ผลวิจัยจาก DHL ชี้ กลุ่มเยาวชนในเอเชียมีความเครียดและความวิตกกังวลในการหางานสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่ในขณะเดียวกัน ก็พบว่าคนรุ่นใหม่สนใจงานอาชีพอย่าง แพทย์ หรือพยาบาลเพิ่มขึ้น เพราะที่ผ่านมา บุคลากรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก
ผลวิจัยดังกล่าวจัดทำโดยกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล ผู้นำด้านบริการลอจิสติกส์ผ่านการสำรวจความคิดเห็นทางออนไลน์เป็นเวลา 3 สัปดาห์ และได้รวบรวมคำตอบจากเยาวชนอายุ 15 ปีขึ้นไปกว่า 950 คนจาก 7 ประเทศ ได้แก่ ไทย กัมพูชา อินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย ศรีลังกา และเวียดนาม โดยเป็นส่วนหนึ่งของโครงการ GoTeach ของกลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล และได้รับการสนับสนุนจากเครือข่ายพันธมิตรระดับโลกเช่น มูลนิธิเด็กโสสะ (SOS Children’s Villages) และ Teach For All
สิ่งที่ผลการศึกษาพบก็คือ กว่า 90% ของเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามรู้สึก “วิตกกังวล” หรือ “วิตกกังวลอย่างมาก” เกี่ยวกับความสามารถของตนเองในการหางาน โดยเกือบ 95% ยอมรับว่าการแพร่ระบาดส่งผลกระทบต่อกระบวนการหางาน อย่างไรก็ตาม เยาวชนเหล่านี้ยังคงมีความรู้สึกเชื่อมั่น และมองโลกในแง่ดี โดย 88% เชื่อว่าตนเองมีความพร้อมที่จะเข้าสู่ตลาดแรงงาน และกว่า 70% คาดว่าจะสามารถหางานได้ในระยะเวลาไม่ถึง 6 เดือนหลังจากที่จบการศึกษา
“ธุรกิจส่วนตัว” มาอันดับหนึ่ง
ทั้งนี้ เยาวชนกว่า 360 คน รู้สึกว่าการทำงานในสายด้านสาธารณสุขและการแพทย์ เช่น แพทย์ หรือพยาบาล เป็นอาชีพที่มั่นคงที่สุดในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เพราะที่ผ่านมาจะเห็นได้ว่าบุคลากรเหล่านี้มีบทบาทสำคัญอย่างมากในการต่อสู้กับการแพร่ระบาดที่เกิดขึ้นทั่วโลก ขณะที่ตำแหน่งงานในภาคการศึกษาหรือภาครัฐตามมาเป็นอันดับที่สอง
แต่ประเด็นที่น่าสนใจก็คือ เมื่อถามว่างานแรกที่อยากทำมากที่สุดคืออะไร มากกว่า 20% ตอบว่าอยากทำธุรกิจส่วนตัว เปรียบเทียบกับ 14% ที่เลือกสายงานด้านสาธารณสุขและการแพทย์ ซึ่งที่จริงแล้ว ตำแหน่งงานในภาคการศึกษา และธุรกิจโรงแรม/ท่องเที่ยว ครองอันดับที่สองและสาม ส่วนการแพทย์อยู่ในอันดับที่สี่
นอกจากนั้นยังพบว่า 53% ของผู้ตอบแบบสอบถาม เปิดรับการทำงานแบบฟรีแลนซ์ หรือสัญญาชั่วคราวด้วย
สำหรับอาชีพที่มั่นคงสำหรับทุกสถานการณ์ในมุมมองของเยาวชนคือ
- บุคลากรทางการแพทย์ 32%
- ครู อาจารย์ 22%
- ข้าราชการ 21%
- เจ้าหน้าที่ธนาคาร 13%
- พนักงานโลจิสติกส์ 12%
อยากทำงานกับบริษัทที่ท้าทาย
เมื่อได้การตอบรับในการเข้าทำงาน “โอกาสในการเรียนรู้ และความท้าทาย” เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดในการพิจารณาตกลงการเข้าทำงาน ตามด้วย “ความมั่นคงของงาน” โดยผู้ตอบแบบสอบถามเกือบ 20% ระบุว่าปัจจัยนี้มีความสำคัญอย่างมาก และที่ไม่น่าแปลกใจคือ ราว 38% ของเยาวชนที่ตอบแบบสอบถามมองว่าวิธีการแบบเดิม ๆ เช่น การฝึกงาน เป็นวิธีที่มีประโยชน์ในการเตรียมความพร้อมสำหรับการทำงาน รวมถึงคำแนะนำจากผู้สอนงานและอาจารย์ก็นับเป็นตัวช่วยที่สำคัญเช่นกัน ส่วนเว็บไซต์หางานออนไลน์ แม้จะเป็นที่แพร่หลายในปัจจุบัน แต่ถูกมองว่าเป็นช่องทางที่มีประโยชน์น้อยที่สุด เพราะไม่มีการสร้างความสัมพันธ์ส่วนบุคคลเหมือนกับการเป็นพนักงานฝึกหัด หรือการที่มีคนช่วยแนะนำในการเข้าทำงาน
“ทักษะสื่อสาร-ภาษา” จำเป็นในโลกการทำงาน
นอกเหนือจากทักษะด้านเทคนิคและความถนัดเฉพาะทางแล้ว 45% ของผู้ตอบแบบสอบถามมองว่า ทักษะการสื่อสารระหว่างบุคคลก็มีความสำคัญเช่นกัน ขณะที่ 30% คิดว่าทักษะด้านภาษาจะช่วยในการหางานได้ง่ายขึ้น
คุณเฮอร์เบิต วงษ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า “แม้ว่าชีวิตการทำงาน และชีวิตความเป็นอยู่ของทุกคนจะได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาด แรงงานดิจิทัลก็ยังเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจดิจิทัลของประเทศ”
“ข้อมูลจากสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (NESDC) เผยว่ามีจำนวนผู้ว่างงานทั้งสิ้น 870,000 คนในไตรมาสที่สามของปี 2564 และผู้จบการศึกษาระดับอุดมศึกษามีอัตราการว่างงานสูงสุด (3.63%) ตามด้วยผู้จบการศึกษาระดับปวส. (3.16%) ซึ่งสอดคล้องกับผลการสำรวจของ DHL โดยที่ DHL เราได้จัดตั้งโครงการ GoTeach ซึ่งเป็นแนวทางในการการสนับสนุนเยาวชนด้วยการช่วยให้พวกเขาค้นพบความสามารถเพื่อโอกาสในการทำงานที่ดียิ่งขึ้น”
โทมัส ทีเบอร์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารดีเอชแอล โกลเบิล ฟอร์เวิร์ดดิ้ง เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กล่าวว่า “คนรุ่นใหม่ในตลาดแรงงานอาจรู้สึกวิตกกังวลกับความไม่แน่นอนของอาชีพการงาน ราว 66% ของคนไทยเผยว่าภาวะการว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นสาเหตุของความเครียด ขณะที่อีก 62% มองว่าเป็นผลมาจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยติดต่อกันเป็นเวลานาน โครงการ GoTeach ของเราจึงให้ความสำคัญกับการให้คำปรึกษา ทักษะการแก้ปัญหา และการบริหารจัดการความเครียดเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเยาวชน และเพื่อสร้างแรงบันดาลใจในอนาคตการทำงานของเยาวชน ดีเอชแอลจึงได้เชิญผู้ประกอบการรุ่นใหม่จากแบรนด์ Chaksarn และ ZeroMoment Refillery มาร่วมแบ่งปันประสบการณ์เส้นทางการสร้างธุรกิจตั้งแต่เริ่มต้น เราหวังว่าจะสามารถเป็นสปริงบอร์ดให้กับคนรุ่นใหม่ในการพัฒนาอนาคตการทำงานจากประสบการณ์และการสนับสนุนของทีมงานอาสาสมัครดีเอชแอล”
ทั้งนี้ กลุ่มบริษัท ดอยช์ โพสต์ ดีเอชแอล มีการนำ 1% ของกำไรสุทธิทุกปีมาดำเนินโครงการช่วยเหลือสังคม ปีที่ผ่านมาพนักงานกว่า 104,000 คนทั่วโลกได้มีส่วนร่วมในการสนับสนุนโครงการมากกว่า 2,000 โครงการ โดยมีพนักงานจากทุกฝ่ายตั้งแต่ผู้ฝึกงานจนถึงคณะกรรมการบริหารเข้าร่วม