HomeBrand Move !!“ซัมซุง” เผยสูตรลับปั้นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ Galaxy Z Fold3-Flip3 5G ให้ปัง จนยอดพุ่ง 8 เท่า

“ซัมซุง” เผยสูตรลับปั้นสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ Galaxy Z Fold3-Flip3 5G ให้ปัง จนยอดพุ่ง 8 เท่า

แชร์ :

คุณสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กรกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด

การเติบโตของสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในไทยโดยเฉพาะสมาร์ทโฟนพับได้เจเนอเรชั่นที่ 3 อย่าง Galaxy Z Fold3 และ Flip3 5G ของ “ซัมซุง” ถือว่าน่าจับตามองอย่างมาก เพราะแค่เปิดตัวเพียงไม่กี่วัน ยอดพรีออเดอร์ก็พุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์ แซงยอดขายมือถือตระกูล Z นับตั้งแต่เปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ครั้งแรกเมื่อปี 2562 และหากเทียบยอดจองล่าสุดถือว่าพุ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้านี้ถึง 8 เท่า พร้อมทั้งเชื่อด้วยว่าสมาร์ทโฟนจอพับได้จะกลายเป็นสมาร์ทโฟนกระแสหลักมากขึ้น รวมถึงช่วยผลักดันส่วนแบ่งตลาดมือถือในเซ็กเม้นต์พรีเมี่ยมของซัมซุงให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

อะไรคือปัจจัยที่ทำให้ Galaxy Z Fold3 และ Flip3 5G ยอดจองทะลุ คุณสิทธิโชค นพชินบุตร รองประธานองค์กรกลุ่มธุรกิจโทรคมนาคมและไอที บริษัท ไทยซัมซุง อิเลคโทรนิคส์ จำกัด พร้อมไขคำตอบให้ฟัง

ตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้โตแรงสวนตลาด

ปัจจุบันตลาดสมาร์ทโฟนในตลาดโลกเริ่มกลับมาเติบโตอีกครั้งหลังจากอยู่ในภาวะทรงตัวมาหลายปี จากการสำรวจตลาดในครึ่งปีแรกพบว่า ตลาดสมาร์ทโฟนทั่วโลกมีการเติบโตอยู่ที่ 11% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เพราะเมื่อถึงเวลาคนก็จำเป็นต้องเปลี่ยนมือถือใหม่ ขณะที่ภาพรวมตลาดสมาร์ทโฟนในไทยยังทรงตัว มีการเติบโตในเชิงปริมาณเพิ่มขึ้นประมาณ 1% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า แต่ตัวเลขสมาร์ทโฟนกลุ่มพรีเมี่ยม ซึ่งมีสัดส่วน 10% ของตลาดรวม มีการเติบโตสวนตลาดด้วยอัตราการเติบโตในเชิงมูลค่าเพิ่มขึ้น 11% ขณะที่ตลาดสมาร์ทโฟนระดับล่าง (ราคาเฉลี่ย 20,000 บาทลงมา) ซึ่งมีสัดส่วน 90% ของตลาด ยอดขายหดตัวประมาณ 4%

เมื่อเจาะลึกในตลาดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ เป็นตลาดที่มีการเติบโตแบบก้าวกระโดดในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ข้อมูลจากบริษัทวิจัยทางการตลาดพบว่า ในปี 2564 สมาร์ทโฟนจอพับได้จะมียอดจำหน่ายกว่า 6.5 ล้านเครื่อง เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมากว่า 3 เท่าตัว หรือมีการเติบโตอยู่ที่ 113% ต่อปี และคาดการณ์ยอดขายว่าจะเพิ่มเป็น 65 ล้านเครื่องภายในปี 2568

ต้นเหตุที่ทำให้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้มาแรง เหตุผลหลักๆ มาจาก “นวัตกรรม” ที่ตรงความต้องการผู้บริโภคในปัจจุบัน และเมื่อได้ลองใช้งานแล้ว ผู้บริโภคส่วนใหญ่มักจะใช้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ต่อเนื่อง เนื่องจากหน้าจอที่มีขนาดใหญ่ทำให้ใช้งานได้สะดวกสบายมากขึ้น

3 กลยุทธ์ ดันยอดขายพุ่ง 8 เท่า

สมาร์ทโฟนพับได้ของซัมซุงนั้นเปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2562 ในชื่อ Galaxy Fold ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการแข่งขันในตลาดสมาร์ทโฟนเซ็กมันต์ใหม่ และล่าสุดปีนี้ได้เปิดตัวสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้เจเนอเรชั่นที่ 3 เข้าสู่ตลาด 2 รุ่นได้แก่ Galaxy Z Fold3 และ Flip3 5G ซึ่งเดิมทีตั้งเป้ายอดจองไว้ 4 เท่า แต่ยอดจองล่าสุดกลับพุ่งทะลุ 8 เท่าไปแล้ว เกินเป้าหมายที่วางไว้ และหากเทียบกับประเทศอื่นๆ ใน Southeast Asia ไทยอยู่ใน Top 3 ในแง่ยอดจอง ขณะเดียวกัน ตัวเลขลูกค้าใหม่ที่ Switching จากแบรนด์อื่นก็เพิ่มขึ้นด้วย จาก 20% รุ่นก่อนหน้า เพิ่มเป็น 30% ซึ่งเหตุผลสำคัญที่ทำให้สมาร์ทโฟนทั้ง 2 รุ่นนี้ได้รับการตอบรับเกินคาด มาจาก 3 กลยุทธ์หลักคือ

1.จับ “อินไซต์” ผู้ใช้สู่การออกแบบ “นวัตกรรม” ที่แตกต่าง

Galaxy Z Flip3 5G

ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ตลาดสมาร์ทโฟนพับได้ในไทยแม้จะมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง แต่การตอบรับของผู้บริโภคอาจไม่ได้มากมายนัก เหตุผลส่วนหนึ่งมาจากการใช้งานที่ยังไม่ตอบโจทย์มากนัก นั่นจึงทำให้ซัมซุงให้ความสำคัญกับการรับฟังเสียงของผู้บริโภคที่ใช้งานรุ่นก่อน และนำมาปรับปรุงสมาร์ทโฟนจอพับได้ให้ตรงใจผู้บริโภคมากขึ้น จนในที่สุดก็กลายเป็นสมาร์ทโฟน Galaxy Z Fold3 และ Flip3 ที่หลอมรวมนวัตกรรมที่แตกต่างครบครันในเครื่องเดียว ทั้งหน้าจอใหญ่ขึ้น ที่สามารถจะทำงาน ชมคอนเทนต์ และเล่นเกมได้สะดวกสบาย ทั้งยังมีการนำกล้องใต้หน้าจอมาใช้งาน ทำให้ใช้งานได้เต็มตา แถมยังรองรับการใช้งาน S Pen ที่เป็นฟีเจอร์หลักของ Galaxy Note เดิม

2.ปรับราคาให้ Affordable เข้าถึงง่ายกว่าเดิม

อีกเหตุผลที่ทำให้ยอดจองสมาร์ทโฟนพับได้รุ่นนี้พุ่งสูงเป็นประวัติการณ์ คือ การปรับราคาลดลงให้ Affordable ทำให้ผู้บริโภคเข้าถึงผลิตภัณฑ์ได้ง่ายขึ้น โดย Galaxy Z Flip3 ราคาเริ่มต้นอยู่ที่ 34,900 บาท ซึ่งราคาปรับลงประมาณ 10,000 บาท เมื่อเทียบกับ Galaxy Z Flip เดิมที่มีราคา 44,900 บาท ทั้งยังมีการทำ Trade-in นำสมาร์ทโฟนเครื่องเก่ามาเป็นส่วนลดแลกซื้อเครื่องใหม่ผ่านช่องทางออนไลน์ได้

3.เปลี่ยนกลยุทธ์การสื่อสารการตลาดรูปแบบใหม่

ไม่ใช่แค่ปรับผลิตภัณฑ์และราคาใหม่เท่านั้น แต่ซัมซุงยังเปลี่ยนกลยุทธ์การทำตลาดและการวางตำแหน่งผลิตภัณฑ์ใหม่ จากเดิมที่จัดสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ไว้ในหมวดหมู่ลักซ์ชัวรีเซกเมนต์ (Luxury Segment) และทำการสื่อสารกับลูกค้าเฉพาะกลุ่ม มาเป็นการทำการตลาดในรูปแบบ “Cultural COOL Marketing” เพื่อสร้างความใกล้ชิดกับผู้บริโภคในวงกว้าง

โดยดึงศิลปินไอดอลเกาหลีวง BTS ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วโลกมาเป็นแบรนด์แอมบาสเดอร์ พร้อมทำมิวสิควิดีโอพิเศษเพื่อการเปิดตัว Galaxy Z Flip3 5G โดยเฉพาะ รวมถึงร่วมมือกับอินฟลูเอนเซอร์ในไทยให้มาร่วมถ่ายทอดประสบการณ์การใช้งานสมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้ในแบบตนเอง ด้วยเป้าหมายที่จะให้สมาร์ทโฟนหน้าจอพับได้กลายเป็นสมาร์ทโฟนกระแสหลักมากกว่าเดิม

จากยอดขายที่สูงเป็นประวัติการณ์นี้ ทำให้ซัมซุงเปิดให้สั่งจอง Galaxy Z Fold3 และ Flip3 5G ล่วงหน้าอีกรอบผ่านทาง Samsung.com และ Samsung Experience Store อีกครั้ง เริ่มตั้งแต่วันที่ 15 กันยายนเป็นต้นไป พร้อมทั้งเชื่อว่า สมาร์ทโฟนทั้ง 2 นี้จะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลงในตลาดและช่วยให้ส่วนแบ่งตลาดในเซ็กเม้นต์พรีเมี่ยมของซัมซุงแข็งแกร่งยิ่งขึ้น


แชร์ :

You may also like