“แม็คโคร” เตรียมขายหุ้นสามัญแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) หลังสำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง ผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิจองซื้อจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิม ส่วนผู้จองซื้อรายย่อยจัดสรรแบบ Small Lot First (แบบเดียวกับ OR และ TIDLOR) เปิดจองซื้อผ่านทางออนไลน์และสาขาของตัวแทนจำหน่ายหุ้นและตัวแทนรับจองซื้อ
หลังจากกลุ่มซีพี ของเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ปรับโครงสร้างธุรกิจค้าปลีกค้าส่งด้วยการโยกกิจการกลุ่ม Lotus’s ในประเทศไทยและมาเลเซีย มูลค่ารวม 217,949 ล้านบาท ไปอยู่ภายใต้ “แม็คโคร” เพื่อขยายช่องทางค้าปลีกเครือซีพีในตลาดโลก
ล่าสุด บมจ.สยามแม็คโคร หรือ MAKRO และกลุ่มโลตัสส์ (Lotus’s) ผู้ประกอบการธุรกิจค้าส่งและค้าปลีกอาหารและสินค้าอุปโภคบริโภค เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมไม่เกิน 2,270 ล้านหุ้น หลังสำนักงาน ก.ล.ต. นับหนึ่งไฟลิ่ง ดีเดย์ขึ้นเครื่องหมาย XB วันแรกวันที่ 22 พฤศจิกายนนี้
โดยกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นบางส่วนจากหุ้นสามัญของ MAKRO ทั้งหมดที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (PO) ให้แก่ผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 3 บริษัทดังกล่าวเป็นวันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ ซึ่งจะจัดสรรตามสัดส่วนการถือหุ้นสามัญเดิม ผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้นทางออนไลน์และสาขาทั่วประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพ
ส่วนนักลงทุนรายย่อยจัดสรรด้วยวิธี Small Lot First ผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้นทางออนไลน์และสาขาทั่วประเทศของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพ และ TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที
MAKRO เจ้าของธุรกิจค้าส่งค้าปลีก
คุณสุชาดา อิทธิจารุกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มธุรกิจสยามแม็คโคร (ธุรกิจค้าส่ง) เปิดเผยว่า MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์แล้วเสร็จเมื่อวันที่ 25 ตุลาคม 2564 ส่งผลให้ MAKRO มีธุรกิจแบบครบวงจร ครอบคลุมธุรกิจค้าส่งแบบ B2B (Business to Business หรือ การค้ากับผู้ประกอบการ) ธุรกิจค้าปลีกแบบ B2C (Business to Consumer หรือ การค้ากับผู้บริโภค) และธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้าในประเทศไทยและประเทศมาเลเซีย ช่วยเพิ่มโอกาสและศักยภาพในการขยายตลาดต่างประเทศ
ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 MAKRO มีศูนย์จำหน่ายสินค้ารวม 145 สาขา ประกอบด้วย สาขาในไทย 138 สาขา และต่างประเทศ 7 สาขา ได้แก่ กัมพูชา อินเดีย (ภายใต้แบรนด์ “LOTS Wholesale Solutions”) จีน และเมียนมาร์ และมีการจำหน่ายสินค้าผ่านแพลตฟอร์ออนไลน์ ได้แก่ เว็บไซต์ Makroclick.com Makro Application และ Makro Line Official Account
ส่วนกลุ่มโลตัสส์ ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีร้านค้ารวม 2,164 แห่งทั่วประเทศไทย ประกอบด้วย ร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 222 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 192 แห่ง และมินิซูเปอร์มาร์เก็ต 1,750 แห่ง ธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในไทย 199 แห่ง มีพื้นที่รวม 720,000 ตารางเมตร (ไม่รวมศูนย์การค้าที่ลงทุนโดยกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าโลตัสส์ รีเทล โกรท (LPF) รวม 23 แห่ง)
นอกจากนี้ กลุ่มโลตัสส์ยังเป็นผู้ประกอบการในธุรกิจค้าปลีกและธุรกิจบริหารพื้นที่เช่าภายในศูนย์การค้าในประเทศมาเลเซียที่ดำเนินธุรกิจผ่าน Lotus’s Malaysia ซึ่งเป็นบริษัทย่อย โดย ณ วันที่ 30 กันยายน 2564 มีร้านไฮเปอร์มาร์เก็ต 46 แห่ง ซูเปอร์มาร์เก็ต 16 แห่ง และบริหารพื้นที่เช่าในศูนย์การค้า 57 แห่ง คิดเป็นพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวมประมาณ 296,000 ตารางเมตร มีอัตราเช่าพื้นที่ 92%
จากการรับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์ จะสร้างมูลค่าเสริมศักยภาพซึ่งกันและกัน (Synergy) ช่วยลดการลงทุนซ้ำซ้อนในระบบหน่วยงานสนับสนุน (Back Office) โดยจะร่วมมือกันพัฒนาร้านค้าและช่องทางจำหน่ายสินค้าแบบ Omni-Channel ให้ครอบคลุมหลากหลายประเทศในภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียนที่ยังมีอัตราการเข้าถึงร้านค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคสมัยใหม่ในระดับต่ำ เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมาร์ เวียดนาม (CLMV) อินเดีย เป็นต้น ผ่านการพัฒนาแพลตฟอร์ม O2O ที่เป็นการผสมผสานระหว่างช่องทางออฟไลน์และออนไลน์ ในกลุ่มสินค้าอาหารสดและสินค้าอุปโภคบริโภค
โดยจะใช้แพลตฟอร์มทางธุรกิจที่แข็งแกร่งในไทย ต่อยอดสร้างแพลตฟอร์มค้าส่งและค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคหลากหลายรูปแบบในทวีปเอเชีย โดยเน้นภูมิภาคเอเชียใต้และอาเซียน
แม็คโคร-โลตัสส์ รวมรายได้ 4.29 แสนล้าน
ส่วนผลการดำเนินงานตามข้อมูลทางการเงินรวมงวด 9 เดือนแรกปี 2564 ซึ่งรวมงบการเงินในอดีตของกลุ่มโลตัสส์หลังปรับปรุงรายการเกี่ยวกับการซื้อขายธุรกิจเทสโก้และธุรกรรมการจัดหาเงิน รวมถึงปรับปรุงรายการที่เกี่ยวข้องกับการทำธุรกรรมการรับโอนกิจการทั้งหมด การจัดสรรหุ้นเพิ่มทุนให้กับบุคคลในวงจำกัด และธุรกรรมการรีไฟแนนซ์ มีรายได้รวม 319,563 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิ 5,344 ล้านบาท
ขณะที่ผลการดำเนินงานในปี 2563 MAKRO มีรายได้รวม 218,760 ล้านบาท และกำไรอยู่ที่ 6,524 ล้านบาท ขณะที่ บจ. ซี.พี. รีเทล ดีเวลลอปเม้นท์ ซึ่งเป็นบริษัทโฮลดิ้งที่ถือหุ้นในกิจการโลตัสส์ในไทยและมาเลเซีย มีรายได้รวมเสมือน 211,107 ล้านบาท และกำไรรวม 1,514 ล้านบาท
หลังจากการรับโอนกิจการ MAKRO จะกลายเป็นบริษัทที่มีรายได้รวมถึง 429,867 ล้านบาท
ขึ้นแท่นค้าปลีกเบอร์ 2 เอเชีย
การที่ MAKRO รับโอนกิจการทั้งหมดของกลุ่มโลตัสส์เป็นการปรับโฉมทางธุรกิจ โดยมีตำแหน่งทางการตลาด (Market Positioning) และกลยุทธ์ที่จะเพิ่มศักยภาพและโอกาสการขยายธุรกิจในระดับภูมิภาค รวมถึงยกระดับเป็นผู้ประกอบการค้าปลีกและค้าส่งรายใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เมื่อพิจารณาจากยอดขายค้าปลีกในปี 2563 อยู่ที่ 1.29 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
โดย MAKRO ถือเป็นผู้ประกอบการค้าส่งรายใหญ่อันดับ 2 ในเอเชีย เมื่อพิจารณาจากยอดขายปี 2563 ขณะที่กลุ่มโลตัสส์เป็นผู้ประกอบธุรกิจค้าปลีกสินค้าอุปโภคบริโภคชั้นนำ ที่มีร้านค้าหลากหลายรูปแบบอยู่ทั่วประเทศ และเป็นผู้ประกอบการชั้นนำที่ดำเนินธุรกิจร้านไฮเปอร์มาร์เก็ตในศูนย์การค้าของบริษัทฯ ในประเทศไทยและมาเลเซีย
จัดสรรหุ้นรายย่อยแบบ Small Lot First
คุณวีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ผู้บริหารสายงาน Investment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า หลังจาก MAKRO ได้ยื่นแบบคำขออนุญาตเสนอขายหลักทรัพย์และแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ (แบบไฟลิ่ง) ต่อสำนักงาน ก.ล.ต. เพื่อเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนและหุ้นสามัญเดิมแก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) จำนวนไม่เกิน 2,270,000,000 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้ (พาร์) หุ้นละ 0.50 บาท ปัจจุบันสำนักงาน ก.ล.ต. ได้นับหนึ่งแบบไฟลิ่งเป็นที่เรียบร้อย
การเสนอขายหุ้นสามัญครั้งนี้ จะทำให้สามารถเพิ่มสัดส่วนการกระจายการถือหุ้นโดยผู้ถือหุ้นรายย่อย (Free Float) เป็นไม่ต่ำกว่า 15% ของทุนจดทะเบียนชำระแล้ว ตามเกณฑ์ขั้นต่ำของตลาดหลักทรัพย์ฯ ซึ่งจะส่งผลดีต่อการเพิ่มสภาพคล่องในการซื้อขายหุ้นของบริษัทฯ อีกทั้งส่งผลให้หุ้น MAKRO เป็นที่สนใจของนักลงทุนสถาบันทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงมีโอกาสได้รับเลือกเข้าสู่การคำนวณในดัชนีที่สำคัญต่าง ๆ
โดย MAKRO จะนำเงินจากการระดมทุนไปใช้ขยายธุรกิจค้าปลีกและค้าส่งทั้งในไทยและต่างประเทศ รวมถึงนำไปชำระเงินกู้ยืมสถาบันการเงินบางส่วน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินกิจการต่อไป
การเสนอขายหุ้นสามัญ MAKRO แก่ผู้จองซื้อรายย่อย จะจัดสรรหุ้นด้วยวิธี Small Lot First ด้วยระบบคอมพิวเตอร์ของ บริษัท เซ็ทเทรด ดอท คอม จำกัด (SETTRADE) โดยจองซื้อผ่านตัวแทนจำหน่ายหุ้น (Selling Agents) 3 ราย
1. แอปพลิเคชัน SCB Easy
2. แอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking
3. แอปพลิเคชัน TrueMoney Wallet โดยบริษัทหลักทรัพย์ เคทีบีเอสที
โดย MAKRO จะแจ้งช่วงราคาเสนอขายเบื้องต้นให้ทราบ หลังจากได้รับอนุมัติแบบคำขอเสนอขายหลักทรัพย์และแบบไฟลิ่งมีผลใช้บังคับแล้ว
เกณฑ์จัดสรรผู้ถือหุ้นเดิม MAKRO CPALL CPF
คุณพิเชษฐ สิทธิอำนวย กรรมการผู้อำนวยการ บริษัทหลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน และผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย กล่าวว่า สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO CPALL และ CPF ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้นบางส่วนจากหุ้นสามัญของ MAKRO ทั้งหมดที่จะเสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป (Public Offering หรือ PO) ได้กำหนดให้วันที่ 22 พฤศจิกายน 2564 เป็นวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XB วันแรก กล่าวคือผู้ที่ซื้อหุ้นสามัญของ MAKRO และ CPALL และ CPF ในวันดังกล่าวข้างต้นเป็นต้นไป จะไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ที่เสนอขายในครั้งนี้
วันที่ 23 พฤศจิกายนนี้ จะเป็นวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นเดิม (Record Date) ของ MAKRO CPALL และ CPF ที่จะได้รับการจัดสรรหุ้น ซึ่งมีอัตราส่วนการใช้สิทธิ (Ratio) จองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO ที่มีการกำหนดไว้ดังนี้
1. ผู้ถือหุ้นเดิมของ MAKRO ในอัตราส่วน 10 หุ้นสามัญของ MAKRO ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
2. ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPALL ในอัตราส่วน 15 หุ้นสามัญของ CPALL ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
3. ผู้ถือหุ้นเดิมของ CPF ในอัตราส่วน 70 หุ้นสามัญของ CPF ต่อ 1 หุ้นสามัญของ MAKRO ที่เสนอขาย
ส่วนผู้ถือหุ้นเดิมที่ได้รับสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ MAKRO สามารถจองซื้อผ่านตัวแทนรับจองซื้อหุ้น (Subscription Agents) 2 ราย ได้แก่ การจองซื้อผ่านแอปพลิเคชัน SCB Easy และแอปพลิเคชัน Bangkok Bank Mobile Banking หรือในกรณีที่ไม่สะดวกจองซื้อผ่านช่องแอปพลิเคชันดังกล่าวข้างต้น ผู้ถือหุ้นเดิมสามารถจองซื้อได้ที่สาขาของธนาคารไทยพาณิชย์และธนาคารกรุงเทพ ทุกสาขาทั่วประเทศไทย โดยสามารถจองซื้อตามสิทธิที่ได้รับจัดสรร หรือเกินกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรร โดยไม่กำหนดจำนวนจองซื้อสูงสุดของการจองซื้อหุ้นเกินกว่าสิทธิที่ได้รับการจัดสรร) หรือน้อยกว่าสิทธิที่ได้รับจัดสรรก็ได้
การจัดสรรหุ้นจะจัดสรรโดยระบบของ SETTRADE จะจัดสรรหุ้นตามสิทธิที่ได้รับแก่ผู้ถือหุ้นเดิมทุกรายที่จองซื้อในรอบแรก โดยสิทธิในการได้รับจัดสรรหุ้นสามัญเกินกว่าสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมทั้ง 3 บริษัทแต่ละราย จะคำนวณจากการนำสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมของทั้ง 3 บริษัทที่แสดงความจำนงจองซื้อเกินกว่าสิทธิที่ยังได้รับการจัดสรรไม่ครบในแต่ละรอบมารวมกัน และจะจัดสรรเพิ่มแก่ผู้จองซื้อเกินกว่าสิทธิของผู้ถือหุ้นเดิมใน MAKRO CPALL และ CPF จนกว่าหุ้นจะหมดหรือครบตามจำนวนที่มีผู้ถือหุ้นเดิมใช้สิทธิจองซื้อ ทั้งนี้จะเป็นไปตามรายละเอียดตามที่เปิดเผยในไฟลิ่ง
ส่วนกรณีที่ผู้จองซื้อหุ้นรายเดียวกันยื่นใบจองซื้อมากกว่า 1 ใบ ระบบการจัดสรรของ SETTRADE จะรวมจำนวนหุ้นที่จองซื้อจากทุกใบจองเป็นยอดเดียว สำหรับผู้ถือหุ้นเดิมที่มีสิทธิจองซื้อหุ้นสามัญ สามารถตรวจสอบสิทธิที่ได้รับจัดสรรทาง www.settrade.com ได้ตั้งแต่วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เป็นต้นไป รวมถึงสามารถติดตามข่าวสารเพิ่มเติมได้ทางเว็บไซต์ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย www.set.or.th
อ่านเพิ่มเติม