HomeBig Featured‘เฮียฮ้อ’ RS กางแผน 3 ปี ปั้นธุรกิจขายตรง ULife ไต่อันดับท็อป 5 พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  

‘เฮียฮ้อ’ RS กางแผน 3 ปี ปั้นธุรกิจขายตรง ULife ไต่อันดับท็อป 5 พร้อมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ  

แชร์ :

ULife Rebrand

หลังจาก “อาร์เอส กรุ๊ป” ของ “เฮียฮ้อ” สุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ เข้าซื้อกิจการทั้งหมดของ “ยูไลฟ์” (ULife) ธุรกิจขายตรง อายุ 22 ปี จากยูนิลีเวอร์เป็นที่เรียบร้อยในเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา ตามดูแผนธุรกิจ “ยูไลฟ์” ภายใต้อาณาจักร RS ประกาศปั้นขายตรงยุคใหม่เตรียมเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 2567-2568

ADFEST 2024

Santos Or Jaune

นับจาก “อาร์เอส” ทรานส์ฟอร์มตัวเองจากธุรกิจสื่อและบันเทิง มาเป็นโมเดล Entertainmerce มองหา New Growth ต่อยอดธุรกิจเดิม ด้วยการเดินหน้า M&A และ JV ธุรกิจใหม่ๆ เข้ามาในพอร์ตโฟลิโอ การเข้าซื้อกิจการ “ยูไลฟ์” มูลค่า 900 ล้านบาท ถือเป็นดีลที่มีมูลค่าสูงสุด และเป็นธุรกิจที่ “เฮียฮ้อ” อยากได้มากที่สุด เพื่อมาต่อจิ๊กซอว์แพลตฟอร์มการขายผ่านเครือข่ายสมาชิก ULife

สิ่งที่ อาร์เอส ได้จาก ULife  คือการเข้าสู่ธุรกิจขายตรงทันที โดยมีฐานสมาชิกในเครือข่ายธุรกิจกว่า 1.5 แสนคน แอคทีฟกว่า 40% ได้ 3 แบรนด์ระดับพรีเมี่ยม 1. ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและสุขภาพ “Beyonde” 2.ผลิตภัณฑ์สุขภาพความงาม “Aviance”  3. ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพภายในช่องปาก “I-Fresh”  มีสินค้ารวมกัน 43 ผลิตภัณฑ์ จำนวน 76 SKU ได้ช่องทางการจัดจำหน่ายทั้งออนไลน์และร้านค้า 22 แห่ง ระบบบริหารจัดการและ Software ที่ใช้ในการดำเนินธุรกิจ

หากอาร์เอส เริ่มต้นธุรกิจขายตรงเอง คงต้องใช้เวลาเป็น 10 ปี ใช้เงินหลัก 1,000 ล้านบาท และไม่รู้ว่าจะทำยอดขายได้เท่า ULife หรือไม่ นี่จึงเป็นโอกาสครั้งสำคัญมากในการเข้าสู่ธุรกิจขายตรง ตลาดที่มีมูลค่า 70,000 ล้านบาท และยังมีผู้เล่นหน้าใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง

ULife Packaging

วาง 4 กลยุทธ์ ULife ขายตรงยุคใหม่ เตรียมเข้าตลาดฯ ใน 3 ปี

เมื่อ ULife เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของ Ecosystem อาร์เอส เชื่อมโยงตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ทั้งความหลากหลายของสินค้า ช่องทางการขาย คอนเทนต์บันเทิง กิจกรรม และอีเวนต์ต่างๆ โดยมีการเชื่อมต่อฐานข้อมูลกับทุกหน่วยธุรกิจของ อาร์เอส ที่จะสนับสนุนให้ “ยูไลฟ์” ก้าวสู่ขายตรงยุคใหม่ ภายใต้ 4 กลยุทธ์หลัก

1. Rebranding ยูไลฟ์ด้วยภาพลักษณ์ใหม่ สีสันสดใส ด้วยสีเหลืองมะนาวและม่วง เป็นบริษัทขายตรงที่ทันสมัย

2. ใช้ศักยภาพของโมเดลธุรกิจ Entertainmerce ของอาร์เอส เป็นแต้มต่อในการทำธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็นทีวี วิทยุ ออนไลน์ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมทั้งนำ Popcoin สมาร์ท มาร์เก็ตติ้ง แพลตฟอร์ม มาเป็นเครื่องมือการตลาด รวมทั้งเปิดตัวไลฟ์สไตล์รีวอร์ด เพื่อสร้าง CRM ให้นักธุรกิจและลูกค้า

3. เสนอผลตอบแทนใหม่ สำหรับนักธุรกิจขายตรง (Business Partner) เพื่อเพิ่มรายได้ให้สมาชิกทั้งปัจจุบันและรายใหม่ จากเดิมเริ่มต้น 5% ของยอดขาย เป็น 15% เพื่อให้ ULife เป็นอีก “ตัวเลือก” ในการทำธุรกิจท่ามกลางการแข่งขันกับแพลตฟอร์มออนไลน์ในยุคนี้

4. ขยายเครือข่าย Business Partners จากปัจจุบันมี 1.5 แสนคน เพิ่มเป็น 1 ล้านคน ภายใน 3 ปี รวมทั้งขยายฐานลูกค้าให้ได้ 10 ล้านคน

ปี 2564 ยูไลฟ์ทำรายได้ราว 640 ล้านบาท  ปี 2565 อาร์เอสซื้อกิจการยูไลฟ์และโอนเข้ามาอยู่ในเครือบริษัทตั้งแต่พฤษภาคม 2565 คาดว่าปีนี้จะมีรายได้ 1,100 ล้านบาท 

“เฮียฮ้อ” สุรชัย วางเป้าหมายในอีก 3 ปีจากนี้ ULife จะเติบโตก้าวกระโดด  โดยในปี 2567 จะมีรายได้แตะ 3,000 ล้านบาท  ก้าวขึ้นสู่ผู้นำขายตรงติดอันดับท็อป 5 (จากปัจจุบันอยู่ในกลุ่มท็อปเทน)  และนำ ULife เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ  ในปี 2567-2568  ปัจจุบันได้แต่งตั้งที่ปรึกษาการเงิน (FA) เรียบร้อยแล้ว

ULife 4p RS เปลี่ยนนักธุรกิจขายตรงเป็น Nano Influencer 

แม่ทัพหลักบริหาร ULife คุณสุชาดา ธีรวชิรกุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส-ยู ไลฟ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้บริหารมาตั้งแต่ยุคเริ่มต้นที่ “ยูนิลีเวอร์” ก่อตั้งธุรกิจขายตรงในปี 2543 กระทั่งมาอยู่ในอาณาจักรอาร์เอส กล่าวว่า แผนธุรกิจ “ยูไลฟ์ ยุคใหม่” จะขับเคลื่อนด้วย 4P  ดังนี้

Product : การพัฒนาสินค้าที่อยู่ในชีวิตประจำวันผู้บริโภค ที่มีการใช้ซ้ำต่อเนื่อง ปัจจุบัน ULife มีสินค้า 3 กลุ่ม คือ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร, บิวตี้ และผลิตภัณฑ์ดูแลช่องปาก หลังจากนี้จะขยายสินค้ากลุ่มใหม่เข้ามาต่อเนื่อง เช่น เดลี่ฟู้ด เครื่องดื่มกาแฟ, ผลิตภัณฑ์ดูแลบ้าน, ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผม  เป็นต้น  เพื่อให้ลูกค้าเดิมกลุ่มพรีเมี่ยมใช้ซ้ำและสร้างฐานลูกค้าใหม่ในกลุ่มระดับกลาง  ภายใน 3 ปีนี้ จากสินค้า 3 แบรนด์ จำนวน 76 SKU จะเพิ่มเป็น 6 แบรนด์ จำนวนไม่ต่ำกว่า 200 SKU

Platform :  ช่องทางการจำหน่ายสินค้า ทั้งสมาชิกนักธุรกิจที่เป็น Business Partners ของ ULife ปัจจุบันยังเป็นช่องทางหลักของธุรกิจขายตรง ที่มีสัดส่วนยอดขาย 60-70%  พร้อมขยายสู่ช่องทางออนไลน์ทุกแพลตฟอร์ม รวมทั้งอีมาร์เก็ตเพลส เพื่อสร้างการรับรู้แบรนด์ในตลาดอีคอมเมิร์ซและฐานลูกค้าใหม่ รวมทั้งช่องทาง On Air ผ่านสื่อของอาร์เอส กรุ๊ป นอกจากนี้ยังมี “ช็อป” 22 แห่ง เพื่อให้ลูกค้าได้เห็นสินค้า เป็นสถานที่ใช้สร้าง Brand Experience ให้กับผู้บริโภค

Partnership : การเป็นพันธมิตรเข้ากับ Ecosystem ของอาร์เอส กรุ๊ป ในฐานะเป็น Partner และเป็นจุดเด่นของยูไลฟ์ ที่แตกต่างจากขายตรงอื่นๆ เพื่อใช้เครื่องมือการตลาดร่วมกัน อย่าง Popcoin ที่เป็น Smart Commerce Platform ให้ Business Partners เข้าถึงผู้บริโภค โดยปีนี้ ULife จะใช้งบการตลาดกว่า 100 ล้านบาท และ 200 ล้าน Popcoins  เพื่อขยายธุรกิจและสร้างยอดขายให้ได้ตามเป้าหมาย

People :  การพัฒนาศักยภาพนักธุรกิจ หรือ Business Partners ของ ULife ด้วย Business Coach ที่มีประสบการณ์กับการโค้ชงาน เสริมทักษะการเรียนรู้ออนไลน์ การทำตลาด On-site เป้าหมายของยูไลฟ์ ต้องการพัฒนาให้ Business Partners เป็น Nano Influencers  สร้างฐานลูกค้าผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ของแต่ละคน ที่สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้กว้างขึ้น และใช้เป็นช่องทางการสื่อสาร นำเสนอสินค้า และดูแลลูกค้า เป็นกลยุทธ์การตลาด Affiliate Marketing (การทำการตลาดโดยอาศัยตัวแทนเพื่อโฆษณาสินค้าหรือบริการ)

“ยูไลฟ์จะแก้ pain point ธุรกิจขายตรงแบบเดิม ที่ลูกค้ารู้สึกว่าถูกนักธุรกิจขายตรงตามนำเสนอสินค้า โดยสร้างให้พวกเขาเป็น Nano Influencers มีผู้ติดตาม และใช้ DNA ของนักธุรกิจขายตรงที่ตามคนเก่ง มาคอยดูแลผู้ติดตามในเครือข่ายของแต่ละคนแทน” 

การเข้าสู่ธุรกิจขายตรงของ “เฮียฮ้อ” มองโอกาสการเติบโตของ ULife ทั้งในประเทศไทยและอาเซียน ที่มีเครือข่าย ULife อยู่ใน 4 ประเทศ คือ ลาว กัมพูชา มาเลเซีย และสิงคโปร์ ซึ่งจะเดินหน้าขยายธุรกิจไปพร้อมกัน เพื่อให้ ULife เป็นอีกธุรกิจดาวรุ่งของอาร์เอส

ULife RS CEO

คุณสุชาดา ธีรวชิรกุล-คุณสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์

อ่านเพิ่มเติม 


แชร์ :

You may also like