อาณาจักรความงามเบอร์ 1 ของคลินิกความงาม “วุฒิ-ศักดิ์” ในปีที่ 14 ถือเป็นปีแห่งการเปลี่ยนแปลงเชิงโครงสร้างครั้งใหญ่ โดยเฉพาะ “แม่ทัพ” ที่บัญชาการรบ จากผู้บริหารที่เป็นทั้งซีอีโอและเสมือน “พรีเซ็นเตอร์” ของแบรนด์อย่าง “ณกรณ์ กรณ์หิรัญ” ที่ได้ประกาศลาออกไปอย่างเงียบๆ ในช่วงปลายปีที่ผ่านมา
เปิดทางให้หุ้นส่วนผู้ร่วมก่อตั้งอย่าง “พลภัทร จันทรวิเมลือง” ขึ้นมาทำหน้าที่ประธานเจ้าหน้าที่บริหารแทน โดยเริ่มงานในฐานะซีอีโอคนใหม่ตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่แล้วกับงานฉลองครบ รอบ 1 ปีของสาขาที่หลวงพระบาง ประเทศลาว
ล่าสุด “ประชาชาติธุรกิจ” ได้มีโอกาสพูดคุยกับ “ณกรณ์ กรณ์หิรัญ” อดีตประธานจ้าหน้าที่บริหาร
บริษัท วุฒิศักดิ์ คลินิก อินเตอร์กรุ๊ป จำกัด ซึ่งปัจจุบันได้ผันตัวเองมาทำธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ หนึ่งในนั้นคือ “สมอลล์ ฟาร์ม” ฟาร์มขนาดเล็กที่รวบรวมสัตว์ทั้งม้า แกะ หรือสัตว์พื้นเมืองอย่างโคขาวลำพูน รวมถึงรีสอร์ตสไตล์คาวบอยสำหรับรองรับนักท่องเที่ยว
“ณกรณ์” เล่าถึงสาเหตุของการลาออกจากแบรนด์ที่ตนเองได้ปลุกปั้นมากับมือตลอดระยะเวลากว่า 10 ปี จนปัจจุบันมีกว่า 120 สาขา รวมถึงในต่างประเทศอีกกว่า 10 สาขาว่า เป็นเรื่องของ “วิสัยทัศน์” ที่ไม่ตรงกันกับทางหุ้นส่วนอีก 2 คน ทั้ง “พลภัทร จันทรวิเมลือง” และ “นายแพทย์วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช” ผู้ร่วมก่อตั้งกันมา
เขาบอกว่า “แนวทางที่ผมบริหาร มันทำแล้วต้องเหนื่อยไปตลอด จึงต้องการเข้ามาเปลี่ยนแปลง”
ด้วยความเป็นมาร์เก็ตติ้งแมนแบบ “บอร์นทูบี” ทำให้การนำทิศทางของ “ณกรณ์” ตลอดช่วงที่ผ่านมา สามารถสร้างกระแสและความหวือหวาให้กับแบรนด์วุฒิ-ศักดิ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะการทำโฆษณาที่เป็นต้นแบบของการนำ “ดารา” มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ จนถึงการสร้างวลี “เพราะความสวย รอไม่ได้” ที่กลายเป็นคำติดปากไปในชั่วข้ามคืน
ที่ผ่านมาภายใต้การนำของเขา เห็นชัดว่าการทำตลาดของวุฒิ-ศักดิ์ จะเป็น “เชิงรุก” เพื่อรักษาภาพของผู้นำและสู้กับการแข่งขันที่นับวันจะรุนแรงมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการใช้เซเลบริตี้, โปรโมชั่น, การทุ่มงบฯโฆษณา จนไปถึงแคมเปญ “ทอล์กออฟเดอะทาวน์” เมื่อกลางปีที่แล้ว ที่มีการดึงดาราดัง 6 คน อาทิ เจมส์ จิรายุ,ญาญ่า ญิ๋ง ฯลฯ ออกมาเล่าเรื่องราวผ่านแนวคิด “ชีวิต…จริง ชีวิต…เปลี่ยน” เพื่อสื่อถึงว่า “ความสวย-ความหล่อ” เป็น “ความจำเป็น” ต่อการเปลี่ยนชีวิตอย่างไร
ขณะที่กลยุทธ์ของ “แม่ทัพคนใหม่” อาจดูไม่หวือหวามากนัก โดยทิศทางเน้นไปที่การ “อัพเกรด” ภาพลักษณ์ของแบรนด์ ทั้งนวัตกรรม ไลน์โปรดักต์ คุณภาพการบริการ เพื่อหวังยกระดับคุณภาพของคลินิกให้มีมาตรฐาน ภายใต้แนวคิด “อยากสวย อย่าเสี่ยง” รองรับการก้าวสู่เป็นเมดิคอลฮับของอาเซียน
วุฒิ-ศักดิ์ยุคของ “ณกรณ์” กับ “พลภัทร”จึงมีแนวทางการทำตลาดที่แตกต่างกัน
“วุฒิ-ศักดิ์ ที่ผมมองตอนนี้ด้วยปัญหาการเมืองที่ยังไม่สงบ ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับธุรกิจขณะนี้จึงมีอยู่มากพอสมควร หากเทียบกับเหตุการณ์ต่าง ๆ ที่ผ่านมา ที่แม้จะต้องเจอกับเรื่องการเมือง หรือน้ำท่วมใหญ่ แต่ก็ยังสามารถผลักดันให้ยอดขายเติบโตได้ที่ 20-30%”
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ “ณกรณ์” เคยบอกกับผู้สื่อข่าวหลายครั้งว่า อยากเกษียณการทำงานในช่วงอายุที่ไม่เยอะมาก เพราะต้องการมีเวลาทำในสิ่งที่รัก ทั้งทำฟาร์ม, ไร่ รวมไปถึงการเขียนหนังสือ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับ “ความสำเร็จ” ในการทำงานให้คนทั่วไปได้อ่าน
อย่างไรก็ตาม ด้วยทิศทางชีวิตที่พลิกผัน”เร็ว” กว่ากำหนด วันนี้กับบทบาทใหม่ในธุรกิจใหม่ เขายังเดินหน้าขับเคลื่อนธุรกิจตามสไตล์ โดยจากนี้ยังเตรียมพัฒนาโครงการอีกแห่งที่สมุย เพื่อเจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวเช่นกัน
วันนี้แม้จะใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการดูแลกิจการใหม่ของตัวเอง แต่เขายังคงไป ๆ มา ๆ ระหว่างกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ เพราะก็ยังคงนั่งในตำแหน่ง “ผู้ถือหุ้น” ในวุฒิ-ศักดิ์อยู่เช่นเดิม
“คนมักเข้าใจว่าผมขายหุ้นทิ้งหมดแล้ว แต่จริงๆ ผมขายให้กองทุนไป 10%”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ข้อมูลโครงสร้างผู้ถือหุ้นของวุฒิ-ศักดิ์ในปีที่ผ่านมา ประกอบไปด้วยบริษัท ไวส์ ไทย จำกัด มีสัดส่วนการถือหุ้น 34.810%, นายพลภัทร จันทรวิเมลือง และ น.พ.วุฒิศักดิ์ ลิ่มพานิช
ในสัดส่วนคนละ 23.7413% และนายณกรณ์ กรณ์หิรัญ 17.7071%
คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่า “วุฒิ-ศักดิ์” ภายใต้การกุมบังเหียนของ “พลภัทร” ที่นำพาวุฒิ-ศักดิ์ในทิศทางใหม่ จะสามารถตอบโจทย์ตลาดความงามมูลค่าเกือบ 3 หมื่นล้านบาท และยังยึดตำแหน่ง “ท็อป
ออฟมายแบรนด์” ในใจของหนุ่มสาวที่อยากสวยอยากหล่อเหมือนเดิมหรือไม่
จากการแข่งขันในสมรภูมินี้ที่สุดร้อนแรง รายล้อมด้วยคู่แข่งที่จ้องจะล้มแชมป์และขึ้นมาเป็นเบอร์ 1 ให้จงได้
Partner : ประชาชาติธุรกิจ