หากคุณลองเปิดตู้เสื้อผ้าออกดู เชื่อเหลือเกินว่า คุณจะพบเสื้อผ้าสีดำอัดแน่นอยู่เต็มตู้, มันเป็นธรรมชาติของมนุษย์ที่สีดำมักเป็นสีที่เราสวมใส่และซื้อมาบ่อยที่สุด เพราะ สีดำเป็นสีที่เข้าได้กับทุกสีผิวทุกสีผมทุกรูปร่างและดูสง่าดูดีไม่ว่าจะใส่คู่กับสีใดก็ตาม สีดำจึงเป็นสียอดนิยมของทั้งเครื่องประดับและเครื่องแต่งกาย อย่างไรก็ตาม คุณไม่คิดบ้างเหรอว่า มันเป็นสีที่น่าเบื่อและจำเจ
ในอุตสาหกรรมความสวยความงาม นวัตกรรมแทบทั้งหมดมักเกี่ยวข้องกับเรื่องสีสัน แต่เรื่องจริงที่น่าขบขันคือ ยอดขายแฟชั่นส่วนใหญ่กว่า ร้อยละ 83 ตกเป็นของสีพื้นๆอย่างสีดำ (ร้อยละ 44) สีขาว (ร้อยละ 27) และสีเทา (ร้อยละ 12) A. S. Colour บริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับเสื้อผ้าระดับสูง (high-end)แห่งภูมิภาคโอเชียเนีย หรือ ออสตราเลเซีย ได้เห็นถึงปัญหาดังกล่าว และมองว่ามันเกิดจากการที่คนส่วนใหญ่ขาดความมั่นใจในการใส่เสื้อผ้าสีสันต่างๆ ดังนั้นเอง พวกเขาจึงได้ร่วมมือกับเอเจนซี FCB Auckland ทำการประดิษฐ์เครื่องวิเคราะห์สีด้วยระบบดิจิตอลชิ้นแรกของโลก ขึ้นมาติดตั้งไว้ที่หน้าสาขา Britomart ในประเทศนิวซีแลนด์ เพื่อช่วยเหลือผู้บริโภคในการเปลี่ยนลุคการแต่งตัวออกจากเสื้อผ้าสีพื้นๆเดิมๆอย่าง ดำ ขาว และเทา
เครื่องดังกล่าวมีชื่อว่า A. S. Colourmatic ซึ่งเป็นจอแสดงผลเชิงโต้ตอบ (interactive window display) ขั้นตอนการทำงานของมัน จะเริ่มต้นเมื่อมีคนมายืนอยู่ในตำแหน่งที่กำหนดไว้ด้านหน้าจอ หลังจากนั้น ก็จะให้ระบุเพศ แล้วระบบก็จะทำการประมวลผลวิเคราะห์เสื้อผ้าที่ควรกำลังสวมใส่อยู่ ณ ขณะนั้น โดยระบบจะคิดคะแนนเปรียบเทียบกับคนทั่วไปจากสามหัวข้อ ได้แก่ ความเหมาะสมกับฤดูกาล, ความทันสมัย และ ความคิดริเริ่มไม่ซ้ำใคร ดังนั้น ผลลัพธ์ที่ออกมา จะเป็นตัวบอก หัวข้อที่เป็นจุดอ่อนซึ่งเราควรปรับปรุง และยังแนะนำเสื้อผ้าภายในร้านค้าที่เหมาะกับเรามากที่สุด
จากเฉดสีเสื้อผ้าของ A. S. Colour ที่มากมายกว่า 50 เฉดสี เมื่อนำ A. S. Colourmatic มาแก้ปัญหาอาการกังวลในการใส่เสื้อผ้าสีสันของผู้บริโภค ก็พบว่า มีผู้บริโภคให้ความสนใจใช้บริการเทคโนโลยีดังกล่าวกว่า 10,000 คน ช่วยเพิ่มยอดขายได้กว่าร้อยละ 16 นอกจากนี้ มันยังช่วยให้พวกเขาได้คะแนนสูงกว่าคนทั่วๆไปเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 28 และที่สำคัญที่สุด มีกระแสตอบรับเข้ามามากมาย ซึ่งต้องการให้ A. S. Colour พาเจ้าเครื่อง A. S. Colourmatic มาติดตั้งที่สาขาอื่นๆดูบ้าง
[youtube]http://www.youtube.com/watch?v=1N0swMGV4x4[/youtube]
ที่มา: pskf