นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เป็นประธานเปิดงาน THAIFEX-ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” พร้อมด้วยนายกีรติ รัชโน รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายภูสิต รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ อธิบดีกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทย นายแมธเธียส คูเปอร์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท โคโลญเมสเซ่ ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงพาณิชย์ และผู้แทนหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ที่อาคาร Challenger Hall 2 อิมแพ็ค เมืองทองธานี
นายจุรินทร์ กล่าวว่า อุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่มเป็นอุตสาหกรรมที่สำคัญของเศรษฐกิจไทย เห็นได้จากการที่ประเทศไทยส่งออกอาหารเป็นอันดับ 13 ของโลก โดยมีสัดส่วนกว่า 2.3% และส่งออกมากเป็นอันดับ 4 ของเอเชีย แม้ว่าการค้าระหว่างประเทศจะมีข้อจำกัดที่เกิดขึ้นจากโรคระบาดแต่ในไตรมาสแรกของปี 2565 ไทยสามารถส่งออกสินค้าอาหารได้กว่า 2.86 แสนล้านบาท ขยายตัวเพิ่มขึ้น 28.8% เปรียบเทียบกับไตรมาสแรกของปี 2564 ตัวเลขดังกล่าวเกิดขึ้นได้นั้น ไม่ใช่เพราะ “ความโชคดี” แต่เป็นผลจากการทำงานร่วมกันอย่างเข้มข้นระหว่างภาครัฐและภาคเอกชนในรูปแบบ กรอ.พาณิชย์ ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการแก้ไขปัญหาทางการค้า โดยเฉพาะการค้าระหว่างประเทศ
อีกหนึ่งผลลัพธ์ที่ได้มาจากกลไก กรอ.พาณิชย์ คือการสร้างความมั่นใจในการบริโภคอาหารและผลผลิตทางการเกษตรจากประเทศไทย ว่ามีความปลอดภัยและปราศจากเชื้อโควิด โดยตนได้ริเริ่มการทำงานร่วมกันระหว่าง 4 กระทรวง ในการออกหนังสือรับรอง COVID-19 Prevention Best Practice ให้กับ 262 โรงงาน เพื่อสร้างมาตรฐานทางความปลอดภัย และผู้ซื้อสามารถตรวจสอบย้อนกลับแหล่งผลิตได้นั้น เพิ่มความมั่นใจและยกระดับประเทศไทยก้าวสู่การเป็นศูนย์กลางการเป็นผู้ผลิตสินค้าเกษตรและอาหารของโลก
อีกนโยบายที่สำคัญ คือ การทำให้อาหารไทยกลายเป็นอาหารโลก โดยคำนึงถึงการตอบสนองเทรนด์แห่งอนาคตด้วย BCG Model ในเรื่องนี้ ตนได้สั่งการให้กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ จัดทำแผนกลยุทธ์ Soft Power ขึ้น ซึ่งนอกจากจะทำให้ผู้คนได้รู้จักอาหารไทยแล้ว จะนำไปสู่การสร้างความชื่นชอบในความเป็นไทยที่มีเสน่ห์และความเฉพาะตัวไปอยู่ในจิตใต้สำนึกของคนทั่วโลก ซึ่งผลลัพธ์ที่จะเกิดขึ้นจากแผน Soft Power นี้ จะนำไปสู่ความต้องการของสินค้าและบริการของไทยมากยิ่งขึ้น สร้างการส่งออกจากประเทศไทยไปทั่วโลกให้เพิ่มมากยิ่งขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ กระทรวงพาณิชย์ก็ได้ทำงานอย่างต่อเนื่องในการพัฒนากิจกรรมเพื่อส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศให้ตอบสนองกับความต้องการของผู้ซื้อจากทั่วโลก ซึ่งปัจจุบัน หลายประเทศได้เริ่มเปิดประเทศให้กับนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยประเทศไทยก็ได้ดำเนินการกิจกรรมเพื่อสร้างให้ “อาหารไทยเป็นอาหารโลก” ได้ สำหรับการจัดงาน THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ด้วยแนวคิด “Re-imagine the Future of Food and Beverage Industry” นี้ จัดขึ้นเพื่อตอบสนองความต้องการของผู้ซื้อจำนวนมาก ที่ต้องการเข้ามาซื้อสินค้าจากผู้ขายในประเทศ
“โดยงานแสดงสินค้าแบบ On-Site จัดขึ้นตั้งแต่วันที่ 24 – 28 พฤษภาคม 2565 และสำหรับผู้ซื้อที่ยังไม่สะดวกในการเดินทางเข้ามายังประเทศไทย ก็สามารถชมบูธภายในงานได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ THAIFEX Virtual Trade Show โดยจะจัดงานออนไลน์คู่ขนานไปกับงาน On-site แต่เพิ่มความพิเศษคือ ผู้ซื้อสามารถใช้ช่องทางนี้ในการค้นหาและพูดคุยกับผู้ขายได้ต่อเนื่องไปอีก 1 ปี เพื่อสร้างโอกาสทางการค้ามากยิ่งขึ้นโดยการจัดงานแสดงสินค้าในรูปแบบ hybrid นี้ จะสามารถสร้างมูลค่าทางการค้ากว่า 10,000 ล้านบาทให้กับเศรษฐกิจไทยได้”
ข้อมูลจากกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศระบุว่า งานแสดงสินค้าอาหารในปี 2565 THAIFEX – ANUGA ASIA 2022 “The Hybrid Edition” ซึ่งเป็นงานผสมผสาน ระหว่างการจัดงานในศูนย์แสดงสินค้า (Offline) และงานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริง (Online) ซึ่งในปีนี้ มีผู้เข้าร่วมงานออฟไลน์ ทั้งสิ้น 1,603 บริษัท ประกอบด้วย ผู้ประกอบการไทย จํานวน 722 บริษัท และผู้ประกอบการต่างชาติ จํานวน 881 บริษัท จาก 36 ประเทศ อาทิ เอเชียตะวันออก อาเซียน ยุโรป สหรัฐอเมริกา ออสเตรเลีย ลาตินอเมริกา ตะวันออกกลาง และอื่นๆ ซึ่งคาดว่าจะสร้างมูลค่ารวม 10,000 ล้านบาท จากงานออฟไลน์ 9,550 ล้านบาท และงานออฟไลน์ 450 ล้านบาท โดยคาดว่าระหว่างวันที่ 24 -28 พ.ค.65 นี้ จะมีก็ผู้เข้าร่วมงานกว่า 75,000 คน
สินค้าที่นํามาจัดแสดงภายในงานแบ่ง ออกเป็น 11 โซน ประกอบด้วย สินค้าอาหารทุกประเภท อาหารทะเล อาหารแช่แข็ง ข้าว ผักและผลไม้ ขนมขบเคี้ยว เครื่องดื่ม ชาและกาแฟ เครื่องมือ/เครื่องใช้/ อุปกรณ์ รวมถึงบริการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมอาหารและเครื่องดื่ม นอกจากยังมีโซนพิเศษ สําหรับจัดแสดงสินค้าในกลุ่มฮาลาล ออแกนิกส์ และอาหารแห่งอนาคต ในส่วนของการจัดงานออนไลน์ เป็นการจัดงานแสดงสินค้าอาหารเสมือนจริงที่เรียกว่า THAIFEX – Virtual Trade Show (THAIFEX – VTS) ผ่านแพลตฟอร์ม www.thaifex-vts.com ผู้ใช้งานสามารถเข้าสู่งานเสมือนจริงได้ตลอด 24 ชั่วโมง นับเป็นอีกหนึ่งช่องทางในการเจรจาการค้าระหว่างผู้ส่งออกไทยและผู้ซื้อจากทั่วทุกมุมโลก