัฒนาและบริหารจัดการศูนย์การค้า โดยมีโครงการที่ดำเนินการอยู่ทั้งหมดจำนวน 18 โครงการ ประกอบด้วย ศูนย์การค้าชุมชน ศูนย์ไลฟ์สไตล์ ศูนย์รวมสินค้าเฉพาะอย่าง ร้านค้าปลีก ศูนย์บันเทิง และการลงทุนในโครงการเมกาบางนา ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ในกรุงเทพและปริมณฑลฯ ด้วยพื้นที่เช่าเพื่อการค้าปลีกรวมกันกว่า 4 แสนตารางเมตร