เดินทางมาถึงปีที่ 5 แล้ว สำหรับการผลักดันและพัฒนาศักยภาพคนไทยในด้านดนตรีของ กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ผ่านการประกวดวงดนตรีสากลมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ผู้ที่มีใจรักในเสียงเพลงได้มีเวทีปล่อยของ และต่อยอดไปสู่เวทีระดับโลกต่อไป ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่า นับตั้งแต่เริ่มต้นจัดการประกวดวงดนตรีขึ้นในไทย นอกจากจะสร้างสีสันให้กับวงการดนตรีแล้ว ยังปั้นคลื่นลูกใหม่ออกมาเฉิดฉายในวงการเพลงอย่างมากมาย
มาในปีนี้ คิง เพาเวอร์ จึงต่อยอดไอเดียการประกวดวงดนตรีสากลให้เข้มข้นกว่าเดิม ด้วยการจับมือ วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล และ 5 ค่ายเพลงแถวหน้าของไทย จัดประกวดวงดนตรีสากลประจำปี 2565 THE POWER BAND 2022 SEASON 2 ภายใต้คอนเซปต์ DREAM IT, DO IT กล้าฝัน! กล้าทำ! เพื่อเฟ้นหาคนหัวใจดนตรีรุ่นใหม่มาเฉิดฉายในวงการเพลงมากขึ้น Brand Buffet ขอพามาย้อนดูความสำเร็จตลอด 5 ปีของคิง เพาเวอร์ กับการปั้นเมล็ดพันธุ์ทางดนตรี และเจาะไอเดียการประกวดล่าสุดกับ THE POWER BAND 2022 SEASON 2 เวทีที่จะทำให้คนมีฝันได้ปล่อยของอย่างเต็มที่ยิ่งขึ้น
มากกว่าจำนวนนักดนตรี คือ การสานฝันคนดนตรีให้มีเวทีปล่อยของ
เพราะเชื่อว่าคนไทยมีศักยภาพด้านดนตรีไม่แพ้ชาติใดในโลก ทั้งยังเชื่อในการให้โอกาส ประกอบกับหนึ่งใน Mission หลักของกลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ ต้องการสนับสนุนให้คนไทยกล้าคิดและได้แสดงศักยภาพไปไกลถึงระดับโลก ทำให้ตั้งแต่ปี 2560 การส่งเสริมและพัฒนาศักยภาพด้านดนตรีให้กับคนไทยจึงเกิดขึ้น ผ่านโครงการเพื่อสังคม KING POWER THAI POWER พลังคนไทย ผ่านการสร้างสรรค์กิจกรรมใน 3 แกนหลักๆ คือกีฬา ชุมชม และดนตรี (Music Power)
สำหรับการผลักดันให้คนไทยได้แสดงพลังทางด้านดนตรีออกมาอย่างเต็มที่ คิง เพาเวอร์ ได้สนับสนุนผ่านกิจกรรมการประกวดวงดนตรี ซึ่งในปีแรกร่วมกับวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล จัดโครงการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทย (TIWSC) โดยมีเหล่านักดนตรีรุ่นใหม่เข้ามาร่วมแสดงความสามารถมากมาย ทั้งยังสามารถสร้างชื่อเสียงคว้าชัยชนะระดับโลก
จากความสำเร็จในปีแรก 2 ปีถัดมา คิง เพาเวอร์ จึงลุยจัดการประกวดวงดุริยางค์เครื่องเป่านานาชาติแห่งประเทศไทยต่อเนื่องทันที จากนั้นในปี 2564 ได้เริ่มต่อยอดมาสู่การประกวดเวทีวงดนตรีสากลสมัยนิยมผสมเครื่องเป่า ในชื่อ THE POWER BAND ที่เป็นการฟีเจอร์ริ่งระหว่างเครื่องเป่าและวงดนตรีสากลสมัยนิยม เพราะมองว่าวิธีนี้จะช่วยให้เกิดการเชื่อมสังคมดนตรีเข้าด้วยกันมากขึ้น จนทำให้มีผู้ที่มีใจรักดนตรีทั้งคนไทยและต่างชาติ เข้ามาโชว์พลังดนตรีเพิ่มขึ้นทุกๆ ปี
แม้จำนวนนักดนตรีที่เข้ามาประกวดตลอด 4 ปีที่ผ่านมา อาจเป็นเครื่องยืนยันถึงความสำเร็จ แต่ คุณอภิเชษฐ์ ศรีวัฒนประภา ผู้ช่วยประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการและรักษาการรองกรรมการผู้อำนวยการสายงานการตลาด กลุ่มบริษัท คิง เพาเวอร์ มองว่า ความสำเร็จที่น่าภูมิใจมากกว่านั้น คือ การได้เห็นนักดนตรีรุ่นใหม่ที่มีฝันได้มีโอกาสแสดงฝีมือออกมา และผู้เข้าแข่งขันสามารถนำประสบการณ์ที่ได้ไปพัฒนาฝีมือให้เพิ่มขึ้นเพื่อต่อยอดสู่การเป็นศิลปินมืออาชีพต่อไปในอนาคต
สิ่งสำคัญที่ทำให้การประกวดวงดนตรีสากลของคิง เพาเวอร์ได้รับการตอบรับจากนักดนตรีต่อเนื่องทุกๆ ปี นอกจากพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้านดนตรีแล้ว ยังมาจากการปรับรูปแบบการแข่งขันให้เข้ากับยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไปอยู่เสมอ ส่งผลให้การแข่งขันในแต่ละปีมีความแตกต่างไปจากเดิม และยังสามารถดึงศักยภาพของนักดนตรีออกมาโชว์ความสามารถอย่างโดดเด่น
“การแข่งขันในปีนี้ เป็นการต่อยอดความสำเร็จจากซีซั่นที่แล้ว โดยซีซั่นนี้ได้ปรับรูปแบบการแข่งขันให้มีความเป็น POP BAND มากขึ้น ซึ่งจะเป็นแรงผลักดันให้เยาวชนที่มีฝันก้าวเข้าไปใกล้ความฝันในการเป็นศิลปินมากยิ่งขึ้น เพราะแค่มีนักร้อง วงดนตรี และจะนำเครื่องดนตรีอะไรมาผสมก็ทำได้หมด จากเดิมที่มีโจทย์บังคับให้ต้องใช้เครื่องดนตรีเป่า เพราะพบว่า การทำรูปแบบนี้ค่อนข้างยากสำหรับผู้เข้าแข่งขันในช่วงโควิด-19” คุณอภิเชษฐ์ บอกถึงความแตกต่างของ THE POWER BAND SEASON 2
ลุยผนึกกำลัง 5 ค่ายเพลง พร้อมออดิชั่น 5 สนามแข่งทั่วประเทศ ให้โชว์พลังดนตรีอย่างไร้ขีดจำกัด
นอกจากการปรับรูปแบบการแข่งขันใหม่ให้มีความเป็น POP BAND มากขึ้นแล้ว ดร.ณรงค์ ปรางค์เจริญ คณบดีวิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกว่า ความพิเศษของการแข่งขันในครั้งนี้ยังเป็นครั้งแรกที่ดึง 5 ค่ายเพลงชื่อดังในไทย ได้แก่ ค่ายเพลง Muzik Move, Smallroom, LOVEiS Entertainment, What The Duck และ Warner Music Thailand มาเสริมทัพความเข้มข้นยิ่งขึ้น โดยแต่ละค่ายจะส่งศิลปินไปแสดงทั้ง 5 สนามแข่งขันในรอบออดิชั่น ได้แก่ ขอนแก่น ชลบุรี เชียงใหม่ สงขลา และกรุงเทพมหานคร เพื่อแชร์ประสบการณ์และแรงบันดาลใจให้น้องๆ ที่เข้ามาร่วมประกวด และเฟ้นหาแชมป์ของแต่ละสนาม มาชิงความเป็นหนึ่งในรอบชิงชนะเลิศระดับประเทศ
ดร.ณรงค์ บอกว่า สาเหตุที่เพิ่มรอบออดิชั่นจาก 1 สนามมาเป็น 5 สนาม เพราะจากการลงพื้นที่ศึกษาข้อมูล พบว่า การแข่งขันเพียงครั้งเดียวในหนึ่งปีอาจจะไม่พอ และการแข่งในสนามแล้วแพ้ ไม่ได้แปลว่าฝีมือคนๆ นั้นแย่ เพราะสิ่งที่ผู้เข้าแข่งขันจะได้รับคือ ประสบการณ์และความรู้จากการแข่งขันซึ่งหาไม่ได้จากในห้องซ้อมและห้องเรียน เพราะฉะนั้น ปีนี้ทุกคนสามารถจะประกวดได้ทุกพื้นที่เพื่อให้มีโอกาสทดลอง คนที่มีฝัน หากฝันครั้งแรกไม่สำเร็จ ก็ลองครั้งที่สอง ครั้งที่สาม ครั้งที่สี่ไปเรื่อยๆ ซึ่งการทำแบบนี้จะเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้ฝึกฝนและพัฒนาตัวเองให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
“ผมคิดว่าแพ้ชนะไม่สำคัญสำหรับการประกวดเวทีนี้ เพราะเราไม่ได้สนใจแค่ผู้ชนะ เราสนใจผู้แพ้ด้วย เพราะผู้ชนะมีแค่คนเดียว ขณะที่ผู้แพ้มีจำนวนมากกว่า ดังนั้น ถ้าสนใจแต่ผู้ชนะ เราจะได้คนแค่หนึ่งคนเท่านั้น แต่เราคิดว่าการพัฒนาศักยภาพเป็นเรื่องสำคัญ ผู้แพ้สามารถฝึกฝนตัวเองให้เก่งขึ้นและกลับมาใหม่ได้ ยังมีโอกาสอยู่เสมอ”
ได้ทั้งเงินรางวัล ประสบการณ์ แถมทำซิงเกิลพิเศษกับค่ายเพลง
สำหรับการประกวด THE POWER BAND 2022 SEASON 2 แบ่งการประกวดออกเป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1.ระดับมัธยมศึกษา (Class A) 2.ระดับบุคคลทั่วไป (Class B) และ 3.ประเภทดนตรีสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด (Class C) โดยวงที่ชนะเลิศจากการแข่งขันครั้งนี้ ไม่เพียงจะได้รับเงินรางวัลเท่านั้น แต่ยังจะได้ร่วมทำซิงเกิลเพลงและมิวสิควิดีโอกับค่ายเพลง ภายใต้การดูแลของ บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด อีกด้วย
นอกจากนี้ ในเวทีการประกวดวงดนตรีสากลครั้งนี้ ยังได้รับเกียรติจากคณะกรรมการมืออาชีพที่มีชื่อเสียงระดับประเทศคอยให้คำแนะนำอย่างใกล้ชิด อาทิ นักปั้นศิลปินแถวหน้าของเมืองไทย นิค วิเชียร ฤกษ์ไพศาล ผู้ก่อตั้งค่ายเพลง Genie Records, ฟองเบียร์ ปฏิเวธ อุทัยเฉลิม รองกรรมการผู้จัดการบริหาร บริษัท มิวซิกมูฟ จำกัด และผู้บริหารค่าย Me Records และ พล คชภัค ผลธนโชติ ผู้บริหารค่าย Boxx Music และ Zircle Muzik, ติ๊ก กฤษติกร พรสาธิต ผู้บริหารค่าย Home Run Music หรือที่รู้จักในนาม ติ๊ก วง Playground, ดริน พันธุมโกมล รองคณบดีฝ่ายการศึกษา วิชาการและวิจัย หัวหน้าสาขาดนตรีแจ๊ส วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล, เจ มณฑล จิรา ผู้อยู่เบื้องหลังศิลปินดัง, ตุล ไวฑูรเกียรติ หรือ ตุล อพาร์ตเมนต์คุณป้า และต้นตระกูล แก้วหย่อง อาจารย์สาขาวิชาดนตรีสมัยนิยม วิทยาลัยดุริยางคศิลป์ มหาวิทยาลัยมหิดล รวมถึงคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิจากต่างประเทศ
“สิ่งที่เราอยากเห็นก็คือ คนไทยได้แสดงศักยภาพทางด้านดนตรีไทยก้าวไกลไปสู่ระดับโลก อย่างน้อยๆ เยาวชนที่เข้ามาแข่งขันรวมถึงบุคคลทั่วไปจะได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสว่าวงการดนตรีของไทยมีผู้เชี่ยวชาญที่มีศักยภาพที่จะพัฒนาความสามารถทางด้านดนตรีของพวกเขาให้มากยิ่งขึ้น และยังเป็นการเปิดโอกาสให้น้องๆ ได้มีโอกาสเข้ามาทำงานเพลงของตัวเอง” คุณอภิเชษฐ์ ย้ำด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่น
สำหรับน้องๆ นักดนตรีที่กำลังตามหาความฝัน โอกาสมาถึงแล้ว สามารถสมัครเข้าประกวดได้ตั้งแต่วันที่ 1 มิถุนายน-2 กันยายน 2565 ผ่านทางเว็บไซต์: www.music.mahidol.ac.th/thepowerband และเฟซบุ๊ก: thepowerband.mahidol สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 02-800-2525 ต่อ 3109 และ 02-441-5305