เมื่อพฤติกรรมของผู้บริโภคในปัจจุบันแตกต่างไปจากเดิม เพราะการเข้าถึงข้อมูลได้มากขึ้น ทำให้สามารถเปรียบเทียบจุดเด่นจุดด้อยของสินค้าได้อย่างรอบด้านมากขึ้นกว่าเดิม เรื่องของ Brand Loyalty จึงมีผลต่อการตัดสินใจซื้อน้อยลงไปทุกที โดยเฉพาะกับกลุ่มเป้าหมายที่เป็นคนรุ่นใหม่ ซึ่งมีความเป็นตัวของตัวเองสูง การจะซื้อสินค้าอะไรแต่ละชิ้นจะมองเรื่องของความคุ้มค่า และความสามารถในการตอบโจทย์สิ่งที่กำลังมองหาได้อย่างสูงสุดเป็นสำคัญ ขณะที่ความเชื่อในเรื่องของแบรนด์อาจจะลดความสำคัญจนกลายเป็นปัจจัยรองๆ ลงไป
ไม่เว้นแม้แต่ในกลุ่มรถยนต์ซึ่งเป็นสินค้าที่มีราคาค่อนข้างสูง และคงไม่ได้ถอยรถคันใหม่กับบ่อยๆ จึงต้องอาศัยความเชื่อมั่นที่มีต่อแบรนด์นั้นๆ ในการตัดสินใจซื้อแต่ละครั้ง แต่ปัจจุบันผู้บริโภครุ่นใหม่เริ่มไม่ได้ยึดติดอยู่กับเพียงแบรนด์ที่ทำตลาดมานานเท่านั้น แต่ “กล้า” ที่จะเปิดใจเพื่อมองหาทางเลือกใหม่ที่ตอบโจทย์และสะท้อนตัวตนได้มากกว่า รวมไปถึงเรื่องของราคาที่มีความคุ้มค่าและจับต้องได้มากขึ้น ซึ่งข้อดีของ “ความกล้า” นี้ จะทำให้ผู้บริโภคได้รถยนต์ที่ตอบโจทย์กับการใช้ชีวิตที่แท้จริง
MG สร้างตลาดจาก Real Demand
เมื่อตลาดและกลุ่มเป้าหมายเปิดกว้าง จึงเป็นโอกาสของแบรนด์ในการสนองต่อสิ่งที่ลูกค้ากำลังมองหา เช่นเดียวกับเส้นทางในการสร้างตลาดของ MG และทำให้ก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่ผู้บริโภคให้การยอมรับ แม้จะเพิ่งเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยในเวลาเพียงไม่นาน แต่ก็มาแรงแซงทางโค้งจนกลายเป็นแบรนด์ม้ามืดที่ทำยอดขายเติบโตได้อย่างน่าจับตามอง
จากความโดดเด่นทั้ง เทคโนโลยี (Technology) ซึ่งขาดไม่ได้ในยุคดิจิทัลไลฟ์สไตล์ ที่ทุกคนต่างอยู่ในโลกออนไลน์เกือบตลอดเวลา แม้แต่เวลาที่อยู่ในรถดีไซน์ การออกแบบก็สำคัญเพราะความทันสมัย (Fashion) จะบ่งบอกตัวตนและไลฟ์สไตล์ของผู้ขับขี่ และที่สำคัญเลยก็คือ ความคุ้มค่า (Value) ซึ่งชี้วัดด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกเมื่อเปรียบเทียบกับราคา
ล่าสุด MG เปิดตัว NEW MG5 MY 2022 ซึ่งสะท้อนถึงความสำเร็จจากการเป็นแบรนด์ที่มองผู้บริโภคเป็นศูนย์กลาง และมีความเข้าใจอินไซต์ผู้บริโภคเป็นอย่างดี ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Beyond” ที่ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้แบบเหนือความคาดหมายได้ครบทุกมิติ ออกโลดแล่นอยู่บนท้องถนนเมืองไทยแล้วกว่า 11,330 คัน
แม้ประเทศของเราจะยังคงอยู่ในช่วงสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด -19 แต่ยอดขายของรถรุ่นนี้ก็ไม่ได้ลดลงแต่อย่างใด เรียกได้ว่าเติบโตสวนทางกับหลายๆ อุตสาหกรรมที่มีการชะลอตัว
MG เพิ่มทางเลือกที่คุ้มค่าด้วย NEW MG5 MY 2022
ความสำเร็จที่เกิดขึ้นนี้ สะท้อนถึงการยอมรับของผู้บริโภคที่มีต่อรถรุ่น MG5 ล่าสุด MG ได้ต่อยอดเพื่อยกระดับความคุ้มค่าของรถยนต์นั่งด้วยการออก NEW MG5 MY 2022 ซึ่งยังรักษาจุดเด่นของ NEW MG5 ทั้งดีไซน์ ออปชั่นต่างๆ ที่ลูกค้าชื่นชอบไว้อย่างครบถ้วน และอัพเกรดสเปกใหม่ในทุกรุ่นย่อย ตั้งแต่ตัวเริ่มต้นอย่าง รุ่น C ที่ใส่ล้ออัลลอยด์ขนาด 16 นิ้ว รุ่น D ที่เพิ่มขนาดล้ออัลลอยด์เป็น 17 นิ้ว และ รุ่น X ที่ลุคสปอร์ตมากยิ่งขึ้นด้วยสปอยเลอร์หลัง ในช่วงราคา 585,000 – 709,000 บาท
โดยเฉพาะไฮไลท์สำคัญคือ การเพิ่ม รุ่น D+ ซึ่งก็พลัสสมชื่อเพราะนอกจากดีไซน์สวย โดดเด่นแล้ว ยังใส่ฟังก์ชันอำนวยความสะดวกมาให้แบบจัดเต็ม ใกล้เคียงกับรุ่นท็อป ไม่ว่าจะเป็น หน้าจอแสดงผลอัจฉริยะแบบดิจิตอลขนาด 7 นิ้ว เบาะนั่งตำแหน่งคนขับปรับไฟฟ้าได้ 6 ทิศทาง ไฟส่องสว่างที่นั่งแถวหลัง ที่เก็บแว่นตา มีระบบ Cruise Control และกล้องรอบคันแบบ 3 มิติ ที่เป็นประโยชน์ต่อการขับขี่ในเมือง ทำราคาที่เข้าถึงง่ายง่ายเพียง 679,000 บาท ช่วยให้กลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่เพิ่งเริ่มต้นชีวิตทำงานก็สามารถเป็นเจ้าของรถยนต์ที่ทั้งสวย สมรรถนะที่ดี และอัดแน่นด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยได้แบบไม่ต้องหนักใจกับยอดผ่อนต่อเดือน การมาของ D+ จึงค่อนข้างจะถูกที่ถูกเวลามากๆ เลยทีเดียว
สำหรับดีไซน์ของ NEW MG5 MY 2022 ก็ยังคงโดดเด่นตามสไตล์รถยนต์สปอร์ตคูเป้ซีดานทั้งภายนอกและภายใน เอกลักษณ์ยังคงเป็นกระจังหน้า 3 มิติ ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ใหม่ของรถ MG การันตีคุณภาพด้วยรางวัลด้านการออกแบบระดับโลก Good Design Award 2021 ที่สำคัญคือถูกจริตคนไทย
ขณะที่เทคโนโลยีและฟังก์ชันการใช้งาน ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ในชีวิตประจำวัน ทั้งสมรรถนะในการขับขี่ การอำนวยความสะดวกสบาย และเทคโนโลยีที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัย
และที่ทำให้รู้สึกว้าวกับ MG คือความล้ำสมัยของ i-SMART ระบบปฏิบัติการอัจฉริยะโดยเฉพาะฟังก์ชันล่าสุดอย่าง Digital Key หรือ กุญแจดิจิทัล ที่สามารถสั่งการผ่านมือถือได้โดยไม่ต้องใช้กุญแจรถ พร้อมทั้งการส่งกุญแจดิจิทัลเพื่อให้ผู้อื่นสามารถใช้งานรถยนต์ได้โดยการส่งโค้ดผ่านแอพพลิเคชั่น i-SMART ซึ่งปกติเทคโนโลยีเหล่านี้จะมีแค่ในรถหรูเท่านั้น แต่ลูกค้า MG สามารถเข้าถึงเทคโนโลยีนี้ได้เช่นเดียวกันด้วยรถยนต์ในระดับราคาไม่ถึงล้าน
NEW MG5 MY 2022 จึงเป็นรุ่นที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มรถยนต์นั่งส่วนบุคคลขนาดเล็ก มาพร้อมเครื่องยนต์เบนซิน 1.5 ลิตร ให้กำลังสูงสุด 114 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 150 นิวตันเมตร ใส่ดิสก์เบรกมาให้ครบ 4 ล้อ ขับสนุกด้วยระบบช่วงล่างแบบ EURO TUNING SUSPENSION ซึ่งก็ถือว่าเพียงต่อสำหรับการขับขี่ในชีวิตประจำวันแล้ว และที่เหนือกว่าแบรนด์อื่นเลยก็คือความกว้างขวางของห้องโดยสารที่มากเกินกว่าจะถูกจัดอยู่ในกลุ่มรถเก๋งเล็กซะด้วยซ้ำ หากเป็นรุ่นที่มีหลังคาซันรูฟจะยิ่งโปร่งสบายมากขึ้น
แม้จะเป็นแบรนด์ใหม่ที่เพิ่งทำตลาดในไทยได้ไม่นาน แต่การขับเคลื่อนของแบรนด์ MG ในแต่ละครั้งกลับเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและน่าติดตาม ว่าจะสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ให้กับตลาดรถยนต์เมืองไทยได้อย่างไรอีกบ้าง จึงไม่น่าแปลกใจที่แบรนด์ MG จะประสบความสำเร็จในการทำให้แบรนด์ได้รับการยอมรับได้ในเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต่างจากแบรนด์ที่ทำตลาดมานาน ด้วยความกล้าที่จะก้าวข้ามกรอบการทำตลาดแบบเดิมๆ ตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่การเป็นพาหนะสำหรับขับขี่ไปยังจุดหมาย และส่งมอบความคุ้มค่าให้กับผู้บริโภคคนไทยด้วยเทคโนโลยีอย่างไม่รู้จบ